ตอนที่ 8 ท่านเจ้าสำนัก ท่านมาเสียที
โฮก~~~~
เสียงของสัตว์ชนิดหนึ่งดังออกมาจากในป่า และเสียงของใบไม้แห้งดังสนั่นบริเวณนั้น เหมือนมีสัตว์ใหญ่กำลังวิ่งไปมาอยู่รอบๆ บริเวณไม่ไกลจากตัวนางมากนัก เสียงนกหลายชนิดต่างพร้อมใจกันส่งเสียงร้องดังจนลั่นป่า เร็วกว่าความคิดฟางเหนียงไม่มีกะจิตกะใจถึงขนาดเสียเวลาสวมรองเท้า เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งนางลุกขึ้นวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต และไม่รู้สึกเจ็บที่เท้าเลยแม้แต่น้อย แต่โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างนางนัก เมื่อตัวที่น่ากลัวกลับโผล่ออกมาจากป่า และดักอยู่กลางทางที่นางต้องไป
โฮก~~~
สัตว์มหึมาตัวสูงใหญ่กว่า 2 เมตร อ้าปากคำรามเสียงดัง ตามด้วยลมพัดอย่างรุนแรงหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแทบปลิว ลักษณะตัวมันคล้ายเสือทั่วไป ขาหน้ามันยาวกว่าขาหลังและมีหางสั้น เขี้ยวด้านบนยาวกว่าเขี้ยวด้านล่างและมีลักษณะแบนและโค้งคล้ายมีดดาบ เหมือนไว้สำหรับจู่โจมและฉีกเนื้อได้อย่างว่องไว สัตว์ชนิดนี้คนที่นี่เรียกมันว่า เสือเขี้ยวดาบ
คราว~~~ กรร~~~
มันหมอบเล็กน้อยก่อนที่จะขู่และส่งเสียงต่ำ พร้อมเดินวนรอบตัวหญิงสาวเหมือนต้องการหาทางเข้าโจมตีนาง สัตว์ตัวสูงใหญ่ และหญิงสาวที่ตอนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนและที่เท้ายังเต็มไปด้วยเลือดเนื่องจากนางวิ่งเมื่อสักครู่ เท้าที่บอบบางช้ำไปหมด เมื่อกระทบกับหินและก้อนกรวดทำให้เกิดบาดแผลได้ง่าย และกลิ่นเลือดนี้เองทำให้สัตว์ตัวนี้ได้กลิ่นและออกมาหวังจะกินนางเป็นอาหาร
"ฮื่อ~~~"
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความกลัว น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง นางหันหน้าตามเสือตัวนั้นอย่างระวัง ในหัวตอนนี้นางมึนงงและสิ้นหวัง
โฮก~~~
เสือเขี้ยวดาบคำรามเสียงดังจากนั้นกระโจนใส่หญิงสาว
.....
ทางด้านฟางเหนียง
หญิงสาวหลับตาลงพร้อมรับความเจ็บปวดแต่ขณะนั้นเองกลับมีแสงสีขาวเกิดขึ้นที่ตัวนาง มันก่อตัวเป็นรูป 5 เหลี่ยมหลายชิ้นต่อกันเหมือนเกราะ หญิงสาวเงยหน้ามองพบว่าแสงนั้นมาจากนกยักษ์สีขาวที่เป็นพลังวิญญาณของนางเอง
เมื่อรู้ว่านี่คือพลังวิญญาณของตนจึงใช้มือสองข้างต้านทานสู้แรงกับเสือที่โจมตีมาด้วยพละกำลังมหาศาล
อร๊าก~~~
ฟางเหนียงร้องออกมาเสียงดังเมื่อตนเองปล่อยพลังออกไป จนเสือตัวนั้นต้องกระเด็นไปไกลพอสมควร แต่แค่นี้กลับไม่สามารถทำอะไรมันได้
คราว~~~
มันส่งเสียงขู่หญิงสาวอีกครั้งพร้อมเดินวนรอบตัวฟางเหนียงอย่างหาทางโจมตี ครั้งนี้หญิงสาวไม่ได้กลัวมันอีกแล้วแต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้าและเจ็บระบมไปทั้งตัว ดวงตางามจ้องตาเสือตัวนั้นอย่างไม่หวาดหวั่น ที่ระหว่างคิ้วปรากฏรูปเพชรเล็กๆ เกิดแสงสีขาวสะท้อนออกมา เหนือศีรษะนางคือสัตว์วิญญาณของนาง นกตัวสีขาวรูปร่างสูงใหญ่กางปีกกว้างร้องเสียงดังเหมือนกำลังข่มขู่เสือตัวนั้นกลับอย่างไรอย่างนั้น พร้อมกระพือปีกจนเกิดลมกว้าง
โฮก~~~
เสือคำรามเสียงดังและกระโดดมาทางหญิงสาวในทันที มันเลือกจู่โจมที่ปีกนก หญิงสาวเองก็รวบรวมพลังสะบัดสุดกำลัง เพราะนางเองก็ใช้พลังไม่เป็นและไม่รู้ว่ามันต้องทำเช่นไร จึงทำได้เพียงป้องกันและคอยรับมือเท่านั้น 'หากครั้งนี้ข้ารอดไปได้ ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจร่ำเรียนและฝึกฝนพลังวิญญาณเป็นแน่' หญิงสาวเอ่ยขึ้นในใจ และพยายามส่งพลังเพื่อให้เสือตัวนั้นหลุดไปจากตนให้ได้
กรี๊ด~~~
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อปีกอีกข้างถูกเสือตัวนั้นจู่โจมมาอีกครั้ง ครานี้นางไม่มีแรงที่จะสะบัดอีกแล้ว และดูเหมือนครั้งนี้น่าจะตายเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่มาอยู่ที่โลกแห่งนี้ หญิงสาวยังตัดพ้อกับตนเองไม่จบก็มีเหมือนลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งมาทางเสือตัวนั้นอย่างรุนแรงจนมันกระเด็นหงายหลังไปในที่สุด
ฟางเหนียงหันไปทางทิศทางที่ลูกไฟนั้นส่งมา พบว่าที่ด้านหลังนางคือหนิงเฟิ่งที่ศีรษะเขาคือนกขนาดใหญ่ที่ใหญ่กว่านางมากๆ ตัวสีแดงมันร้องคำรามที่ปากพ่นออกมาเป็นไฟอย่างมังกร ชายหนุ่มส่งพลังไปที่นก จากนั้นนกตัวนั้นก็บินร่อนไปทางเสือและพ่นไฟจนไหม้เกรียมทั้งตัวแม้แต่เศษขี้เถ้าก็ไม่เหลือ ฟางเหนียงยิ้มอย่างดีใจเมื่อในที่สุดนางก็รอดแล้ว ความเหนื่อยล้าบวกกับพลังที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างผิดวิธีเมื่อสักครู่ ทำให้เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปิดลงช้าๆ พลังวิญญาณของนางก็ค่อยๆ หายไปในอากาศ หนิงเฟิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็รีบพุ่งทะยานมารับร่างหญิงสาวในที
"ฟางเหนียง"
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกหญิงสาวเสียงดัง เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธตัวเอง หากมาช้ากว่านี้เพียงนิดชีวิตนางเขาก็รักษาไว้ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะไม่ชอบนางเพียงใดแต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางควรได้รับหรือต้องเจอ เขาผิดเองที่เข้าใจนางเรื่องที่นางแอบเอาของมีค่ามาขาย ทั้งที่นางไม่รู้ว่าตนจะได้รับเงินทุกเดือน จนทำให้นางต้องเดินกลับเช่นนี้
ดวงตาคมมองสภาพหญิงสาวที่ดูไม่ได้ เสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยดินฉีกขาดจากรอยเล็บที่ถูกโจมตี ผมเผ้ายุ่งเหยิง เท้าสองข้างที่ไม่ได้สวมรองเท้ามีบาดแผลและเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเลอะคาบดิน ที่ปากมีโลหิตสีแดงเนื่องจากใช้พลังไปมาก คราบน้ำตายังอยู่ที่แก้ม มือหนาเอื้อมไปเข็ดให้นางอย่างรู้สึกสงสาร
"เจ้าสำนัก"
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังชายหนุ่ม หนิงเฟิ่งยกมือห้ามไว้ก่อนที่จะเดินเข้ามา
"ส่งเสื้อคลุมเจ้ามา"
หนิงเฟิ่งเอ่ยสั่งเสียงเรียบและรับเสื้อคลุมมาจากหยงอี๋ จากนั้นใช้มันคลุมตัวหญิงสาวเอาไว้และอุ้มนางขึ้นรถม้าไป
