ตอนที่ 15 เหตุใดนางรู้มากกว่าข้าที่เรียนมานานเสียอีก
"เพราะเหตุใด"
อาจารย์มู่เอ่ยถามฟางเหนียงที่นั่งเงียบมานาน
"การเข่นฆ่าผู้อื่นแบ่งเป็น ตั้งใจ มิตั้งใจ และทำไปด้วยความจำเป็น"
"นั่นมันคือการเข่นฆ่าของผู้ที่เป็นคนธรรมดามิใช่หรือ หากเจ้ามิรู้จริงก็เงียบไปเสียดีหรือไม่" เป็นศิษย์อีกคนเอ่ยขึ้นเพื่อดูถูกหญิงสาว
"ในตำราผู้ครอบครองพลังวิญญาณเล่มที่ 3 หน้า 48 เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีกฎของการเข่นฆ่าสำหรับผู้ครอบครองพลังวิญญาณ การเข่นฆ่าไม่มีกฎหากทำเพื่อความจำเป็นแล้ว แม้ว่าจะถูกหรือผิดก็คือการเข่นฆ่าอยู่ดี แต่ถ้าหากเข่นฆ่าเพราะความตั้งใจแล้วไม่ว่าจะผู้คนธรรมดาหรือผู้ครอบครองพลังวิญญาณก็นับว่าเป็นคนชั่ว เพราะฉะนั้น...."
ฟางเหนียงลากเสียงยาวและหันหน้าไปทางห่าวหลาน ส่วนศิษย์คนอื่นๆ ก็เปิดตำราตามหน้าที่หญิงสาวบอกทันที
"เพราะฉะนั้นอันใดของเจ้า..."
"ฮ่าๆ ..เพราะฉะนั้นเจ้ามิควรรีบตอบคำถามแต่ควรฟังคำถามให้ดี มิเช่นนั้นเจ้าอาจถูกหักแต้มได้..."
ฟางเหนียงเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกว้างด้วยความอารมณ์ดีและนั่งลงที่เดิม ศิษย์ที่เหลือต่างเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคำตอบที่หญิงสาวเอ่ยถูกต้องทุกคำและมองไปที่ห่าวหลาน เขาไม่เคยเจอใครมีปัญหากับความสามารถและความรู้ที่เขามีมาก่อน แต่เขาทำได้เพียงกำมือแน่นด้วยความโมโหและนั่งกลับที่เดิม
"ไม่คิดมาก่อนว่าแม่นางฟางเหนียงจะศึกษาตำราล่วงหน้ามาดีเช่นนี้ ใช่! คำตอบของเจ้าถูกต้องเดิมทีข้าแค่อยากทดสอบว่าพวกเจ้ามีความเข้าใจมากขนาดไหน"
.
ช่วงบ่ายของวัน
"ได้ข่าวว่าเจ้าโต้แย้งเรื่องการสอบในวันนี้หรือ"
หยงอี๋เอ่ยทักหญิงสาวก่อนที่จะเริ่มฝึกให้นาง
"ข้ามิได้โต้แย้งนะเจ้าคะ เพียงบอกคำตอบที่ถูกเท่านั้น"
หญิงสาวรีบเอ่ยแย้งในทันที หยงอี๋จึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูหญิงสาว ที่จริงเรื่องที่นางขอฝึกพลังวิญญาณเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะรับมือกับนางมิไหว แต่วันนี้ดูจากที่อาจารย์มู่เล่า ว่านางศึกษาตำรามาก่อนจนละเอียดถี่ถ้วนกว่าศิษย์คนอื่นที่ศึกษามาก่อนนางเสียอีก
"เช่นนั้นเริ่มฝึกกันเถอะ เจ้าต้องฝึกพื้นฐานในการฝึกพลังวิญญาณกับข้าก่อนที่จะไปฝึกกับเจ้าสำนักได้"
"เจ้าค่ะ!"
.
ณ ตำหนักหลิวรุ่ย
"นางเริ่มฝึกแล้วเช่นนั้นหรือ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่สายตายังไม่ละจากแผ่นกระดาษที่มีรูปบุรุษตรงหน้า เขากำลังเลือกชายที่จะมาแต่งงานกับนาง แต่ก็ยังมิพบคนที่เขาต้องการเสียที
"ขอรับ"
"ไปบอกกับนาง หากถอดใจตอนนี้ยังพอมีโอกาส"
หนิงเฟิ่งเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ผู้ช่วยที่ได้ยินเช่นนั้นก็เตรียมตัวจะออกไป แต่เขาก็ต้องชะงักเท้าเพราะเจ้าสำนักยกมือห้ามไว้ หนิงเฟิ่งยังคงนั่งเงียบอย่างใช้ความคิด
"ข้าจะไปดูนางหน่อย"
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาในที่สุด ก่อนที่จะลุกจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ และเดินออกไปด้วยท่าทีสง่างามเช่นเคย
"เพียงแค่เดินเหตุใดท่านเจ้าสำนักถึงสง่างามเช่นนี้"
อาเหยาที่อยู่ข้างกายบ่นออกมาอย่างทนมิไหว เมื่อได้ชื่นชมท่าทางของผู้เป็นนาย และรีบวิ่งตามไปให้ทัน
.
เป็นเวลากว่า 1 ชั่วยามที่ชายหนุ่มยืนมองฟางเหนียงด้วยท่าทางสงบนิ่งที่ไม่ไกลจากลานฝึกมากนัก อาเหยามองเจ้านายของเขาด้วยแววตาแห่งความสงสัย 'ไหนบอกว่าจะมาดูแม่นางฟางเหนียงฝึกพลังวิญญาณเหตุใดถึงเลือกที่จะยืนดูไกลขนาดนี้กัน หรือคนแก่สายตายาว' เขาทำได้เพียงเอ่ยเพียงในใจเท่านั้น ขืนบ่นออกมาให้ได้ยินมีหวังโดนเจ้านกฟินิกซ์เพลิงวิหคพ่นไฟใส่เป็นแน่ ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบแสดงแววตาแห่งความอบอุ่นออกมา ในดวงตาของเขาจ้องมองหญิงสาวที่ล้มแล้วล้มเล่าขณะที่ถูกหยงอี๋ปล่อยพลังเข้าใส่ จนร่างกายของนางตอนนี้แทบดูไม่ได้ แผลถลอกเกิดขึ้นตามเนื้อตัวของนาง ใบหน้าและตลอดทั้งตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน ไม่เหลือคราบของคุณหนูในห้องหออย่างเช่นเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว เขายอมรับว่านางในตอนนี้ไม่เหมือนนางในเมื่อก่อน แววตาของนางดูมุ่งมั่น เม็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้านางเพียงใช้แขนเสื้อเช็ดมันลวกๆ และกัดฟันลุกขึ้นสู้ต่อ
