ตอนที่8 คุณหนูชื่อซิ่วอิง หวังซิ่งอิง
คฤหาส์ตระกูลไป๋
เมื่อออกมาจากโรงแรมสักพักก็ถึงคฤหาส์ตระกูลไป๋ คนรับใช้ออกมาต้อนรับต่างตะลึงกับใบหน้าที่งดงามดั่งเทพธิดานางฟ้าของคุณหนูคนใหม่ของพวกเขา
“ นี่คือคุณหนูอวี้เฟิ่ง ”
ไป๋เจิ้นหลงแนะนำให้พ่อบ้านแม่บ้านรู้จักไป่เซ
" สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะคุณหนู "
“ น้องสาว คนนี้ชื่อพ่อบ้านโจ คนนี้ป้าจาง ”
“สวัสดีค่ะคุณคุณลุง คุณป้า ”
“ เอากระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้องผมเลย ป้าจางเตรียมอาหารให้หน่อยครับสองที่ ”
“ ค่ะคุณชาย ”
ทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ไป๋เหอหลงและภรรยาไป๋อี้เหรินกำลังจะขึ้นไปนอนเห็นทั้งสองกลับมาจึงเดินเข้าไปหา
“ มากันแล้วเหรอ ” พ่อของไป๋เจอหลงเข้ามาพูดคุยทักทายยิ้มอย่างมีความสุข
“ ครับ ”
“ พ่อบ้านโจให้คนขึ้นไปทำความสะอาดห้องคุณหนูไป่เลยนะ ” ไป๋อี้เหรินแม่พูด
“ อ้อ ไม่ต้องครับคุณแม่ คืนนี้ให้น้องสาวนอนห้องผมไปก่อนก่อน "
ไป๋เจิ้นหลงพูดทำเอาทุกคนตกใจต่างมองตากันอย่างประหลาดใจ ไป๋เจิ้นหลงเห็นทุกคนทำท่าเช่นนั้นก็พูดกับหัวหน้าพ่อบ้านว่า
" พรุ่งนี้ค่อยไปทำ พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ ”
“ ครับคุณชาย ”
ไป่เซนิ่งเงียบไม่พูดสักคำแต่ก็ตกใจไม่น้อยตอนได้ยินไป๋เจิ้นหลงพูดว่าให้นินห้องเขา แม่ของไป๋เจิ้นหลงจึงพูดว่า
“ เอ่อ…เอางั้นก็ได้จะได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกัน ” ไป๋อี้เหรินพูดยิ้มเจื่อ
“ ออ เอ่อๆใช่ๆ ยินดีต้อนรับสู้บ้านตระกูลไป๋อย่างเป็นทางการนะ ขาดเหลืออะไรบอกพ่อบ้านได้เลยนะ ”
ไปเหอหลงพูด
“ งั้นแม่กับพ่อขึ้นไปนอนก่อนนะลูก ” ไป๋อี้เหรินพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นสองพร้อมกับสามี
“ ครับ ” ไป๋เจิ้นหลงพูด
ไป่เซ มองแผ่นหลังสองสามีภารยาเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเหม่อลอย
ไป่เซพูดกับตัวเองในใจ “ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจกว่าที่คิด แม้แต่พ่อแม่ไม่มีใครคัดค้านเลยที่ต้องนอนห้องเดียวกีน ”
“ เชิญครับ(ยิ้ม)ขึ้นไปอาบน้ำเสร็จลงมาทานข้าวกัน ”
ทั้งสองเดินขึ้นไปที่ห้องไป๋เจิ้นหลง ลึกๆไป่เซก็กลัวมากแต่ก็แสดงท่าทีเรียบเฉยแอบมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่กล้าทำอะไรเธอเพราะอยู่ในฐานะพี่ชายน้องสาวบุญธรรมแต่ถึงอย่างไรเธอก็ระวังตัวไว้อยู่ดี
“ คุณไปอาบน้ำก่อน ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำแล้ว " ไป๋เจิ้นหลงพูด
“ อ้อเสื้อผ้าคุณอยู่ในตู้นี้นะ ”ไป๋เจิ้นหลงชี้ไปที่ตู้ข้างๆตูเสื้อผ้าเขาแล้วยิ้มมุมปากสายตาจิ้งจอกก็ฉายแววออกมาเล็กน้อย
“ อืม ” ไป่เซหยิบเอาเสื้อผ้าชุดนอน เข้าไปในก้องน้ำทันที หายใจอย่างโล่งอกบ่นพึมพำๆกับตนเอง
“ พี่บุญธงพี่บุญธรรมบ้าอะไรแบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆ ผู้ชายน่ารังเกียจ เราต้องอดทนไว้แค่คืนเดียวอดทนๆ ”
สักพักเธอก็อาบน้ำเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเธอแปลกใจไม่เห็นไป๋เจิ้นหลงในห้องเธอหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วกวาดสายตามองสำรวจดูรอบๆห้อง พอรู้สึกปลอดภัยเธอจึงนั่งลงบนเตียงอย่างสบายใจทันใดนั้นกระจกบานใหญ่ที่ติดผนังห้องขยับหมุนพร้อมกับมีคนเดินออกมาจากในนั้นไป่เซตกใจรีบลุกยืนทันที อุทานออกมาอย่างตกใจ
“ ห้องลับ ”
สิ้นเสียงเธอก็เอามือปิดปากหันไปทางอื่นทำเป็นมองไม่เห็นแต่ไป๋เจิ้นหลงสังเกตเห็นเธอหมดแล้วจึงยิ้มอ่อน
แล้วพูดว่า
“ ทำไมเห็นห้องลับต้องตกใจขนาดนั้นเชียว ”
ไป๋เจิ้นหลงเดินเข้ามาใกล้เธอพร้อมอธิบาย
“ เป็นห้องทำงานของผมน่ะ คืนนี้ผมจะนอนในห้องทำงาน คุณนอนห้องผมเลยไม่ต้องเกรงใจ ”
พูดจบไป๋เจิ้นกลงก็หมุนตัวเข้าไปในห้องน้ำไป่เซก็ลงไปชั้นล่างคนเดียวทันที
ไป่เซเดินลงไปชั้นล่างสักพักไป๋เจิ้นหลงก็ลงมาทั้งสองนั่งทานข้าวแล้วก็เข้านอน
ตอนเช้าพ่อบ้านโจพาคนไปทำความสะอาดห้องเตรียมชุดเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวให้ไป่เซอย่างเรียบร้อยไป่เซตื่นขึ้นมาทำธุระส่วนตัวเสร็จก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกเบอร์ที่คุ้นเคยของปู่เธอ เมื่อปลายสายรับสายเธอจึงพูดว่า
“ สวัสดีค่ะคุณปู่ วันนี้หนูจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์หน่อยค่ะ ”
“ เอ่อๆดีๆงั้นก็ไปด้วยกัน ปู่ก็อย่ากไปหาท่านเช่นกันปู่ให้คนไปรับ ”
“ ค่ะ ”
สักพักคนขับรถมารับไป่เซก็มาถึงไป่เซขึ้นรถแล้วออกไปไป๋เจิ้นหลงตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไม่เห็นไป่เซอยู่ในห้องนึกว่าเธออยู่ข้างล่างจึงลงไปแต่ก็ไม่พบในใจไป๋เจิ้นหลงรู้สึกกระวนกระวายใจไม่สบายใจมากเมื่อเห็นป้าจางที่กำลังเตรียมอาหารเช้าให้จึงได้ถามออกไป
“ ป้าจางคุณหนูอวี้เฟิ่งล่ะ เธออยู่ไหน ”
“ อ่อ เห็นคุณหนูออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะไม่ได้บอกใครไว้ว่าออกไปไหนแต่มีรถมารับ ”
ไป๋เจิ้นหลงครุ่นคิด มีรถมารับใครมารับเธอเพิ่งมาจีนครั้งแรกนี่ อ้อคุณปู่เธอต้องไปบ้านคุณปู่แน่เลยคิดได้ดังนั้นไป๋เจิ้นหลงก็โทรหาคุณปู่ไป๋ทันที ขณะนั้นคุณปู่ไป๋นั่งอยู่ในรถกับไป่เซเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมองดูเบอร์ที่โทรเข้าเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงกดรับ
“ เจิ้นหลง มีอะไรรึโทรหาปู่แต่เช้า ” คุณปู่ไป๋พูดน้ำเสียงอ่อนโยน
“ เอ่อ…น้องบุญธรรมอยู่กับคุณปู่หรือเปล่าครับ ”
“ ทำไมเหรอ น้องบุญธรรมหายไปเหรอ นี่ดูแลยังไงถึงปล่อยให้หายไปได้ ”
คุณปู่ไป๋ใบหน้ายิ้มอ่อนหยอกเล่นหลานชายที่กระตือรือร้นโทรหาแต่เช้าเพียงถามหาน้องสาวบุญธรรม
“ ขอโทษครับคุณปู่ ผมจะตามหาน้องบุญธรรมกลับมาให้ครับ ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนนะครับคุณปู่ ”
ไปเจิ้นหลงกำลังจะวางสายก็ได้ยินเสียงของคุณปู่
“ เดี๋ยว เจิ้นหลง ไม่ต้องตามหรอกอวี้เอ๋อร์อยู่กับปู่นี่แหละ ”
ไป๋เจิ้นหลงแอบรู้รู้โล่งและผ่อนคลายลงเล็กน้อยทีแรกเขานึกว่าไป่เซไปจากเขาอีกแล้วถึงอย่างไรไป๋เจิ้นหลงก็เก็บอารมณ์นั้นไว้และพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“ ครับ เช่นนั้นก็ดี ” พูดจบเขาก็วางสายทานโจ๊กแล้วออกไปทำงาน
ไป่เซที่นั่งข้างๆสีหน้าเรียบเฉยได้ยินคุณปู่คุยโทรศัพท์จากสีหน้าเรียบเฉยกลายเป็นเย็นชาหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาทันที
คุณปู่ไป๋เองก็สังเกตสีหน้าของไป่เซเช่นกันเขารู้สึกว่าหลานทั้งสองต่างมีอามรมณ์ที่ยากจะบรรจบกันได้
คนหนึ่งห่วงหาคนหนึ่งถอยห่างพร้อมเกลียดชัง แต่คุณปู่ไป๋ก็ไม่สนใจเขาดีใจที่ไป๋เจิ้นหลงห่วงไป่เซ แล้วจึงเอ่ยถามไปเซอย่างเป็นห่วง
“ อวี้เอ๋อร์ เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าดูไม่สดชื่นเลย ”
: จะให้สีหน้าสดชื่นได้ยังไงล่ะเจ้ากรรมนายเวรนั่นเล่นโทรถามซะขนาดนั้นขยะแขยงจะตาย :
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้เธอไม่โง่เสียมารยาทพูดออกไปจึงตอบไปว่า
“ ไม่เป็นไรค่ะ คงเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับค่ะ ”
“ อ่อ อย่างนี้นี่เอง งั้นหนูก็นอนพักผ่อนเลยนะอีกไกลกว่าจะถึง ”
“ ค่ะ " พูดจบไป่เซก็เอ็นบอร์ดลงนอน
คุณปู่ไป๋มองดูใบหน้าที่อ่อนโยนงดงามของไป่เซก็นึกถึงคำพูดของพ่อเขาที่เป็นอาจารย์ของไป่เซว่า
ไป่เซกับไป๋เจิ้นหลงเกิดวันเดียวกันวันที่เดียวกันเดือนเดียวกันแต่คนหนึ่งเกิดกลางวันอีกคนเกิดกลางคืน
มีความสัมพันธ์กันตั้งแต่อดีตชาติภพนี้โชคชะตาฟ้าลิขิตนำพาให้ทั้งสองมาพบเจอกันอีกครั้งตามคำอธิฐานของไป๋เจิ้นหลงในอดีตชาติแต่แน่นอนว่าพรหมลิขิตนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธคำพูดก่อนตายในอดีตชาติของไป่เซเช่นกัน ดังนั้นความรู้สึกของทั้งสองในชาตินี้จึงขัดแย้งกันยากจะบรรจบรวมเป็นหนึ่งได้ นึกถึงตรงนี้คุณปู่ไป๋ก็ถอนหายใจแล้วก็หลับไปบนรถ
คุณปู่ทวดอาจารย์ของไป่เซอาศัยอยู่ที่เขาหวงซานสถานที่ซึ่งเหมาะแก่การฝึกยุทธ สถานที่เขาหวงซานคือสถานที่ท่องเที่ยวแต่จุดที่อยู่ของคุณทวดไป๋อยู่นั้นไม่อนุญญาตให้คนนอกเข้าเป็นถานที่อุดมสมบูรณ์ยอดเขาสูงโด่งสวยงามข้างล่างมีบ่อน้ำพุ คุณทวดไป๋อายุ100ปีแล้วผมและหนวดคราวเป็นสีขาวแต่งกายแบบชาวจีนโบราณหลังจากบริษัทเริ่มเป็นไปในทางที่ดีก็ยกให้คุณปู่ไป๋เป็นผู้ดูแลตนเองนั้นได้ออกมาใช้ชีวิตสืบทอดวรยุทธของตระกูลลูกศิษย์รุ่นแรกของเขาคือจินซาและจินฟาแต่ผู้สืบทอดคนต่อไปของเขาคือไป่เซหรืออวี้เฟิ่งนั่นเอง
ทุกๆปีไป่เซจะมาที่เขาหัวซานปีละสองครั้งแม้ภายนอกจะเป็นที่ท่องเที่ยวแต่ลึกเข้าไปเป็นเขตสงวนคนภายนอกห้ามเข้าไป่เซจึงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับใครวันๆก็ฝึกวรยุทธฝึกกำลังภายในอยู่บนยอดเขาเท่านั้น บ้านก็เป็นบ้านไม้จีนโบราณกลมกลืนกับธรรมชาติ
เมื่อมาถึงไป่เซเข้าไปสวัสดีคุณปู่ทวดคุณปู่ทวดดีใจมากเมื่อเห็นหน้าไป่เซ
“ อ่า มาแล้วเหรอ ” รอยยิ้มอ่อนโยนมองไปยังคนที่เข้ามา
“ สวัสดีครับคุณพ่อ ” คุณปู่ไป๋พูดยิ้ม
“ สวัสดีค่ะคุณปู่ทวด ”
“ เอ่อ เอ่อ ฮ่าๆๆๆ สวัสดีๆ มาๆเข้าไปข้างใน วันนี้ลูกหลานมาเยี่ยมหาทั้งที มีน้ำชาใหม่จะดื่มน้ำชาวิเศษรสชาติดีมากๆไม่มีขาย ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์หรือคุณปู่ทวดไป่เซก็จะกลายเป็นเด็กสดใสร่าเริงทันที ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในบ้าน
“ ท่านประธานใหญ่ครับผมไปเก็บสัมภาระก่อนนะครับ ” จินหลงกล่าว
“ อ่าๆไปแล้วก็รีบกลับมานะมาดื่มชากัน ”
“ ครับ ” พูดจบจินหลงก็เดินออกไป
“ คุณปู่ทวดสบายดีมั้ยคะ ช่วงที่หนูไม่อยู่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรรึเปล่า ” ไป่เซถามอย่างเป็นห่วง
" ข้าสบายดีๆ ปู่แข็งแรงยิ่งกว่าคนหนุ่มคนสาวเยอะไม่ต้องห่วงถ้าจะห่วงก็ห่วงตัวเองให้มากๆพอ
ตอนนี้หนูเข้ามาตระกูลไป๋เป็นที่จับตามองผู้หวังดีก็มากผู้ประสงศ์ร้ายก็เยอะหนูยังจะเจอร้อยเล่ห์ของคนมากหน้าหลายตาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพ "
คุณปู่ปวดกล่าวอย่างเป็นห่วงมองหน้าไป่เซพลางหยิบชาขึ้นมาจิบ
“ คุณปู่ทวดรู้ด้วยเหรอคะว่าหนูเข้ามาอยู่ในตระกูลไป๋ คุณปู่ทวดเจ๋งสุดยอดไปเลยค่ะ ”
ไป่เซพูดอย่างร่าเริง เรื่องที่คุณปู่ประกาศฐานะของเธอในวันเกิดเป็นข่าวภายนอกนี่นา
คุณปู่ทวดอยู่บนเขาจะรู้ได้ยังไงรู้เร็วอีกต่างหากพูดยังกับตระกูลไป๋มีศัตรูเยอะแหน่ะคิดได้เช่นนี้จึงพูดต่อว่า
“ ว่าแต่คุณปู่ทวดรู้ได้ยังไงคะใครเป็นคนให้ข่าว ” ไป่เซถามอย่างสงสัย
“ ฮ่าๆๆๆ สายลับ ”
“ อ่อ สายลับ ทำไมหนูไม่รู้จักละคะ ”
“ ถ้าหนูรู้จะเรียกสายลับได้อยู่เหรอฮ่าๆๆๆ " คุณปู่ทวดหัวเราะอย่างมีความสุข
คุณปู่ไป๋นั่งดูทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนมจึงเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจว่า
“ อวี้เอ๋อร์ ลืมปู่แล้วเหรอ ทีอยู่กับปู่ไม่เห็นจะพูดเยอะขนาดนี้ ”
ได้ยินดังนั้นไป่เซรีบส่ายมืออย่างเร็วแล้วพูดว่า
“ เปล่าๆค่ะคุณปู่ เพียงแต่อยู่ภายนอกทุกอย่างมันดูวุ่นวายไม่รู้จะพูดอะไรก็เท่านั้นเองค่ะ "
" ยังไงนอกจากพ่อแม่แล้วอวี้เอ๋อร์ก็มีคุณปู่กับคุณปู่ทวดนี่แหละที่รักและหวังดีกับอวี้เอ๋อร์ที่สุดและหนูก็รักที่สุดเช่นกันค่ะ อ้อ มีคุณปู่คุณย่าของหนูอีก อวี้เอ๋อร์นี่โชคดีสุดๆเลยใช่มั้ยคะ ”
ไป่เซพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส คุณปู่บุญธรรมทั้งสองได้ฟังเช่นนั้นก็ชื่นใจ
ตั้งแต่ไป่เซเข้ามาเหมือนมาสร้างสีสันในชีวิตให้คุณปู่ทวดกับคุณปู่ไป๋ทั้งสองรักและหลงหลานคนนี้มาก
“ อ่าๆปู่รู้แล้วๆ ” คุณปู่ไป๋พูดจินหลงก็เข้ามาด้านหลัง
“ จินหลง นั่งสิ ” คุณปู่ทวดพูด
“ ขอบคุณครับ ”
“ คุณปู่ คุณปู่ทวดคะหนูขอตัวไปเดินเลยหน่อยได้มั้ยคะ ”
“ อืม ” คุณปู่ทั้งสองพยักหน้าอนุญาตให้ไปมีกรือไป่เซจะรอช้าเธอรีบไปแช่ตัวในน้ำพุอุ่นๆของเธอ
จากนั้นก็ลอยตัวบินสู่ยอดเขาชมทิวทัศย์สวยงามกว้างไกลบนยอดเขาหัวซานไม่ใช่เธอไม่มีใครทำได้เธอใส่ชุดจีนโบราณสีชมพู ผ้าไหมบางพลิ้วตามความเคลื่อนไหว ผมยาวสลวยพลิ้วปลิวตามลมบนยอดเขา
เธอดื่มด่ำอิ่มหนำสำราญใจกับสายลมสายหมอกและธรรมชาติแล้วเธอก็ลงมา
ระหว่างใช้วิชาตัวเบอเธอเหยียบพลาดตกลงมากระแทกกับก้อนหินอย่างแรงเธอเจ็บปวดแล้วสลบไป
เหมือนเธอหลุดเข้าไปอยู่ในอีกภพหนึ่งทันทีเธอรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยความมึนงงท่ามกลางดอกไม้นานาชนิดสีสดสวยงามส่งกลิ่นหอมอ่อนๆฟุ้งกระจาย ช่างสวยงามจริงๆที่นี่ที่ไหนน่ะ
“ คุณหนูคะ คุณหนู คุณหนูอยู่ไหนคะ ” เสียงตามหาคนดังเข้ามาใกล้เธอเธอจ้องอย่างงวยงง
“ คุณหนูมาหลบอยู่นี่นี่เอง ” สาวรับใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
“ คุณหนูคะวันนี้ฮ่องเต้จะเสด็จมาที่จวน คุณหนูรีบไปแต่งตัวเถอะค่ะ ” สาวใช้อีกคนพูดขึ้น
“ ห๋า ฮ่องเต้ นี่มันอะไรกันเนี่ยเราฝันไปๆแน่เลย ” เธอเอามือหยิกยัวเองทันที
“ โอ้ยเจ็บ นี่ไม่ใช่ความฝันเหรอแล้วมันอะไรกันเนี่ย เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เมื่อกี้เราตกลงจากเขากระแทกกับพื้นนี่ แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ไง ”
เธอพึมพำกับตัวเองสักพักก็ตัดสินใจเพราะอยากรู้อะไรมากขึ้น
“ เป็นไงเป็นกัน กลับไปแต่งตัวกัน ”
สาวใช้ทั้งสองพยุงร่างของเธอแล้วเดินกลับไปอาบน้ำเธอตะลึงน้ำในอ่างเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ซ้ำน้ำยังเป็นน้ำนมบริสุทธิ์ที่คนรับใช่นำมาเติมให้สาวใช้สองคนถอดชุดให้เธอลงไปแช่น้ำและคอยขัดผิวให้เธออย่างเบามือนวดให้เธอเบาๆจนรู้สึกผ่อนคลายจู่ๆเธอพลันนึกอะไรขึ้นได้ เธอไม่ได้ฝันงันเธอย้อนยุคมาโลกอนาคตเธอก็ตายแล้วน่ะสิไม่ๆๆๆๆไม่จริงคิดแบบนี้ได้เธอจึงพูดขึ้นว่า
“ คุณ คุณทั้งสองช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันชื่ออะไร ”
สาวใช้ทั้งสองทำหน้างวยงงรู้สึกแปลกใจที่คุณหนูของเขาเปลี่ยนไปคำพูดแปลกไปแม้จะเดาความหมายออกก็ตาม
“ เอ่อ คุณหนูเจ้าคะ เพราะเหตุใดคุณหนูถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ ”สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
“ นั่นสิเจ้าคะคำว่า คุณ หมายถึงพวกเราสองคนใช่มั้ยเจ้าคะ ” อีกคนพูด
" เจ้าคะ ! คำพูดแบบนี้มันฟังดูโบราณไป แถมมีคำว่าฮ่องเต้โผล่มาให้ได้ยิน และสองคนนี้ก็ไม่ค่อยเขาใจคำว่า
คุณ สักเท่าไหร่ที่เข้าใจคือการเดาเอาเท่านั้นนี่แสดงว่าเรามาอยู่ในยุคหลายพันปีเลยสิการแต่งตัวแม้จะคล้ายกับที่บ้านของคุณปู่ทวดแต่ที่นี่ดูใหม่กว่าเยอะกี่พันปีละเนี่ยจะว่าไปก็น่าตื่นเต้นดี " คิดได้เช่นนี้ไป่เซจึงถามไปว่า
“ พวกเธอพอจะบอกฉันได้มั้ยว่าฉันอยู่ที่นี่มีพรสวรรค์ด้านใดบ้าง ”
สาวใช้ทำหน้างงไม่หยุดไป่เซเห็นเช่นนั้นรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่เขาตกใจตัวเอง
นิสัยขี้รำคาญขี้หงุดหงิดตามมาถึงภาพนี้ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้นไปอีกว่าเจ้าของร่างนี้อาจจะนิสัยเหมือนเธอก็ได้
เธอเกิดความอยากรู้นิสัย อยากเห็นใบหน้าของคนที่เธอมาอยู่ในร่างนี้จึงพูดออกไปว่า
“ ฉันอยากได้กระจก มีมั้ย ”
“ มีเจ้าค่ะคุณหนู รีบอาบน้ำก่อนเถอะเพคะ ฮ่อเต้เสด็จมาหากต้องรอมันจะดูไม่เหมาะสมเอาเจ้าค่ะ ”
“ อืมได้ รู้แล้ว ” ไหนๆก็มาอยู่บ้านเขาต้องเกรงใจเชื่อฟังเจ้าบ้านหน่อย แต่ยังค้างคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
เดี๋ยวค่อยถามก็ได้เรียนรู้เอาตัวรอดที่นี่ก่อนสำคัญสุด
สักพักเธอก็เดินออกมาจากอ่างสาวใช้จะมาเปลี่ยนชุดแต่งตัวให้เธอ
“ พวกเธอ…ไม่ไช่สิ..พวกเจ้าจะทำจะทำอะไรน่ะ ” ไป่เซถาม
“ บ่าวจะแต่งตัวให้คุณหนูเจ้าค่ะ ”
“ ห๋าแต่งตัวไม่ ไม่ต้องฉันใส่เอง ”
“ คุณหนูเจ้าคะอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลยเจ้าค่ะมันคือหน้าที่ ”
เออ ก็จริงถ้าแต่งเองก็คงจะแต่งไม่เป็นไม่เสร็จอยู่ดี ทางที่ดีเราควรจะเชื่อฟังพวกเขาก่อนเรายังไม่รู้อะไร
เผลอทำอะไรผิดพลาดในยุคนี้อาจจะโดนโบยโดนทรมานหรือโดนประหารเอาได้ไป่เซเธอต้องเชื่อฟังเชื่อฟังท่องไว้
“ อืมได้ งั้นมาแต่งตัวเลย แล้วก็ตอบคำถามฉัน…ข้าด้วย ”
“ เจ้าค่ะ ” สาวใช้แต่งตัวทำผมให้เธอพร้อมกับตอบคำถามเมื่อกี้
“ คุณหนูถามว่าคุณหนูชื่ออะไรไม่รู้เหตุใดคุณหนูจึงถามเช่นนี้แต่คุณหนูชื่อ คุณหนูซิ่วอิง หวังซิ่งอิง ที่แปลว่า สง่างามกล้าหาญเจ้าค่ะ ”
“ คำถามที่สอง คุณหนูนั้นสง่างามและกล้าหาญสมชื่อเจ้าค่ะ ” สาวใช้อีกคนพูดขึ้นอีกคนกล่าวเสริม
“ ใช่เจ้าค่ะคุณหนูทั้งเก่งและกล้าหาญออกไปปราบโจรภูเขากับจางจิ้งแค่สองคนแต่ก็สามารถเอาชนะโจรภูเขาได้แต่ไม่รู้คุณหนูใช้วิธีการใดโจรภูเขาเลยยอมสวามิภักตามคุณหนูกลับมาด้วยเจ้าค่ะ ”
สาวใช้พูดชื่นชมคุณหนูเขาอย่างมีความสุข
“ เพราะเหตุนี้ชื่อเสียงของคุณหนูเป็นที่กล่าวขานไปถึงฮ่องเต้เข้าทำให้ฮ่องเต้เสด็จมาในวันนี้เจ้าค่ะ ”
“ อ๋อ แบบนี้นี่เอง แสดงว่าข้าก็เป็นวรยุทธน่ะสิ ”
“ แน่นอนเจ้าค่ะ เอ๋ คุณหนูทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะเจ้าคะ อย่าบอกนะว่าหลังจากปราบโจรภูเขาความจำคุณหนูเลอะเลือน ”
สาวใช้พูดขึ้นด้วยความสงสัย จากนั้นก็มีภาบแว่บเข้ามาตอนเดินในสวนดอกไม้เธอสะดุดล้มหัวฟาดก้อนหินจึงสลบไป
แต่เธอขี้เกียจพูดมากจึงตอบไปว่า
“ อืม น่าจะใช่ ” “ แล้วคนไหนล่ะที่ชื่อจางจิ้ง ”
ไป่เซอยากจะเห็นหน้าจางจิ้งคนนั้น
“ จางจิ้งไปดูความเรียบร้อยในจวนใหญ่ตามคำสั่งของคุณหนูเจ้าค่ะอีกเดี๋ยวก็คงมา ”
พอแต่งหน้าทำผมให้ไป่เซเสร็จเหล่าสาวใช้ก็หยิบกระจกมาวางไว้ด้านหน้าไป่เซทันที
“ คุณหนูช่างงดงามจริงๆเจ้าค่ะ ”สาวใช้พูดชมไป่เซไม่ขาดปาก
“ ในใต้หล้านี้หาได้มีหญิงงามใดเปรียบคุณหนูได้แล้วเจ้าค่ะ ”
ไป่เซจ้องไปที่กระจก ชุดสีชมพูกลีบบัวผิวสีขาวผ่องดุจปุยฝ้ายใบหน้านี้
นี่มันใบหน้าเราชัดๆทำไมคุณหนูคนนี้เหมือนเรายังกับแกะทั้งนิสัยขี้หงุดหงิด
ทั้งวรยุทธเหมือนเราเกือบหมดเลย เธอเอามือจับใบหน้าตัวเองว่าฝันไปรึเปล่า
ไม่ฝันๆสัมผัสถึงเนื้อหนังจริงๆมันเกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ยเรื่องบังเอิญอะไรขนาดนี้
เธอพึมพำอยู่ในใจ อยู่ๆก็มีสาวรับใช้เดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“ คุณหนู งานในจวนใหญ่เรียบร้อยดีเจ้าค่ะ ” จางจิ้งพูด
เมื่อไป่เซเห็นจางจิ้งเธอตะลึงอึ้งไป พร้อมเอ่ยเสียงอย่างไม่น่าเชื่อ
“ วา วา ” วาวา
“ นี่คือจางจิ้งสาวข้ากายคุณหนูเจ้าค่ะ ”
จางจิ้งสีหน้างุนงง
" คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า "
“ ออ ไม่ๆ ฉันโอเค ไม่เป็นไร งั้นไปกันได้หรือยัง ”
จางจิ้งและสาวใช้คนอื่นๆยิ่งงงไปใหญ่ กับคำว่า ฉัน และ โอเค
“ คุณหนูเหตุใดจึงพูดแปลกๆเจ้าคะ ” จางจิ้งถาม
“ ไม่มีไร ไปได้รึยัง ” ไปเซเอ่ย
“ เจ้าค่ะ ” สาวใช้ทำท่าเชิญให้คุณหนูเดินนำไปแต่ใครจะคาดถึงว่า
เดินไปไม่กี่ก้าวไป่เซจะหยุดชะงัดเพราะเธอไม่รู้ว่าจวนใหญ่อยู่ไหน
“ มีอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู ” จางจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
“ เอ่อ…คือ…วันนี้ฮ่องเต้เสด็จ ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ”
“ เจ้าเดินนำคุ้มกันข้างหน้าใก้ข้าหน่อยได้มั้ย ”
ความจริงคือฉันไม่รู้ทางต่างหากล่ะจะบ้าตายชีวิตฉันโลกปัจจับันร่างฉันจะเป็นยังไงบ้างเนี่ยเป็นห่วงร่างจังเลย
“ เจ้าค่ะ ”
จางจิ้งตอบรับแต่ในใจพอได้ยินคุณหนูพูดว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็อดคิดไม่ได้ว่าฮ่องเต้จะคิดไม่ดีกับคุณหนูของตน
จางจิ้งเดินนำไปยังจวนใหญ่ พอไปถึงเธอเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งกลางห้อง
เธอตะลึงอึ้งอีกครั้งนั่นมันไป๋เจิ้นหลงนี่ เป็นไปไม่ได้ที่ไป๋เจิ้นกลงจะโผล่มาที่นี่ เธอยืนตะลึงอึ้งอยู่อย่างนั้น
ฮ่องเต้เองก็ตะลึงในความงามของ หวังซิ่วอิง (ไป่เซ)แต่ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์เย่อหยิ่งของฮ่องเต้
หญิงงามนั้นเขาเคยพบเห็นมามากถึงตะลึงแต่ก็เก็บอาการไว้ได้ดีกว่าไป่เซ ถึงอย่างไรในใจเขา
ก็อยากจะมีไป่เซเป็นฮองเฮาขึ้นมา
ไป่เซดึงสติกลับมามองซ้ายมองขวาทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะไปนั่งที่ไหนถึงจะถูก
เธอมอมหาจางจิ้งแต่จางจิ้งไม่อยู่แล้วในห้องนี้เหลือเพียงแค่ฮ่องเต้คนวัยกลางคนชายหญิงและเธอเท่านั้น
ตามคาดเดาของเธอคนที่อยู่ตรงกลางท่าทางโองอ่าสง่าผ่าเผยหล่อเหลาเย็นชาคนนั้นน่าจะเป็นฮ่องเต้
เพราะเธอเป็นสามัญชนคนไทยเธอจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เท่าไหร่ คนที่อยู่ทางขวาน่าจะเป็นพ่อแม่ของเธอในยุคนี้ ฮ่องเต้สีหน้าเริ่มไม่พอใจ ผ่านมาสักพักแล่วไป่เซไม่ทำความเคารพเขาสักที ทำให้ทสงฝี่งพ่อแม่ของไป่เซจึงต้องเอ่ยขึ้นว่า
" ซิ่วเอ๋อร์ คำนับฮ่องเต้ "
ทันใดนั้นไป่เซรีบเอามือขวาทับซ้ายโค้งคำนับทันที แล้วไปนั่งที่ว่างอยู่นาทีนี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว
ที่ใดว่างที่นั่นคือที่ของเธอเพราะเธอคือคุณหนู
" ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวตระกูลหวังปราบโจรภูเขาได้
และสามารถเกลี้ยกล่อมให้โจรภูเขาสวามิภักตามกลับมารับใช้ด้วยเป็นเรื่องจริงหรือ "
“ เอ่อ เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ฝ่าบาทอย่าได้ใส่ใจเลย ”
หวังถิงหรงพ่อของหวังซิ่วอิงพูด
ฮ่องเต้โมโหตบโต๊ะเมื่อได้ยินคำพูดของหวังถิงหรง
“ บังอาจ เจ้ามาสั่งสอนข้ารึ ซุกซ่อนกลุ่มโจรมีโทษประหาร หรือพวกเจ้าไม่ทราบกฏนี้ ”
“ ขออภัยฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วยเภอะ ”
“ ขออภัยฝ่าบาทสามีข้าผิดไปแล้วกล่าววาจาโดยมิทันได้ไตร่ตรอง ”
สองสามีภรรยาคุกเข่าคำนับขออภัยต่อฮ่องเต้
แต่ฮ่องเต้มีหรือคนจะมาออกคำสั่งสอนเขาได้จึงไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงเรียกทหารมา
“ ทหารลากตัวออกไป ”
แท้ที่จริงก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ได้เห็นรูปวาดของไป่เซแล้วเกิดตกหลุมรักทันทีตระกูลหวัง
ทุกครั้งที่ส่งคนมาจวนตระกูลหวังพวกเขามักจะหาข้ออ้างหลีกเลี่ยงจุดประสงค์ของฮ่องเต้ตลอด
มาวันนี้เป็นแผนของฮ่องเต้หากว่าตระกูลหวังพูดผิดแม้นิดเดียวก็จะกดให้เขายกลูกสาวให้ให้ได้
แท้จริงแล้วที่ตระกูลหวังไม่สามารถยกลูกสาวให้ได้นั่นเพราะเขาไม่สามารถบังคับลูกสาวเขาแต่งงานได้
ลูกสาวเขาทั้งเอาแต่ใจ ทั้งเก่ง ทั้งดื้อ แต่ไม่เคยทำเรื่องเดือดร้อนใก้ครอบครัวเป็นเสาหลักของคนในตระกูล
คอยแก้ปัญหาออกรบปลอมเป็นชายแทนพ่อเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าบังคับเขา
ทหารเข้ามาลากตัวสองคนออกไปยังไม่ทันพ้นประตูเสียงค้านก็ดังขึ้น
ไป่เซที่นั่งอยู่จึงลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า
“ หยุดก่อน ”
ฮ่องเต้ทำสีหน้าสงสัย ผู้หญิงคนนี้กล้าไม่เบาบังอาจเสียงดังต่อหน้าข้า ดูสิว่าจะทำยังไง
“ ท่านทำไม่ถูกต้อง ท่านเป็นถึงฮ่องเต้ ควรมีคุณธรรม จิตใจเมตตา ไม่ใช่นึกอยากจะสั่งลงโทษก็ลงโทษอยากจะประหารก็ประหารงั้นเหรอ พวกเขาทำผิดอะไร เพียงเพราะข้านำกลุ่มโจรภูเขาที่กลับตัวกลับใจแล้วเข้ามาอยู่ในจวน ท่านก็หาว่าผิดงั้นหรือ ” ไป่เซพูด
ฮ่องเต้มองหน้านางอย่างโมโหแต่ลึกๆเขาก็ชื่นชมในตัวผู้หญิงคนนี้ที่มีความกล้าต่อต้านเขา
“ เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับข้า ”
ฮ่องเต้ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ยิ่งอยากได้ไป่เซเป็นชายา
“ ข้ากล้าพูดกล้ารับกล้าตายถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ”
“ ดีเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ก็ตายไปพร้อมกันทั้งตระกูลไปเลย ” ฮ่องเต้แกล้งพูดเสียดัง
จางจิ้งที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาคุกเข่าทันทีและพูดอธิบาย
" ฮ่องเต้โปรดอภัย คุณหนูไม่ได้ให้กลุ่มโจรภูเขาเข้าจวนเพราะคิดก่อการร้ายแต่อย่างใด
เพียงแต่พวกเขานั้นกลับใจแล้วคุณหนูเลยให้ที่อยู่ที่ทำกินดีกว่าออกปล้นฆ่าฟันผู้อื่นเท่านั้นเจ้าค่ะ หากมีความผิดข้าขอรับแทนคุณหนูขอท่านทรงอภัยให้คุณหนูด้วยเจ้าค่ะ "
“ ออกหน้ารับแทน ดีเอาไปโบยให้ตาย ” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“ ไร้สาระ ! ” ไป่เซตะคอกเสียงดัง ทำเอาทหาตะลึงอึ้งรวมถึงพ่อแม่ของไป่เซด้วยเช่นกัน
“ พอแล้ว เจ้าลงโทษคนโดยไร้เหตุผล ถึงเป็นฮ่องเต้ข้าก็ไม่กลัว เจ้าบอกมาที่เจ้ามาใช้อำนาจกลั่นแกล้งคนที่นี่
ต้องการอะไรกันหากตกลงกันไม่ได้ข้าขอสู้ตาย ”
“ คุณหนู ! พลาดแล้วเจ้าค่ะ ”
จางจิ้งตกใจจึงไปกระซิบข้างหูไป่เซว่า
" คุณหนูจุดประสงค์ของฮ่องเต้คุณหนูไม่รู้หรือเจ้าคะ "
ไป่เซนิ่งทบทวนเขาพูดอะไรผิด จุดประสงค์ของฮ่องเต้คืออะไรเขาจะรู้ได้ยังไง
เท่าที่ดูเพียงเพราะต้องการฆ่าคนกำจัดโจรภูเขาเท่านั้นไม่ใช่เหรอ
ฮ่องเต้หัวเราะ
“ ต้องขอบใจเจ้ามากที่ถามว่าข้าต้องการอะไร”
“ ง่ายนิดเดียวเมื่อเจ้าเก่งวรยุทธเจ้าก็มาประลองกับข้าถ้าข้าแพ้ข้าจะไม่ทำอะไรคนตระกูลเจ้าปล่อยพวกเจ้าทุกคนแต่ถ้าเจ้าแพ้ ง่ายนิดเดียวเดี๋ยวข้าค่อยบอกเจ้า ”
ฮ่องเต้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเดินออกไปออกคำสั่งขังพ่อกับแม่ของไป่เซไว้ในห้องจนกว่าการประลองจบสิ้นลง
รวมถึงจับขังกลุ่มโจรภูเขามาอยู่รวมกัน ให้ทหารลับเฝ้าไว้ ห้ามคนนอกเข้าคนในห้ามออก