ตอนที่ 13 การฝึกมิใช่เรื่องล้อเล่น เช่นเจ้าคงทนมิได้
3 วันผ่านไป
ปัง!
เสียงตำราตกกระทบพื้นเสียงดังก้องทำให้หญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่กลางห้องโถงถึงกับคุกเข่าสองข้างไปกับพื้นด้วยความตกใจ
"ไม่ได้"
หนิงเฟิ่งเอ่ยเสียงเข้มอย่างเด็ดขาด ฟางเหนียงที่คุกเข่าอยู่กลางห้องมีสีหน้าไม่สู้ดีนักที่ได้ยิน
"ท่านรองเจ้าสำนัก..."
ฟางเหนียงเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปหาตัวช่วยที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทำหน้าออดอ้อนใบหน้าของนางที่ดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งการแต่งแต้มใบหน้าวันนี้ ที่แต่งแต้มดั่งเช่นอย่างการแต่งหน้าในยุคปัจจุบัน ดังคำที่ว่าแต่งเหมือนไม่ได้แต่ง ช่วยขับให้นางดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากใครได้พบก็ต้องทำให้ใจสั่นเมื่อได้เห็นบ้างล่ะ เพราะแต่ก่อนนางเองก็แต่งแต้มใบหน้าเหมือนไปแสดงละครลิง
"เฮ้อ~~ เจ้าสำนักเรื่องนี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับนาง"
หยงอี๋เอ่ยช่วยหญิงสาวเมื่อเห็นท่าทางของนางเหมือนคนสิ้นหวัง หนิงเฟิ่งยังคงเรียบนิ่งเช่นเคยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา จึงทำให้ฟางเหนียงใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย
"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก หลังจากที่ประกาศเรื่องที่เจ้ามีความประสงค์จะแต่งงาน เกือบทุกจวนในเมืองไม่เว้นแม้แต่เมืองใกล้เคียงต่างส่งวันเดือนปีเกิดมา เพื่อหวังว่าจะได้แต่งงานด้วย"
หนิงเฟิ่งเอ่ยขึ้นอย่างมีเหตุผลไม่ให้นางต้องคัดค้านอันใด ฟางเหนียงที่ได้ยินถึงกับไหล่ตก ทำหน้าเศร้าไปทันที
"เรื่องนั้นยังพอมีเวลานะขอรับเจ้าสำนัก อย่างไรก็พอมีเวลาอีก 3 เดือน ระหว่างนั้นก็ให้นางได้ฝึกฝนตนเอง เช่นนั้นก็ไม่เสียหาย"
หยงอี๋เอ่ยช่วย ทำให้หญิงสาวตาประกายเต็มไปด้วยความหวัง
"อือๆ"
หญิงสาวส่งเสียงพยักหน้าตามคำพูดของหยงอี๋ แต่หนิงเฟิ่งตอนนี้กลับขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดแว็บหนึ่ง 'เดิมทีนางขี้เกียจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อะไรลำบากก็มิเอาเลย การฝึกทั้งลำบากทั้งเหน็ดเหนื่อย ไม่เกินวันเดียวนางคงล้มเลิกเป็นแน่' หนิงเฟิ่งเอ่ยกลับตนเองในใจ แต่ใบหน้ายังคงเย็นชาเช่นเดิม
"การฝึกมิใช่เรื่องล้อเล่น เช่นเจ้าคงทนมิได้สักเค่อด้วยซ้ำ"
ในที่สุดเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาในทันที หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจในเจตนาของเขาทันที 'หนอยแน่ ที่แท้ท่านก็ดูถูกข้านี่เอง บังอาจ! ไม่รู้จักฉายาข้าในโลกเก่าซะแล้ว' ฟางเหนียงเอ่ยกับตนเองในใจพร้อมหรี่ตามองเขาด้วยความหมั่นไส้
"เช่นนั้นข้าจะพิสูจน์ให้ท่านได้เห็น หากข้าทนฝึกกับท่านรองเจ้าสำนักโดยที่ไม่ล้มเลิกภายใน 3 วัน หลังจากนั้นท่านต้องเป็นผู้ฝึกให้ข้า"
หญิงสาวเอ่ยเสียงดังอย่างมั่นใจ ใครให้เขามาดูถูกนางล่ะ เรื่องเช่นนี้ใครจะยอม
"เหลวไหล"
หนิงเฟิ่งเอ่ยขึ้นในทันที
"ท่านเจ้าสำนัก~~~ ท่านกลัวข้าเช่นนั้นหรือ"
ฟางเหนียงเอ่ยอย่างท้าทาย หนิงเฟิ่งถึงกลับมีสีหน้าดำเมื่อถูกนางท้าทาย มิมีใครกล้าเอ่ยกับเขาเช่นนี้ ก่อนที่จะลุกและเดินออกไปจากห้องโถง แต่ขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูออกไป ก็ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้
"ฝึกรวมกับศิษย์คนอื่น ช่วงบ่ายฝึกกับหยงอี๋ มิต้องมีสาวรับใช้ข้างกายและต้องย้ายไปอยู่เรือนพักดั่งเช่นศิษย์คนอื่นๆ"
ปัง!
เสียงปิดประตูดังสนั่น หลังหนิงเฟิ่งเอ่ยจบก็เดินออกไปในทันที หญิงสาวหันมาหาหยงอี๋เพื่อต้องการยืนยันคำที่ได้ยิน หยงอี๋ยิ้มให้นางพร้อมพยักหน้าให้กับนาง
"ขอบคุณเจ้าสำนัก ขอบคุณรองเจ้าสำนักเจ้าค่ะ"
หญิงสาวทำท่าคารวะไปทางประตูที่หนิงเฟิ่งพึ่งเดินออกไปพร้อมตะโกนไล่หลังเขา และก็ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณหยงอี๋ที่ช่วยนางพูดในวันนี้
.
หน้าตำหนักหลิวรุ่ย
หญิงสาวหน้าตางดงามออกไปทางคมและดูท่าทางของนางปราดเปรียวทะมัดทะแมง นั่นก็คือจ้าวเย่วนั่นเอง หญิงสาวกำลังกระวนกระวายใจ เดินไปมาเหมือนกำลังลุ้นอะไรอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อสิ่งที่นางรอมานานปรากฏขึ้น ก็รีบวิ่งไปหาทันที
"เป็นเช่นไรบ้าง"
นางเอ่ยถามผู้มาใหม่ในทันที คนที่นางรออยู่นั่นก็คือฟางเหนียงนั่นเอง ฟางเหนียงแกล้งทำสีหน้าเศร้าหมอง เดินคอตกมาแต่ไกล และทำน้ำตาคลอเหมือนคนจะร้องให้
"โถ่ว~~ ไม่เป็นอันใด เจ้าอย่าพึ่งเสียใจไป ไว้วันหลังเราค่อยคิดหาทางให้เจ้าสำนักเห็นด้วยก็ได้"
จ้าวเย่วเอ่ยอย่างปลอบใจพร้อมเดินมาควงแขนหญิงสาว แต่จังหวะนั้นฟางเหนียงกลับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
"เจ้าเสียใจจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรือ"
"ก็ข้าอารมณ์ดีที่แกล้งเจ้าสำเร็จอย่างไรล่ะ ฮ่าๆๆ"
"เจ้านี่มัน...."
"โอ๋ๆ ไม่งอนน๊า~~ เจ้าสำนักตกลงให้ข้าพิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพพอที่จะศึกษาเป็นเวลา 3 วัน เจ้าต้องช่วยข้าน๊าา"
"ผู้ใดกัน..."
"ก็เจ้าอย่างไรล่ะ"
"สหายจอมโกหกเช่นเจ้าข้าไม่ช่วยหรอก ชิ!"
จ้าวเย่วเอ่ยขึ้นและเดินนำฟางเหนียงไปด้วยท่าทางโกรธ นางอุตส่าห์เป็นห่วงถึงขั้นปลอบใจไปแล้วด้วย แต่ดันโดนฟางเหนียงแกล้งเสียอย่างนั้น
"เดี๋ยวสิ รอข้าด้วย"
ฟางเหนียงตะโกนตามหลังและรีบวิ่งตามจ้าวเย่วไป ทั้งคู่เดินจนมาถึงที่พักของฟางเหนียง สิ่งที่พวกนางทั้งคู่เห็นตรงหน้าถึงกับทำให้ขมวดคิ้ว
"ฟางเหนียง เรือนเจ้าถูกขโมยหรือ..."
จ้าวเย่วเอ่ยขึ้นพร้อมดวงตาที่อึ้งค้าง ฟางเหนียงเองก็เช่นกัน แต่จู่ๆ จังหวะนั้นเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่ก็ดึงสติของคนทั้งคู่
"เจ้าสำนักฝากมาบอกเจ้าว่า หากคิดจะยอมแพ้ก็ให้ไปบอกท่านเจ้าสำนักได้ตอนนี้เลย อ้อ!นี่เหรียญเงินเดือนนี้ของเจ้า"
บ่าวรับใช้ชายที่คอยดูแลเรือนต่างๆ เอ่ยกับฟางเหนียง ก่อนที่จะเดินออกไปหลังเอ่ยสิ่งที่ตนได้รับมอบหมายสำเร็จ ฟางเหนียงกำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือด 'หนอยเเน่ะ ไอ้คนขี้เก๊ก ข้ายังกลับไม่ถึงเรือนก็ขนของข้าหมดเสียแล้ว คอยดูเถอะแม่จะแกล้งให้เข็ดเลยคอยดู'
"ไปกันเถอะจ้าวเย่ว"
ฟางเหนียงเอ่ยพลางดึงแขนของสหายตนเดินออกไป
