ตอนที่ 7 ถุงเงินแม่นางฟางเหนียงที่ยังไม่มาเอา
แสงอาทิตย์ในช่วงเที่ยงของวันส่องลงมากระทบที่ผิวขาวของฟางเหนียง หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าสลับกับทางขึ้นเขาอย่างสิ้นหวังพร้อมหยิบถุงเงินของตนเองที่เหลือขึ้นมานับ แต่พบว่ามันเหลือเพียงแค่ 1 เหรียญเงินเท่านั้น ตอนมานางจ้างรถม้าไป 2 เหรียญเงิน แล้วเช่นนี้มันจะพอได้เช่นไร เครื่องประดับเจ้าคนหน้าดุผู้นั้นก็ไม่ให้ข้าขายเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน เห็นทีตอนนี้มี 2 ทางเลือกนั่นก็คือเดินกลับขึ้นไปในสำนัก อีกทางเลือกคืออาศัยรถม้าคนที่รู้จักติดไป แต่ทางที่ 2 นางคงต้องตัดมันทิ้งไปได้เลย เพราะนางไม่รู้จักใครเลยและอีกอย่างคนทั้งสำนักไม่ชอบนาง ดีหน่อยถ้าโชคดีอาจมีคนไปบอกท่านรองเจ้าสำนักว่านางไม่มีรถม้ากลับก็ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฟางเหนียงจึงเดินกลับเข้าไปในตลาดและเลือกซื้อน้ำดื่มมาเล็กน้อย จากนั้นเดินออกจากตลาดไปตามทางขึ้นสำนัก อากาศในช่วงนี้นั้นดีนัก มีลมอ่อนๆ ตลอดทั้งทาง เพียงแค่เส้นทางขึ้นต้องใช้เรี่ยวแรงมากหน่อย อีกทั้งยังต้องเร่งฝีเท้าหากไปถึงช้าเกรงว่าคงต้องถึงมืดค่ำเอา
"ไอย๊ะ ไอย๊ะ ไอย๊ะ ฮูฮู่ฮู~~~"
เสียงหวานดังออกมาตลอดทางอย่างมีความสุข เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเหนื่อยหรือหวาดกลัว การหาอะไรทำให้ตนเองไม่คิดฟุ้งซ่านเป็นวิธีเดียวที่นางคิดได้ ขามาที่เป็นทางลงเขายังใช้เวลา 2 เค่อ อีกทั้งยังเป็นรถม้า หากให้นางคำนวณด้วยสายตา ระยะทางคงไม่ต่ำกว่า 10 ลี้เป็นแน่
"โอ๊ย~~~ ไม่มีผู้ใดผ่านมาเลยหรืออย่างไร"
เป็นเวลากว่า 1 ชั่วยามแล้วที่หญิงสาวเดินมา จากความรู้สึกของนาง น่าจะเดินได้มาเพียงแค่ 5 ลี้ เพราะเป็นทางขึ้นเขาอีกทั้งร่างนี้ยังดูบอบบาง อ่อนแอเช่นนี้ ระยะทางที่เหลือคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วยามเป็นแน่ ตอนนี้หญิงสาวกลัวอย่างเดียวคือในฤดูนี้มักมืดค่ำเร็วมาก หากค่ำก่อนไฟนางก็ไม่มี อีกทั้งสมัยนี้ยังไม่มีเสาไฟเหมือนโลกปัจจุบัน ไม่รู้ว่าหากมืดค่ำแล้วสัตว์ที่หากินตอนกลางคืนจะโผล่มาหรือไม่ เมื่อคิดถึงสัตว์ที่เป็นพลังวิญญาณของคนร้ายที่ลักลอบเข้าสำนักเมื่อหลายวันก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกลับส่ายหน้าไม่ให้ตนเองต้องคิด ครานี้ฟางเหนียงไม่เพียงเร่งฝีเท้าแต่ถึงขนาดที่ออกแรงวิ่งด้วย
.
1 ชั่วยามผ่านไป
แสงอาทิตย์ที่หญิงสาวเคยเห็นตอนนี้มันลับขอบฟ้าหายจากสายตาหญิงสาวไปแล้ว ซึ่งเร็วกว่าที่นางคาดการณ์เสียอีก แต่แปลกที่นี่กลับไม่มืดมากจนมองไม่เห็นทางถึงแม้ไม่มีดวงอาทิตย์
"เหตุใดถึงยังไม่ถึงอีก ข้าไม่ไหวแล้วนะ"
ฟางเหนียงไม่พูดเปล่า ร่างกายนางที่ใช้กิ่งไม้เพื่อค้ำยันตัวเองไว้ตกไปที่พื้น และร่างกายนางเองก็เช่นกันหญิงสาวล้มไปกองกับพื้นเรียบร้อย
"สวรรค์ส่งให้ข้ามาเข้าค่ายหรือเช่นไร ถึงได้ให้ข้าเดินทางไกลเช่นนี้ ฮื่อ~~~~"
ฟางเหนียงปล่อยโฮออกมาอย่างทนไม่ไหว ถ้าเป็นในร่างก่อนในโลกนั้นที่ออกกำลังกายเป็นประจำระยะทางแค่นี้นางไม่บ่นแน่ แต่ร่างที่บอบบางเช่นนี้เดินมาถึงนี่ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว หญิงสาวถอดรองเท้าออกเผยให้เห็นข้อเท้าขาวเนียนแต่ที่เท้ากลับแดงและช้ำไปหมด
"เฮอะ! เฮ๊อะ! อ่อนแอเสียจริงนะ!"
หญิงสาวโทษตัวเองพร้อมทำหน้าหมั่นไส้ แต่ในจังหวะนั้นนางกลับรู้สึกเหมือนมีตัวอะไรวิ่งผ่าน หญิงสาวเงียบเสียงของตนเองอย่างตั้งใจฟัง ขนแขนของนางลุกซู่เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ
โฮก~~~~
เสียงของสัตว์ชนิดหนึ่งดังออกมาจากในป่า และเสียงของใบไม้แห้งดังสนั่นบริเวณนั้น เหมือนมีสัตว์ใหญ่กำลังวิ่งไปมาอยู่รอบๆ บริเวณไม่ไกลจากตัวนางมากนัก เสียงนกหลายชนิดต่างพร้อมใจกันส่งเสียงร้องดังจนลั่นป่า เร็วกว่าความคิดฟางเหนียงไม่มีกะจิตกะใจถึงขนาดเสียเวลาสวมรองเท้า เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งนางลุกขึ้นวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต และไม่รู้สึกเจ็บที่เท้าเลยแม้แต่น้อย แต่โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างนางนัก เมื่อตัวที่น่ากลัวกลับโผล่ออกมาจากป่า และดักอยู่กลางทางที่นางต้องไป
โฮก~~~
