บทที่ 4
วันนี้พนักงานบริษัททุกคนต่างมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเหมันต์ ด้วยความสงสัย ไม่บ่อยครั้งนักที่พนักงานจะเห็นรอยยิ้มบาดใจของเจ้านายหนุ่ม เนื่องจากเหมันต์มักเป็นคนเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังกับการทำงาน พนักงานทุกคนจึงยำเกรงกับท่านประธานหนุ่มยิ่งนัก
“ขอโทษที่ให้คุณเกรียงไกรรอนานนะครับ เชิญครับ” เหมันต์กล่าวทักทายเกรียงไกร ทนายประจำตระกูลด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าไปในห้องประธานบริหาร เอพีพีกรุ๊ป โดยมีร่างของเกรียงไกรและทูนเดินตามเข้าไป
“ว่ามาครับ เรื่องที่ผมให้ไปจัดการไปถึงไหนแล้ว” สีหน้าของทนายความซีดลงเล็กน้อย เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามไรผม จนต้องใช้ฝ่ามือปาดทิ้ง
“เอ่อคือว่าเหมือนเดิมครับ เธอยืนกรานคำเดียวว่าไม่ยอมขาย แม้ว่าคุณเหมันต์จะเสนอราคามากมายแค่ไหน เธอก็ไม่ขายครับ” เหมันต์หน้าบึ้งทันที ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดหญิงสาวเจ้าของที่คนนี้ถึงหัวดื้อนัก เสนอราคามากกว่ารายอื่นๆ เท่าตัว ยังไม่ยอมขายอีก หากไม่ได้ที่ดินผืนนี้ รีสอร์ตของเขาก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เขาไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด
“เสนอราคาเพิ่มเป็นสองเท่าตัว ดูสิจะขายมั้ย”
“เอ่อผมผมคิดว่าเธอไม่ขายครับ” ดวงตาคมกล้าตวัดมองใบหน้าของทนายวัยสี่สิบห้าปีทันที ยังไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าได้หรือไม่ได้ คำพูดของทนายฝีปากเอกแบบนี้ ท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ บอกได้ทันทีว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าเธอจะไม่ขายทั้งๆ ที่คุณยังไม่ลองเอาจำนวนเงินที่ผมบอกไปเสนอให้เธอฟังเลย” เกรียงไกรเพิ่มระดับความอึดอัดมากขึ้น ชั่งใจอยู่ว่าจะบอกวาจาที่หญิงสาวเจ้าของที่ดินฝากมาให้เจ้านายหนุ่มดีหรือเปล่า
“มีอะไรก็พูดมาคุณเกรียงไกร คุณไม่เคยไม่เคยมีท่าทางแบบนี้นะ” น้ำเสียงที่เหมันต์เอ่ยออกมานั้น เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เกรียงไกรจำต้องพูดออกมา
“เธอบอกกับผมว่า ถ้าคุณเหมันต์ไปก้มลงกราบแทบเท้าเธอเธอถึงจะยอมขายที่ให้ครับ ถ้าคุณเหมันต์กล้าทำเธอก็กล้าขายขายให้ในราคาท้องตลาดไร่ละหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทครับ”
“อะไรนะ ผู้หญิงคนนั้นกล้าพูดอย่างนี้เชียวหรือ” เหมันต์ตวาดถามเสียงดังลั่น หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเกรียงไกรจบประโยค สีหน้าและดวงตาคมกล้าของเหมันต์เปล่งประกายด้วยความกรุ่นโกรธ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น จนปากกาที่อยู่ในอุ้งมือหักออกเป็นสองท่อน ก้มลงกราบเท้าอย่างนั้นหรือ คิดผิดแล้วที่ท้าทายคนอย่างเหมันต์ คนอย่างเขาอยากได้อะไรก็ต้องได้
“ใช่ครับ คุณหยาดน้ำค้างพูดอย่างนั้นจริงๆ ครับ” เกรียงไกรตอบเสียงค่อนข้างสั่น แม้ว่าจะผ่านการว่าความมามากแค่ไหน คดีร้ายแรงมากเพียงไร เขาไม่เคยกลัว แต่พอยืนต่อหน้าชายหนุ่มนามว่าเหมันต์ยามโกรธทีไร ใจมันอดเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่ได้ เหมันต์สะดุดหูชื่อของเจ้าของที่ดินหยาดน้ำค้าง ชื่อช่างเหมือนกับหญิงสาวที่เขาถูกใจจริงๆ
“เธอชื่ออะไรนะ ทำงานที่ไหน อายุเท่าไหร่” เหมันต์สอบถามข้อมูลจากเกรียงไกรเพิ่มเติม
“เธอชื่อหยาดน้ำค้าง วสิโรจน์ ครับ อายุ 24 ปี ทำงานอยู่ที่ทรีสปอร์ตคลับครับ” รอยยิ้มดั่งเสือร้ายกระตุกยิ้มทันที อะไรมันช่างเหมาะเจาะอย่างนี้ เห็นทีงานนี้เขาต้องออกโรงเองเสียแล้ว ชายหนุ่มจะทำให้เธอรู้ว่า อย่าริอาจมาต่อกรหรือตั้งเงื่อนไขกับเขา
“เจ้านายจะให้ผมส่งคนไปจัดการเลยหรือเปล่าครับ” ทูนเอ่ยออกไปอย่างรู้งาน
“ไม่ต้องงานนี้ฉันจัดการเอง คุณเกรียงไกรยุติการต่อรองซื้อที่ดินจากหยาดน้ำค้าง เดินเรื่องเรื่องที่ผมจะซื้อหุ้นในทรีสปอร์ตคลับแทนก็แล้วกัน เพราะผมตกลงที่จะซื้อหุ้นจากคุณสันติ ให้ทำสัญญาซื้อขายได้เลย”
“ครับคุณเหมันต์”
“คุณเกรียงไกรอย่าให้หยาดน้ำค้างรู้เด็ดขาดว่าผมเป็นนายทุนที่ขอซื้อที่เธอ คุณคงเข้าใจที่ผมพูดนะ”
“เข้าใจครับ” เกรียงไกรเข้าใจดี คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร ทุกอย่างต้องเป็นความลับ
“ทูนไปสืบประวัติของหยาดน้ำค้างให้ฉันหน่อย ด่วนนะ วันนี้ได้ยิ่งดี”
“ครับเจ้านาย” ทูนเดินออกไปจากห้องหลังจากที่ได้ยินคำสั่ง
“ผมลากลับเลยนะครับคุณเหมันต์”
“ขอบคุณมากนะครับ” เหมันต์นึกถึงแผนการที่เขาคิดได้ แผนของเขาไม่มีอะไรมาก หลอกให้เธอรักเขาจนหัวปักหัวปำ จากนั้นเขาจะหลอกล่อให้เธอยอมขายที่ดินให้ด้วยความเต็มใจ โดยที่เขาไม่ต้องก้มลงกราบแทบเท้าของเธออย่างที่หญิงสาวประกาศก้องเอาไว้
..............
ดอกไม้ช่อโตที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่สาวทั้งสองคนมองนิ่งที่ดอกไม่ช่อนั้น ก่อนจะมองเลยไปที่บุรุษหล่อบาดใจเจ้าของช่อดอกไม้
“ดอกไม้สำหรับคุณหยาดน้ำค้างครับ” เหมันต์ยื่นช่อดอกไม้ตรงหน้าหยาดน้ำค้างทันที ดวงหน้างามเรื่อด้วยสีแดง เมื่อเห็นสายตาที่เขามองมา อีกทั้งสายตาทุกคู่ของเพื่อนร่วมงานที่มองตาไม่กะพริบ ด้วยความสนใจ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอื้อมมือมารับ เอ่ยขอบคุณเบาๆ
“เย็นนี้ให้เกียรติผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวนะครับ” เขารุกเต็มที่ หยาดน้ำค้างนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ไม่คิดว่าคนอย่างเหมันต์จะชวนเธอไปรับประทานอาหาร เพื่อนร่วมงานที่ได้ยินต่างกระดี๊กระด๊ากันเป็นทิวแถว ลุ้นตัวโก่งว่าเพื่อนจะตอบชายหนุ่มรูปงามรวยทรัพย์นี้อย่างไร
“นะครับผมถือว่าการปฏิเสธของคุณน้ำค้าง คือการไม่ยอมรับผมเป็นเพื่อน เหตุผลอีกข้อคือเป็นการเลี้ยงตอบแทนที่คุณน้ำค้างพาผมชมทั่วสปอร์ตคลับ ทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าจะซื้อหุ้นที่นี่หรือไม่” เมื่อเจอไม้นี้มีหรือที่ หญิงสาวจะกล้าปฏิเสธ
“ค่ะตกลงค่ะ” เธอตอบตกลงด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“อีกห้านาทีคุณน้ำค้างจะเลิกงาน ผมรอที่รถนะครับ”
“ค่ะ” เหมันต์เดินกลับไปนั่งรอที่รถตามที่เขาบอก ปล่อยให้หญิงสาวถูกเพื่อนร่วมงานซักไซ้ไล่เลียง ถึงสาเหตุของบุพเพอาละวาดในครั้งนี้
“แหม!!แค่พาคุณเหมันต์ชมทั่งสปอร์ตคลับแค่นี้ ตกเย็นถูกขายขนมจีบซะแล้ว เธอนี่เสน่ห์แรงน่าดูเลยนะน้ำค้าง” เพื่อนร่วมงานเอ่ยแซว
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คุณเหมันต์เค้าแค่เลี้ยงขอบคุณเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก” หญิงสาวรีบแก้ตัวทันควัน คนอย่างเขาน่ะหรือจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ สังคมชั้นสูงที่เขายืนอยู่มีหญิงสาวมากหน้าหลายตาให้เขาเลือก ยังไม่รวมโยธกาสาวไฮโซคู่ควงคนล่าสุดของเขา