3.ใจเต้นแรง
ลิขิตรักสามีเถื่อน/03.ใจเต้นแรง
คาวิวล์ยืนมองนาฬิกาอยู่ที่หน้าทางขึ้นเครื่อง สองคนนั้นหายไปไหนกัน เครื่องจะออกอยู่แล้วยังไม่มากันอีก และเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าเดวิดเดินมาคนเดียว
"พัตรล่ะ"
คาวิวล์ถามลูกน้องเสียงเข้ม
"ใครครับพัตร อ้อ คุณผู้หญิงนะหรือครับ"
เดวิดผู้ไม่รู้อะไรเลย ใช้ความสามารถในการเดา ทำไมเจ้านายของเขาต้องทำหน้าตาร้อนรนขนาดนั้นด้วย นี่สรุปสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่
"เธออยู่ไหน"
"เธออยู่ที่เดิมครับ"
"แล้วทำไมแกไม่เอาเธอมาด้วย"
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นดุโดยอัตโนมัติ
"อ้าว ก็เธอบอกว่าไม่อยากมะ"
เดวิดยังไม่ทันพูดจบ คาวิวล์ก็เดินพรวดออกไปเสียเเล้ว ชายหนุ่มจึงเกาหัวแกรกๆ สองคนนี้นี่มันแปลกๆอยู่น่ะ
.ชญาพัตรยืนร้องไห้อยู่ที่เดิม บ้าเอ้ย! ทำไมต้องมาร้องไห้เพราะเรื่องแบบนี้ด้วยนะ ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่าเขาจะมาใส่ใจกับคนอย่างเธอทำไมในเมื่อมันก็เป็นเพราะความเซ่อซ่าของเธอเองถึงได้มาเจอกับเขา หัวใจดวงน้อยๆรู้สึกเหมือนหมดแรง เธอตัดสินใจอีกครั้ง เธอต้องดิ้นรนด้วยตัวเองถึงจะถูก อย่าไปหวังพึ่งใครเลย เมื่อคิดได้ดั้งนั้นมือเรียวก็ปาดน้ำตาบนใบหน้าของตนออก หญิงสาวเตรียมตัวจะหันหลังเดินออกไปจากสนามบิน ลาก่อนคาวิวล์ แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปอย่างที่คิด แขนบอบบางก็โดนกระชากให้หันกลับไปทางเดิม
"คุณคาวิวล์!!"
หญิงสาวตกใจขั้นรุนแรง ทำไมเธอรู้สึกได้ถึงแรงของหัวใจที่มันเต้นรัว เธอดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่เขายอมมาตาม
"จะไปไหน!"
ใบหน้าหล่อเรียบเฉย แต่ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังหัวเสียสุดๆ มันหน้าแปลก ทั้งๆที่เขาจะปล่อยเธอไปไหนก็ได้ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องสนใจยัยลูกแมวนี่ แต่ทว่าจิตใจอีกด้านกลับต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ ผู้หญิงตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ถ้าขืนปล่อยให้ไปอยู่คนเดียวคงลำบากแย่ ในฐานะที่เป็นมนุษย์เหมือนกันเขาก็ขอเลือกที่จะช่วยสักครั้ง เพราะถ้าเขาไม่ช่วย วันนึงเขาอาจจะต้องมานั่งเสียใจเพราะยัยนี่ก็ได้
"กะกลับ กลับบะบ้าน"
ชญาพัตรตอบไม่ถูก เธอลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น เมื่อถูกสายตาสีฟ้าแสนแข็งแกร่งคู่นั้นมองมา
"ตลก! ตกลงจะไม่ไปกับฉันใช่ไหม"
เขาถามเสียงจริงจัง ชักจะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้วเมื่อพบว่าเธอจะหนีเขากลับบ้าน
"ก็ก็ เอ่อ .. ฉัน"
ชญาพัตรอึกอัก ถามว่าอยากไปไหม เธออยากไปสุดๆเลย แต่เมื่อเห็นท่าทีหงุดหงิดของเขามันทำให้เธอตัดสินใจไม่ถูก
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
ในระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของคาวิวล์ก็ดังขึ้นมา
"นายครับ มาเร็วเลยครับ เครื่องจะออกแล้ว"
"อืม"
เมื่อได้รับฟังสิ่งที่ลูกน้องบอก เขาก็ไม่สนใจคำตอบของเธอ ชายหนุ่มจึงลากคนตัวเล็กที่ยืนอ้ำอึ้งไปด้วย ไม่รู้แหละ ยังไงซะเธอก็ต้องไปสถานเดียว เพราะเขาออกค่าเครื่องบินไปแล้ว
"นี่คุณ! จะพาฉันไปไหน"
มันเป็นคำถามที่ไม่น่าถามเป็นที่สุด เเต่เธอก็ถามออกไปแล้ว และเขาก็เลือกที่จะไปตอบ คนตัวเล็กจึงเงียบตามเดิม ยอมให้เขาลากขึ้นเครื่องบินอย่างง่ายๆ
บนเครื่องบิน......
ชญาพัตรได้นั่งข้างๆเขาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะหน้าบึ้งไปถึงไหนกัน เธออึดอัดเป็นบ้าเลย นี่ยังดีน่ะที่ให้เธอนั่งติดกระจกยังพอบรรเทาความอึดอัดใส่ท้องฟ้าได้บ้าง
สักพัก ....
หัวน้อยๆของเธอเริ่มเอนไปมาเนื่องจากทรงตัวไม่ได้เพราะตอนนี้เธอหลับเป็นตาย คาวิวล์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เหลือบตามอง ยัยบ้าเอ้ย ! เขาถอนหายใจรอบที่ล้าน จากนั้นก็ดึงหัวของเธอให้มาพิงที่ไหล่ของเขา ดูท่าทางเธอน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะทำอะไรไม่เป็น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เธอยังนิสัยเหมือนเด็กไม่มีผิด
ณ สหรัฐอเมริกา
ชญาพัตรลับลึกอย่างที่สุด เธอมารู้สึกตัวเอาก็ตอนที่เดวิดขับรถมาถึงคอนโดสุดหรูของคาวิวล์แล้ว กระนั้นเขาก็ยังไม่ยอมคุยกับเธออยู่ดี ในระหว่างที่ขึ้นมาบนห้องชุดนั้น เธอก็ได้แต่ยืนอยู่กลางห้อง ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี และทำตัวไม่ถูกด้วย
"ผมขอตัวนะครับ"
เดวิดที่เดินออกมาจากห้องนอนของเขาเอ่ยกับเธอยิ้มๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป หญิงสาวไม่รู้ว่าเธอต้องทำอะไรยังไงบ้าง ในเมื่อเจ้าของห้องยังไม่ยอมคุยด้วยเลย เสียงประตูเปิดออกมาใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้น จนกระทั่งไปสบตากับเขาพอดี ไม่มีใครพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น เขาเองก็อึดอัดไม่แพ้เธอ แต่ก็ต้องเข้าใจหน่อยเขาไม่เคยง้อผู้หญิง ความอ่อนโยนก็ติดลบ ไม่รู้เขาจะเริ่มเอ่ยยังไงดี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหลีกเลี่ยงใบหน้าคลอน้ำตานั่นโดยการออกไปจากที่นี่ แต่ทว่าเขาเดินห่างเธอมาเกือบถึงประตู คาวิวล์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีแขนเล็กๆมากอดเอวเขาไว้พร้อมกับเสียงร้องไห้ที่ดังสะอื้นไปทั่วห้อง
"อย่าทิ้งฉันไป อย่าเฉยชาแบบนี้ ได้โปรดเถอะ"
หญิงสาวพูดเสียงสั่น พร้อมร้องไห้ใช้หน้าซุกกับแผ่นหลังของเขาอย่างถือวิสาสะ ชายหนุ่มยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกใจหายแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็น
"เอ่อ...คือ ฉันจะเริ่มยังไงดีล่ะ เธอเป็นอะไรร้องไห้ทำไม?"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หญิง
"ฮึก..คุณโกรธอะไรฉันหรือเปล่า ทำไมไม่พูดหาฉันเลย"
เธอถามทั้งๆที่น้ำตายังไม่หยุดไหล คาวิวล์จึงหันมาเผชิญหน้ากับยัยลูกแมวขี้แงคนนี้
"ใช่! ฉันโกรธ โกรธที่เธอไม่ยอมเดินตามเดวิดมา"
ตอนนั้นเขาโกรธเธอมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้อีกทีก็โกรธไปแล้ว
"ก็ตอนนั้นคุณไม่ยอมพูดหา แถมยังพูดประชดฉันอีก ฉันก็เลยคิดว่าคุณไม่อยากให้ฉันมาด้วย"
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นราวเด็กน้อย
"โอเค เลิกร้องได้เเล้วยัยลูกแมวขี้แง ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหน โอเคไหม?"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใจอ่อน ไม่สิสำหรับเธอเขาใจอ่อนตั้งแต่ยอมให้มาอยู่ด้วยแล้ว
"คุณพูดจริงๆน่ะ"
ชญาพัตรหยุดร้องอย่างเร็วไวเมื่อได้ยินสิ่งที่ตนต้องการ
"จริงสิ ฉันว่าเธอเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันจะพาไปซื้อของใช้ส่วนตัวโอเคไหม"
เขาเสนอให้ เพราะคิดว่ากระเป๋าเป้ใบเดียวของเธอคงไม่มีของสำคัญมาเป็นแน่
โชคดีที่มาถึงที่นี่ตอนเช้ามืด จึงไม่ต้องมีอะไรยุ่งยากมากมาย แถมวันนี้ยังเป็นวันหยุด เขาว่างตลอดทั้งวัน มีเวลาพาคนใช้จำเป็นไปทัวร์ได้หลายที่ ดูหน้าตาเธอชอบที่นี่ไม่น้อย
"หิวข้าวหรือยัง"
เขาถามเธอในขณะที่อยู่บนรถ
"หิวแล้วค่ะ"
เธอตอบจากนั้นก็หันไปมองสภาพแวดล้อมนอกกระจกรถตามเดิม
"อื้ม! งั้นเดี๋ยวฉันพาไปร้านแม่ก็แล้วกัน"
เขาพูดเสียงไม่ดังนัก
"ร้านแม่หรอคะ"
เธอถามอย่างสนใจ
"อื้มใช่! แม่ฉันเปิดร้านอาหารอยู่แถวนี้น่ะ"
มารดาของเขาเป็นคนชอบทำอาหาร เมื่อมาพบรักกับบิดาจึงตัดสินใจตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่
"เอ่อ .. นี่คุณจะพาฉันไปหาแม่คุณ เอิ่ม ในฐานะอะไรคะ"
ชญาพัตนถามงงๆ นี่เธอมาวันแรกเขากะจะพาไปสวัสดีแม่เลยหรอ มันแปลๆชอบกล
"ก็ฐานะคนใช้ไง เอาเถอะน่า เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ฉันพาไปหรอก"
คนตัวโตโกหกหน้าตาย เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปหาแม่เขาสักครั้ง เพราะอยากเจอคนที่ใช่ก่อนแล้วค่อยพาไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ไม่รู้กับชญาพัตรเขาเป็นอะไรถึงมีความคิดพิเรนอยากพาไปไหว้แม่ คงเป็นเพราะเธอเป็นคนไทยเหมือนแม่เขามั้ง เขาถึงรู้สึกอย่างนั้น ด้านชญาพัตรก็ไม่ค่อยได้สนใจคำตอบของเขาเท่าไร เพราะสิ่งที่เธอสนใจคือหิมะที่อยู่นอกรถต่างหากละ ดีน่ะที่เขาให้เธอยืมเสื้อผ้าตัวหนา ไม่งั้นมีหวังได้หนาวตายคาที่นี่แน่
ณ ร้าน MaliThaiFood ที่ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ผู้คนกำลังขวักไขว่อยู่ไม่น้อย แต่พนักงานนามว่า'เปรม' ที่เห็นว่าลูกเจ้าของร้านมาก็รีบแจ้นไปบอกเจ้านายอย่างเร็วไว
"คุณมะลิขา คุณคาวิวล์มาด้วยคะวันนี้"
เปรมเด็กสาวชาวไทยที่รับจ๊อบเป็นพนักงานเสิร์ฟเพื่อหารายได้เสริมวิ่งมาบอกมะลิที่กำลังง่วนกับการเตรียมของให้เชฟอยู่ในครัว
"อะไรน่ะ ตาวิวล์มาหรอ ไม่โทรบอกกันสักคำ ไปบอกว่าอีกสักพักเดี๋ยวฉันออกไป"
มะลิหันมาบอกจากนั้นก็เปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบต่อ ถึงแม้อายุจะสี่สิบต้นๆ แต่ก็ยังมาบริหารร้านทุกวันจนลูกจ้างรักลูกจ้างหลงเพราะความใจดี
"ได้ค่ะ แต่แปลกนะคะ วันนี้คุณวิวล์พาผู้หญิงมาด้วย"
เปรมพูดต่อ
"หื้ม อะไรนะเปรม ตาวิวล์มากับผู้หญิงรึ"
มะลิขมวดคิ้วมุ่น นับวันพันปีลูกชายไมาเคยพาผู้หญิงมาหาสักครั้ง ถึงจะเป็นเสือผู้หญิงก็เถอะ
"ใช่แล้วค่ะ ที่สำคัญเป็นคนไทยด้วยนะคะ"
"งานนี้คงต้องคุยกันยาว เปรมไปบอกให้เขารอก่อนแล้วกัน"
อีกด้าน ....
"โห่ ไม่คิดเลยว่ามาอยู่ที่นี่จะได้กินอาหารไทย"
คนตัวเล็กยิ้มร่าเมื่อเห็นเมนูอาหารในมือ
"จะกินอะไรก็สั่งเลยนะ อร่อยทุกอย่างแหละ"
เขาโปรโมทร้านให้มารดาตนเอง เห็นเธอยิ้มเขาก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
"คุณเลี้ยงใช่ป่ะ"
เธอถามหน้ากวนๆ
สามี/3 ต่อ
"แล้วเธอมีเงินจ่ายมั้ยล่ะ"
เขาถามกลับ เธอนี่ถามคำถามไม่เข้าท่า
"ไม่มี ฮี่ๆ"
เธอยิ้มจนตาหยีเมื่อเจอคำถามแทงใจดำ
"เอาต้มยำกุ้งน้ำข้น ไข่เจียวกุ้งสับ ปลากระพงราดพริก แค่นี้พอค่ะ"
ชญาพัตรสั่งของตามที่ตนหิว แค่เห็นรูปก็น้ำลายสอแล้ว
"เฮ้ย! มีมนตร์ปะเนี่ย"
คาวิวล์จ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างเหลือเชื่อ
"อะไรคะ มีมนตร์อะไร"
ชญาพัตรยังคงงต่อไป นั่น! เขาจ้องหน้าเธอทำไม บ้าปะเนี่ย
"รู้มั้ยที่สั่งไปสามอย่างนั่นน่ะ ของชอบผมหมดเลย"
เขาเฉลยความจริง เธอนี่ผิดแปลกมนุษย์ถึงไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรแต่ก็สั่งถูกล็อกเสียด้วย แปลกดี เขายิ่งชอบของแปลกอยู่ด้วยสิ
"ว้าา! จริงหรอ งั้นคุณก็แย่งฉันกินนะสิ"
คนตัวเล็กล้อเขาด้วยการทำหน้าเศร้า
"ยัยงก"
เขามะเหงกใส่หน้าผากเธอหนึ่งที
"โอ้ยคุณ ฉันเจ็บน่ะ คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องแม่คุณ"
เธอขู่เขา ทำให้เขาหัวเราะขึ้นหน้า ดูหล่อนสิ กล้ามากที่จะไปฟ้องแม่เขา
"หัวเราะอะไรย่ะ ฉันเจ็บจริงๆน่ะ"