บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 19 ถึงแม้จะเป็นความตายข้าก็ไม่ยอมตายง่ายๆ

"ท่านเจ้าสำนัก~~~ว๊าย!โอ๊ย~~~"

ฟางเหนียงที่วิ่งตามหลังเพราะกลัวจะไม่ทัน ต้องชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างแรงเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็หยุดกะทันหัน

ตุ๊บ!

เสียงร่างของหญิงสาวล้มไปกองที่พื้นอย่างแรง เมื่อร่างหนาหลบและไม่มีท่าทีว่าจะคว้าหญิงสาวเพื่อช่วยนางเลยแม้แต่น้อย หนิงเฟิ่งเอามือไขว้หลังและเหม่อมองไปทางอื่นด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน ทำให้ร่างเล็กที่ล้มไปที่พื้นหน้าแดงระเรื่อด้วยความโมโห แต่ก็ทำอันใดมิได้เพราะเขาเองก็ไม่ได้ผิดอันใด

"แล้งน้ำใจชะมัด!"

ฟางเหนียงพึมพำออกมาเบาๆ กับตนเอง แต่เช่นไรด้วยความสามารถของชายหนุ่มก็ได้ยินอยู่ด้วย มุมปากของหนิงเฟิ่งยกขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาทำสีหน้าเย็นชาเช่นเคย ฟางเหนียงลุกขึ้นปัดเศษดินเศษหญ้าอย่างลวกๆ

"มีอันใดก็พูดมา"

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ

"เหตุใดวันนี้ข้ามักได้ยินแต่ผู้อื่นเอ่ยถามว่า ท่านมิได้ช่วยรักษาข้าเช่นนั้นหรือ"

หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตรงๆ นางพอจะเดาได้ว่าเขามีความสามารถที่จะช่วยรักษาบาดแผลของข้าที่ได้รับบาดเจ็บแต่เพราะเขาคงเกลียดข้า และคงอยากให้ข้าตายๆ ไปเป็นแน่ถึงปล่อยให้ข้าทรมานอยู่เช่นนี้ หนิงเฟิ่งเงียบมิได้เอ่ยอันใด และความเงียบนี้เองก็พอจะทำให้หญิงสาวรู้คำตอบอยู่แล้ว ว่าสิ่งที่นางเอ่ยนั้นเป็นสิ่งที่ถูก

"มีแค่นี้ใช่หรือไม่ที่เจ้าจะเอ่ยกับข้า"

ความเงียบก่อตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่หนิงเฟิ่งจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ฟางเหนียงที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับน้ำตาคลอด้วยความเสียใจ ความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นมิใช่น้อยใจที่เขามิรักษาให้แต่เสียใจที่เหตุใดถึงมีคนที่เกลียดนางมากมายถึงอยากที่จะให้นางตาย หรืออยากที่จะให้นางทรมานเพราะความเจ็บปวด ทั้งที่นางในตอนนี้ก็มิได้ก่อเรื่องหรือทำอันใดมิดีไม่ได้คิดร้ายกับใครเลยแม้แต่น้อย มันชั่งโดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่งทางใจให้นางรู้สึกอบอุ่นเลยแม้สักคน ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อล้นออกมามือบางกำแน่นอย่างหักห้ามใจไม่ให้ร้องให้ต่อหน้าเขา

"หากท่านมิเต็มใจหรืออยากเห็นข้าตายเหมือนครั้งอดีตก็แล้วแต่ แต่ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะเจ้าคะว่าข้า ฟางเหนียงคนใหม่คนนี้ไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นความตายข้าก็ไม่ยอมตายง่ายๆ เป็นแน่"

หญิงสาวระเบิดอารมณ์มาในที่สุดแต่กลับไม่มีหยาดหน้าตาสักหยดให้เขาเห็น หนิงเฟิ่งยังคงเงียบไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาเช่นเคย สายตาของชายหนุ่มมองเลยออกไปไม่แม้แต่มองหน้าหญิงสาว แต่ภายใต้แขนเสื้อที่ถูกบดบังกลับกำเข้าหากันแน่อย่างอดกลั้นอารมณ์ตนเองไม่ให้ใจอ่อน

"อีก 2 วันท่านต้องฝึกให้ข้า มิต้องห่วงนะเจ้าค่ะระหว่างการฝึกข้าจะมิกวนใจเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อก่อน"

ฟางเหนียงเอ่ยจบก็ทำท่าคารวะและหันหลังเข้าไปที่หอตำรา หนิงเฟิ่งที่นิ่งเงียบฟังก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะห้ามนางอันใด ที่เขายังไม่ได้รักษาให้นางไม่ใช่เพราะเขาเกลียดนาง แต่เพราะพิษที่นางได้รับด้วยนั้นเขาได้ให้ผู้ช่วยส่งยาสมุนไพรที่ผสมไปกับยาทาเมื่อวานแล้ว นางจะต้องใช้ยาตัวนั้นทาเข้าไปที่รอบๆ บาดแผล เพื่อดึงพิษให้รวมตัวกัน เขาจึงสามารถใช้พลังวิญญาณดึงมันออกมาและรักษานางต่อได้ ดูจากฝ่ามือและดวงตาของนางเมื่อสักครู่ที่ล้มไปกับพื้น นางคงมิได้ใช้ยาทาเป็นแน่ หนิงเฟิ่งส่ายหัวให้กับความดื้อดึงของนางและเดินกลับตำหนักของตน

ณ ตำหนักหลิวรุ่ย

ปับ!

เสียงของกระดาษปึกหนึ่งกระทบเข้าหากัน และตามมาด้วยเสียงถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่กลับจากหอตำราหนิงเฟิ่งก็รู้สึกไม่มีสมาธิ ไม่ว่าจะทำอันใดก็เหมือนมีอันใดติดอยู่ในใจตลอดเวลา "หากท่านมิเต็มใจหรืออยากเห็นข้าตายเหมือนครั้งอดีตก็แล้วแต่ แต่ข้าขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะเจ้าคะว่าข้า ฟางเหนียงคนใหม่คนนี้ไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นความตายข้าก็ไม่ยอมตายง่ายๆ เป็นแน่" คำพูดของหญิงสาวยังดังก้องในหัวของเขาไม่หยุด และสิ่งนี้ทำให้เขาเองไม่มีสมาธิมาตลอด 2 ชั่วยาม

"เฮ้อ~~"

เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นออกไปนั่งโต๊ะม้านั่งบริเวณสะพานไม้หน้าน้ำตก มือขาวเอื้อมไปหยิบสมุนไพรและทำการบดมันเองกับมือด้วยความตั้งใจ อาเหยาที่พึ่งเดินเข้ามามีท่าทีมึนงงเล็กน้อยให้กับเจ้านายของตน

"คิ้วผูกเป็นปม และยังคงตั้งใจบดยาด้วยท่าทีสงบนิ่งเป็นอันใดของเขากัน" อาเหยาเอ่ยกับตนเองในใจก่อนที่จะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายใกล้ๆ

"เจ้าสำนักให้ข้าทำเองเถอะขอรับ"

"ไม่ต้อง"

เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆ ขณะที่มือยังบดสมุนไพรไปเรื่อยๆ อาเหยาเมื่อได้ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ได้ทันทีว่า นกไฟที่เป็นพลังวิญญาณของชายหนุ่มกำลังปะทุพร้อมที่จะพ่นไฟออกมาในอีกไม่ช้า ใครกันนะที่ช่างกล้าหาญมาแหย่นกไฟตัวนี้ ใช้เวลาไม่นานก็เป็นอันเสร็จ อาเหยาที่รู้หน้าที่ก็รีบเข้าไปจะรับตัวยาเพื่อเอาไปให้แม่นางฟางเหนียงทันที แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือไปกลางอากาศเท่านั้น เมื่อผู้เป็นนายถือถ้วยยาบดและลุกขึ้นเดินออกไปเอง

"จะไปทำอันใดก็ไป"

เอ่ยเพียงสั้นๆ ก็พุ่งตัวขึ้นเหนือกลางอากาศออกไปในทันที เพียงเวลาไม่ถึงเค่อก็มาถึงจุดหมาย หนิงเฟิ่งมองบานประตูที่ปิดสนิทแต่ยังคงมีแสงไฟที่สอดส่องออกมาตามช่องลม

ก๊อกๆ

มือหนาเอื้อมไปเคาะประตูเพียง 2 ครั้งโดยที่ไม่ได้เอ่ยอันใด

"เข้ามาได้เลย ประตูมิได้ลงกลอน"

เสียงอนุญาตดังออกมาจากอีกด้านของบานประตู ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปเปิดและเดินเข้าไปด้านใน โดยที่จะไม่ลืมที่จะปิดมันไว้เช่นเดิม

"จ้าวเย่ววันนี้เจ้ามีอันใดหรือ เหตุใดถึงมาหาข้าดึกกว่าทุกวัน"

ฟางเหนียงเอ่ยขึ้นเมื่อรับรู้ว่ามีคนเข้ามาด้านในห้องแล้วและสายตาก็ยังไม่ละจากตำราเล่มหนาตรงหน้า หญิงสาวยังคงไล่สายตาอย่างจริงจังและคำพูดเมื่อสักครู่ดูเหมือนจะเป็นคำทักทายที่นางเอ่ยเป็นประจำกับเพื่อนสาว แต่เวลาผ่านไปครู่หนึ่งแล้วกับไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนสาวของตนเมื่อเช่นทุกครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงค่อยๆ เงยหน้าจากตำราและมองไปด้านหลังของตน

"เจ้าสำนัก!"

หญิงสาวอุทานออกมา พร้อมลุกขึ้นยืนตัวตรงด้วยความตกใจ หนิงเฟิ่งไม่ได้สนใจท่าทีแต่เดินตรงเข้ามาหน้าหญิงสาวที่ยังคงมีท่าทีตกใจที่หน้าโต๊ะอ่านตำรา มือหนาเอื้อมไปทางหญิงสาว แต่ยังไม่ถึงตัวหญิงสาวก็ถูกมือบางคว้าไว้ซะก่อน

"ท่านเจ้าสำนักคิดจะทำอนาจารข้าหรือเจ้าคะ ข้าไม่คิดเลยนะเจ้าคะว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้"

ร่างบางสั่นเล็กน้อย หากเป็นโลกใบเก่านางสู้ตายแน่ แต่ในโลกใบนี้ที่พลังพิเศษอะไรก็ไม่รู้มากมาย นางไม่มีทางสู้ได้เป็นแน่

"ปล่อย~~~ ข้าบอกให้ปล่อยมือ"

เสียงทุ้มเอ่ยเสียงดุใส่คนตัวเล็ก และนั้นยิ่งทำให้นางยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยเขาใช้พลังเกิดแสงสีแดงที่ฝ่ามือเพียงพริบตาฟางเหนียงก็ไปนั่งอยู่ที่เตียงเรียบร้อยแล้ว

"ฮื่อ~~~ ท่านเจ้าสำนักปล่อยข้าไปเถอะ เรื่องเมื่อตอนกลางวันที่ข้าเอ่ยไม่ดีไป ขอท่านอย่าเก็บมาใส่ใจ สงสารหญิงสาวตัวน้อยๆ หน้าตาน่ารักน่าชังเช่นข้าถือว่าทำบุญเถอะนะเจ้าคะ"

ฟางเหนียงปล่อยโฮออกมาในที่สุดเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาหาที่เตียงช้าๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

"เหลวไหล"

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจให้กับความคิดของนาง ทีแต่ก่อนอยากเข้าใกล้เขาทุกทีเมื่อมีโอกาส พอครั้งนี้กลับกลัวเขาซะงั้น ชายหนุ่มเข้าไปนั่งที่ด้านหลังของหญิงสาว และเอื้อมมือไปเพื่อเลิกเสื้อของหญิงสาวออกจากทางด้านหลัง

"อยู่นิ่งๆ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel