บท
ตั้งค่า

ตอนที่7 ใครใช้ให้คุณเกิดมาถูกใจผมล่ะ

ณ ประเทศจีน

เสียงโทรศัพท์ของไป๋เทียนหลงดังขึ้น เห็นเบอร์ที่คุ้นเคยโทรมาก็รีบกดรับสาย

“ ฮัลโหล อวี้เอ๋อร์ มาถึงแล้วเหรอ ” 

“ ยังค่ะคุณปู่ ตอนนี้อยู่สนามบินกำลังจะขึ้นเครื่องค่ะ ”

“ เอ่อ ดีๆๆ ถึงแล้วโทรมานะ ปู่จะให้คนออกไปรับ ”

“ ค่ะคุณปู่ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ”

“ ได้ๆเดินทางปลอดภัย ” 

พูดจบก็วางสายไป๋เทียนหลงก็เรียกจินเฉิงเข้ามา

“ จินเฉิง ”

“ ครับท่านประธานใหญ่ ”

" ฉันว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเปิดตัวหลานบุญธรรมของฉัน

ให้ทุกคนรู้  ฉันจะฉลองวันเกิดย้อนหลังให้เจิ้นหลง

พร้อมแนะนำอวี้เฟิงให้ทุกคนรู้จัก ไปเชิญแขกที่สนิทๆกับนักข่าวมา"

“ ครับท่าน เอ่อ แล้วเรื่องนี้แจ้งให้รองท่านประธานกับคุณหญิงทราบเลยมั้ยครับ ”

“ ไม่ต้องหรอก ฉันจะเซอร์ไพรส์พวกเขา ”

“ ครับ ”

ทางด้านมู่มู่นั่งทำงานอยู่ในบริษัทตนเองกดเบอร์ที่คุ้นเคยโทรออกเมื่อปลายทางรับสาย

“ ไป่ คุณถึงแล้วหรือยังครับ ”

“ ค่ะ ฉันถึงแล้ว ”

“ เย็นแล้วคุณหาอะไรทานก่อนทำอย่างอื่นด้วยล่ะ เป็นห่วง ”

“ ค่ะ ขอบคุณที่ห่วง ”

" ไป่คุณอย่าพูดขอบคุณได้มั้ยมันดูห่างเหินเกินไป 

อีกอย่างมันคือหน้าที่ผมที่ต้องห่วงแฟนตัวเอง ถูกมั้ย " 

มู่มู่พูดพลางยิ้มอย่างมีความสุขเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนโยน

“ ค่ะ ( ยิ้มอ่อน) " 

ขณะที่คุยโทรศัพท์มีผู้ชายใส่ชุดสูตรสีดำเดินเข้ามาหาไป่เซพูดคุยกันด้วยภาษาจีน

“ ขอโทษครับ ใช่คุณหนูอวี้เฟิ่งรึเปล่าครับ ” 

“ ค่ะ ”

“ คุณท่านให้มารับคุณหนูครับ เชิญครับ ”

ทางด้านมู่มู่ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุยกับไป่เซเขาถึงกับตกใจนิ่งเงียบไปสักพักก็รีบถามขึ้นทางที

“ ไป่ คุณคุยกับใครครับ ”

“ อ๋อ คนที่มารับน่ะ ”

“ แล้วคุณหนูอวี้เฟิ่งคือใคร ทำไมถึงเป็นคุณที่คุยกับเขา 

คุณพูดภาษาจีนได้ด้วยเหรอทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ” มู่มู่ถามด้วยความสงสัย

“ เรื่องมันยาวค่ะ ถ้าคุณสนใจไว้มีเวลาเล่าให้ฟัง ”

“ ครับ "

“ วางสายก่อนนะคะ ”

“ ครับ ดูแลตนเองดีๆนะครับ บาย ”

“ บายค่ะ ” วางสายเสร็จไป่เซก็ขึ้นรถไป

      หลังจากวางสายไปมู่มู่ยิ้มและทึ่งในตัวของไป่เซเขารู้สึกว่าไป่เซยิ่งรู้จักยิ่งน่าสนใจ

และอยากจะครอบครองเธอเป็นของตนเองโดยเร็ว

        เขาไม่เคยรู้สึกดูถูกที่ไป่เซเป็นชนเผ่าเลย เขารู้สึกขอบคุณพ่อแม่ของเธอด้วยซ้ำที่ให้กำเนิดคนเก่งหน้าตาดี การที่เขาได้คบกับไป่เซ หนุ่มๆในกลุ่มเพื่อนเขาหลายก็ต่างพากันอิจฉาในกลุ่มเพื่อนเขาพูดในเสียงเดียวกันว่า

ไป่เซเป็นคนเก่งเด่นในด้านกิจกรรมเรียนก็เก่งหน้าตาดีสวยโดดเด่นกว่าทุกคนในรุ่นเคยขอใก้ประกวดดาวแต่เธอปฏิเสธ

งานฉลองวันเกิด บนเวทีตัวอักษรสวยเด่นสะดุดตาเขียนว่า Happy birthday 

 มีเลข วันอังคาร : 26 : 26  กุมภาพันธ์  1992 : 1998  

มีรูปโปสเตอร์ใหญ่ๆตั้งไว้ข้างตัวหนังสือสองรูปแต่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีขาวบางยิ่งทำให้ผู้คนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

แม้แต่เจ้าของงานอย่างไป๋เจิ้นหลงยังสงสัย

ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันแปลกใจ กับตัวเลขบนเวทีว่าทำไมต้องต้องมีเลย 26เป็นคู่ พ.ศ.ก็มีสอง พ.ศ.

คุณปู่ผู้จัดงานใหลานยังมาไม่ถึง แม้มีข้อสงสัยก็ไม่มีใครไขได้

รถมาจอดประตูรถถูกเปิดออก คุณปู่ก้าวขาลงและมีหญิงสาวสวยใส่ชุดราตรียาวพลิ้ว

พวกเขาเดินเข้ามาในงานผู้คนต่างตกตะลึงในความงามข้างกายของประธานใหญ่

หญิงสาวจับแขนของคุณปู่และคุณปู่ไป๋เองกุมมือเธอตบเบาๆพูกับเธออย่างเอ็นดูว่า

“ ไม่ต้องเกรงทำตัวสบายๆ เชิดยืดตัวตรงให้ดูสง่าน่าเกรงขามหน่อย ”

“ ค่ะ ” ไป่เซยืดอกลำตัวตรงเดินควงแขนคุณปู่ไป๋อย่างมั่นใจ

ผู้คนต่างซุบซิบนินทาเดากันต่างๆนานา

" ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของท่านประธานใหญ่แห่งตระกูลไป๋เหรอ "

“ นึกไม่ถึงจะกล้าเอามาเปิดตัวในงานวันเกิดหลาน ”

" เป็นเด็กของท่านรึเปล่าหน้าตะสะสวยเด็กอยู่เลย "

กลุ่มผู้ชายบางคนก็คิดไม่ต่างจากผู้หญิง

“ ท่านประทานใหญ่ไป๋นี่ช่างโชคดีจริงๆเลย ”

“ ใช่ๆมีเด็กสาวสวยข้างกายถึงตายก็ไม่เสียดาย ”

ไป๋เจิ้นหลงที่กำลังออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเข้ามาก็เห็นแผ่นหลังของคุณปู่ไป๋กับแผ่นหลังที่เรียบเนียนของผู้หญิง

ทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ งานวีนเกิดเขาปีนี้เขารู้สึกว่ามันแปลกตั้งแต่เริ่มเข้างานทุกอย่างทุกออกแบบมา

เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน ไป๋เหอหลงและไป๋อี้เหรินพ่อแม่ไป๋เจิ้นหลงเห็นคุณปู่ไป๋เดินเข้ามาในงานกับผู้หญิงเขาก็ตกตะลึงเหมือนคนอื่นสักพักก็เดินเข้ามาแสดงความเคารพทักทาย

“ สวัสดีครับคุณพ่อ ” ไป๋เหอหลงทักด้วยสีหน้าสงสัย

“ สวัสดีค่ะคุณพ่อเชิญไปนั่งที่โต๊ะก่อนค่ะ ”

คุณปู่ไป๋มองหน้าไป่เซแล้วพูดขึ้นว่า 

“ นี่คือ ไป๋เหอหลง ลูกชายฉันเอง ส่วนคนนี้คือ ไป๋อี้เหริน ลูกสะใภ้ของฉัน ”

“ สวัสดีค่ะ คุณไป๋เหอหลง คุณไป๋อี้เหริน ฉัน…”

" อะแฮ่ม " คุณปู่ไป๋กระแอมเสียง

ไปเซที่กำลังจะแนะนำตัวก็หยุด คุณปู่มองรอบๆๆแล้วถามขึ้นว่า

“ หลงเอ๋อร์ล่ะ เขาอยู่ไหน ยังไม่มาเหรอ  ” 

ยังไม่ทันที่ใครจะตอบพิธีกรก็ได้เวลาดำเนินงานแล้วพูดว่า

“ สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกๆท่านที่มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับคุณชาย ”

" ขอเชิญคุณชายไป๋ขึ้นมาบนเวบนทีด้วยครับเชิญครับ "

ไป๋เจิ้นหลงที่ยืนไกลๆอยู่ด้านหลังทางเข้าประตูก็เดินตรงไปยังเวทีโดยไม่เหลียวมองคุณปู่ไป๋กับไป่เซเลย

เขารู้สึกไม่พอใจที่คุณปู่ของเขาพาผู้หญิงมาในงานวันเกิดเขา ส่วนไป่เซเมื่อเห็นคนบนเวทีก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา

ความรู้สึกโกรธเกลียดมาโดยไม่ทราบสาเหตุเธอพยายามข่มใจตนเองให้เย็นลง

“ และในวันนี้เรามีเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้กับคุณชายและทุกๆคนที่มาร่วมงานวันนี้ ”

" ขอเชิญคุณหนูอวี้เฟิ่งขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ "

ไป่เซอึ้งไม่คิดว่าคุณปู่จะให้เขาขึ้นบนเวทีคุณปู่ไม่ได้บอกเขาไว้นี่นาเธอหันมองทางคุณปู่

คุณปู่ไป๋พยักหน้ายิ้มสื่อว่าใก้ขึ้นไปส่วนไป๋เหอหลงและภรรยาเบิกตากว้าสงสัยว่ามีนเกิดอะไรขึ้น

คุณปู่ไป๋จูงมือไป่เซเดินขึ้นไปบนเวที ไป๋เจิ้นหลงเห็นหน้าไป่เซแล้วอึ้งตาค้างคในใจว่า 

: “ บังเอิญโลกกลมหรือโชคชะตากำลังทำอะไรเนี่ยให้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ” : 

ความรู้สึกทั้งดีใจตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก สายตาทรงเสน่ห์คู้นั้นจ้องไปที่ไป่เซไม่แม้แต่จะกะพริบนา

ไป๋เจิ้นหลงพึมพาในลำคอเบาๆว่า 

“ พรหมลิขิต ขอบคุณพรหมลิขิตที่ให้ได้เจอเธออีกครั้ง ”

ตรงข้ามกับไป่เซเธอรู้สึกไม่ชอบสายตาของไป๋เจิ้นหลงที่มองเธอเอามากๆรู้สึกเกลียดอย่างบอกไม่ถูก

คุณปู่ไป๋เห็นสายตาที่ไม่กะพริบของไป๋เจิ้นหลงแล้วยิ้มเบาๆแล้วกระแอมเสียงหนึ่งที

“ อะแฮ่ม ”

ไปเจิ้นหลงได้สติคัณปู่ไป๋ยืนตรงกลาง แล้วพูดว่า 

" วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับหลานชายและหลานสาวของผม ผมจะขอแนะนำอย่างเป็นทางการนี่คือ อวี้เฟิ่ง หลานสาวบุญธรรมของผม วันนี้วันเกิดเธอผมเลยถือโอกาส

แนะนำเธอให้ทุกคนรู้จักในวันนี้ หวังว่าทุกคนจะร่วมยินดีกับผมและอวยพรวันเกิดแก่เธอ

นะครับ ขอบคุณครับ " 

ทางด้านไป๋เหอหลงและภรรยาไม่รู้ว่าดีใจหรือตกใจยังนิ่งอึ้งสักพักไฟปิดลง

จินเฉิงก็ถือเค้กวันเกิดขึ้นมาบนเวทีไป๋เหอหลงและภรรยาจึงได้สติ นักดนตรีบรรเลงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์

ทุกคนต่างช่วยกันร้องอย่างยินดี รูปโปสเตอร์ค่อยๆถูกเปิดออกตอนเพลงบรรเลงเป็นรูปหนุ่มหล่อสาวสวย

ที่ดูเหมาะสมกันแต่ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นพี่น้องกัน

เพลงจบลงคุณปู่พูดว่า    “ ได้เวลาอธิฐานแล้ว ”

ไป๋เจิ้นหลงหลับตาลงนึกถึงตอนที่ไป่เซตกลงเป็นแฟนกับผู้ชายคนอื่นก็โกรธขึ้นมาทันที

วันนี้เขาอุตส่าดีใจได้เจอกับเธออีกครั้งเธอกลับมาอยู่ในสถานะน้องสาวบุญธรรม

จึงพูดในใจว่า 

“ โชคชะตาท่านกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ท่านส่งเธอมาให้แต่ไม่ให้พวกเราได้รักกัน ” 

" ทำไมๆต้องให้เธอมาในสถานะน้องสาวบุญธรรมด้วย "    ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกเศร้า

ไป่เซหลังจากที่หลับตาลงก็อธิฐานว่า

“ ขอให้ตนเองประสบความสำเร็จเป็นที่รักและเอ็นดูจากทุกๆคน

และขออย่าให้ไป๋เจิ้นหลงอย่าได้เข้ามาวุ่นวายกับเขาเลย ”

เธอนึกถึงตอนที่มู่มู่ขอเธอเป็นแฟนเอามือกุมแหวนที่ห้อยไว้ที่คอเป็นชื่อของมู่มู่แล้วทั้งสอง

ค่อยๆลืมตาขึ้น ทั้งสองจ้องตากันไป๋เจิ้นหลงเหลือบเห็นมือของไป่เซกุมสร้อยคอไว้เดาได้ทันทีว่า

มันต้องเป็นของที่ผู้ชายคนนั้นให้แน่เลยพึมพาเสียงเบาว่า

“ จะไม่ให้เธอสมหวัง ” : เพราะเธอต้องเป็นผู้หญิงของฉัน : ประโยคหลังเขาไม่ได้พูดออกมา

แต่ประโยคแรกนั้นไป่เซได้ยินจัดเจนเธอตกใจ ตาโตขึ้นมาทันที ทั้งสองก้มหลงเป่าเค๊กที่อยู่บนโต๊ะ

คุณปู่ไป๋ดีใจยิ้มอย่างมีความสุขพูดว่า " ดีๆๆๆ " 

ไป๋เหอหลงยืนข้างๆลูกชายพูดว่า 

“ เจิ้นหลงลูกมีน้องสาวแล้วนะต่อจากนี้ไปต้องดูแลน้องดีๆล่ะ ”

ไป๋อี้เหรินก็แทรกทันทีว่า

“ ใช่ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วน้องทั้งสวยทั้งน่ารักลูกต้องดูแลทนุถนอมเขาดีๆเข้าใจมั้ย ”

" ครับ คุณพ่อคุณแม่ผมสัญญาว่าจะดูแลทนุถนอมน้องสาวคนนี้ให้ดีที่สุด

ยุงไม่ให้ไต่ลายไม่ให้ตอมครับ " 

ไป๋เจิ้นหลงพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองไปทางไป่เซนิดกนึ่งแล้วกันมาทางพ่อแม่

" เฮ่อ เอ่อดีๆๆปู่เองก็สบายใจเห็นทุกคนยอมรับอวี้เฟิ่งดีๆ "

นักเข้าต่างพากันมาสัมภาษณ์ถ่ายรูปลงข่าวกันอย่างเมามันส์ ทุกคนต่างเข้ามาพูดคุยกับไป่เซและกล่าวชื่นชมอวยพรแก่เธอก่อนทยอยกันกลับ ตระกูลไป๋แห่งบริษัทไป๋หลงกรุ๊ป เปิดตัวหลานสาวบุญธรรมสุดสวย เป็นที่รู้จักกันในแวกวงธุรกิจในชั่วค่ำคืนมีผู้คนเข้ามาชื่นชมความงามของหลานสาวตระกูลไป๋คนนี้อย่างล้นหลาม

“ จินเฉิงเตรียมรถให้เลย ”

“ ครับท่าน ”

“ อวี้เอ๋อร์ งานเสร็จแล้วกลับกันเถอะปู่จะไปส่งหนูก่อน ”

“ ค่ะ ”

“ เอ่อปู่ครับผมมีเรื่องอยากจะคุยอยากจะทำความรู้จักกับน้องให้มากขึ้นหน่อยได้มั้ยครับ ”

“ เสร็จแล้วผมจะไปส่งน้องเองครับ ”

“ เอ่อๆได้ๆ อวี้เอ๋อร์ให้พี่เขาไปส่งนะ ”

“ เอ่อ คุณปู่คะ ”

“ อย่าปฏิเสธเจิ้นหลงเลยอยู่คุยกันน่ะดีแล้วจะได้สนิทสนมดันมากขึ้น ”

พูจบคุณปู่ไป๋ก็หมุนตัวเดินออกไป ไป๋เจิ้นหลงยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจและเจ้าเล่ห์

“ แม่กับพ่อกลับก่อนล่ะพรุ่งนี้แม่จะให้คนเตรียมห้องให้หนูย้ายเข้ามาอยู่พรุ่งนี้เลยนะ ” ไป๋อี้เหรินพูด

“ ครับแม่ ”

“ ค่ะ แต่ว่าห้องไม่เป็นไรค่ะนานๆมาทีไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ” 

ไป่เซพูดเพราะเธอไม่อยากอยุ่บ้านหลังเเียวกับไป๋เจิ้นหลง

“ อย่าพูดว่ารบกวนเราครอบครัวเดียวกันแล้วและฉันก็ดีใจที่ได้ลูกสาวทั้งสวยและน่ารักอย่างหนู 

  ไปล่ะพรุ่งนี้เจอกันนะอย่าปฏิเสธน้ำใจแม่เลยนะ "   ไป๋อี้เหรินพูด

“ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ” 

“ ไปกันเถิด หาอะไรอุ่นๆทานกัน แล้วพี่จะไปส่งถึงห้องเลย ” (พูดภาษาไทย)

ไป๋เจิ่นหลงยิ้มมุมปากท่าทางเจ้าเล่ห์ ไป่เซตกใจเล็กน้อยได้ยินไป๋เจิ้นหลงพูดภาษาไทยกับเขา

“ คุณพูดไทยได้  ” 

น้ำเสียงเรียบเฉยมองหางตาแว่บหนึ่งก็พูดต่อว่า

“ คุณส่งฉันกลับเหอะฉันไม่อยากแวะเหนื่อย ” 

ความเย็นชาเริ่มเยือนใบกน้าของเธอ

“ อื้ม ”

ทั่งสองเดินไปขึ้นรถ แล้วคนขับก็ขับรถออกไป

“ คุณมาจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ไป๋เจิ้นหลงถาม

“ ไม่จำเป็น ไม่ต้องถาม ”

ไป๋เจิ้นหลงเงียบแล้วถามต่อว่า

“ อ้อ ! แล้วรู้จักคุณปู่ได้อย่างไร ”

“ คุณปู่เจอฉันโดยบังเอิญแล้วขอฉันเป็นหลานบุญธรรม ” 

“ อ่อ แบบนี้นี่เอง ดูเหมือนเราสองคนจะบังเอิญเกิดวันเดียวกัน วันที่เดียวกันเดือนเดียวกันนะ ”

ไปเซเงียบไม่ตอบอะไรส่วนไป๋เจิ้นหลงก็หาเรื่องพูดคุยกับเธอ

“ คุณจะอยู่นี่นานมั้ย ”

“ ไม่ค่ะ ” 

ในใจเธออยากจะพูดว่าอยู่นานทำไมไม่ใช่บ้านของเธอยิ่งคิดที่จะต้องไปอยู่บ้านหลังเดียวกับเขายิ่งอยากกลับเร็ว

“ พรุ่งนี้ผมจะหาเวลาว่างพาคุณเที่ยวโอเคมั้ย ”

“ ฉันไม่ว่างค่ะ ไม่จำเป็น ”

เธอไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับไป๋เจิ้นหลงแล้วเธออยากถึงที่พักไวๆแต่เหมือนไป๋เจิ้นหลงจงใจขับช้าทำให้เธอหงุดหงิด

เธอแสดงออกให้ไป๋เจิ้นกลงรู้ว่าเธอขี้เกียจพูดกับเขาจู่ๆเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าเธอดังขึ้นเห็นมู่มู่โทรมาจึงกดรับสาย

“ ฮัลโหล ”

“ ไป่คุณทำอะไรอยู่ ”มู่มู่ถาม

“ เปล่าค่ะไม่ได้ทำอะไร คุณล่ะ ”

“ ผมเพิ่งเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จก็รีบโทรหาคุณเลย คุณทานอะไรรึยังครับ ”

“ ทานแล้วค่ะ ” 

“ เหนื่อยมั้ย วันนี้คุณทำอะไรบ้างน้ำเสียงคุณดูไม่สดใสเลย ”

“ เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ กลับไปค่อยเล่าให้ฟังนะคะ "

“ ครับ คิดถึงนะครับ ดูแลตัวเองด้วยเป็นห่วงมีอะไรโทรบอกผมเลยนะ ”

" ค่ะ มีอะไรฉันจะบอกคุณ "

ขณะที่ไป่เซคุยโทรศัพท์ไม่ได้สังเกตคนข้างๆที่สีหน้าเริ่มไม่ดีใบหน้าเริ่มแดงก่ำคิ้วขมวด

พูดในใจว่า : ผู้หญิงคนนี้นี่ทีกับคนอื่นพูดคุยเสียงใสเชียวแต่กับฉันเหมือนไม่อยากจะพูดเย็นชาใสอีก :

“ อยู่กับผมคุณไม่ควรเสียมารยาทรับสาย อยู่บนรถผมคุณไม่ควรคุยกับคนอื่น ”

 น้ำเสียงที่เย็นชาราบเรียบทำให้ไป่เซและปลายสายตกใจจนมู่มู่รีบถามอย่างเป็นห่วง

“ ไป่นั่นเสียงใคร ไป่คุณอยู่กับใครทำไมถึงอยู่กับผู้ชายในเวลานี้เขาเป็นใคร ” 

มู่มู่ใจเต้นร้อนรนไปหมดเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายรีบถามไป่เซอย่างหึงหวงขาดสติไร้เหตุผล

ไป่เซนิ่งเงียบไปสักพักเพราะคิดไม่ถึงว่ามู่มู่จะถามเธอแบบนี้โดยเฉพาะประโยคที่ว่า 

“ ทำไมถึงอยู่กับผู้ชายในเวลานี้ ” พอได้ยินคำถามนี้สีหน้าเธอเริ่มหงุดหงิดไป๋เจิ้นหลงเองก็สังเกตเห็น

มีความพอใจในใจเล็กน้อย

“ ไป่คุณอย่าเงียบแบบนี้สิ คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน พรุ่งนี้ผมจะบินไปหาคุณ ”

      มู่มู่ตั้งแต่เป็นแฟนกับไป่เซเขาจะรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกแต่เขาก็พยายามที่จะไม่แสดงออก

แต่วันนี้ได้ยินเสียงผู้ชายทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้สิ่งที่เขากลัวคือการเสียไป่เซไปเขาใช้เวลาทุ่มเท

ตามจีบไป่เซหลายปีบวกกับไป่เซหน้าตาดีมีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามที่ทำให้เขากลัว

“ ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงไม่กี่วันฉันก็กลับแล้ว ฉันจะเล่าให้คุณฟังคุณสบายใจได้ ”

“ ผมเชื่อใจคุณ ผมเชื่อใจคุณครับไป่ ผมรักคุณ ”

“ ค่ะฉันรู้ วางสายก่อนนะคะ ”

“ ครับ ” หลังจากวางสายมู่มู่รู้สึกร้อนใจจึงไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำให้ใจเย็นลงลุกขึ้นมาใส่ชุด

แล้วไปหยิบไวท์มารินดื่มคนเดียวเปิดเพลงฟัง เขาคิดถึงไป่เซเวลานี้เขารู้ว่ามันเร็วเกินไป

ที่คิดจะครอบครองกายของเธอแต่มู่มู่ก็อดคิดไม่ได้ความรักกำลังครอบงำเขาทำให้เขาอยากที่จะครอบครองเธอทั้งกายและใจอย่างอดไม่ได้

“ ผมจะไม่ให้คุณสมหวัง ” 

ไป๋เจิ้นหลงหันตัวไปทางไป่เซร่างใหญ่เกือบจะโอบเธออย่างทนไม่ไหว

“ คุณพูดอะไร หมายความว่าไง ”

“ หมายความอย่างนั้นแหละ ผมไม่ให้คุณสมหวังกับผู้ชายคนนั้น เพราะคุณเป็นน้องสาวของผม ”

 สายตาไป๋เจิ้นหลงพูดพร้อมจ้องไปที่ดวงตาคู่สวยของไป่เซและเข้าใกล้จนไป่เซอึดอัดเตรียมป้องกันตัว

“ คุณจะทำอะไร ”

“ คุณอยากให้ผมทำอะไรล่ะ อ่อ คุณเป็นน้องสาวของผมผมจะทำอะไรคุณก็ได้ ”

ไป๋เจิ้นหลงยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ไป่เซไม่พอใจยิ่งเกลียดเข้าไปอีก

“ คุณอย่าคิดว่าฉันจะกลัวนะ ขอเตือนไว้ก่อนเลยถ้าคุณเข้ามาอีกนิดฉันสามารถทำร้ายคุณได้ทันที ”

“ อ้อ! ผมลืมไปว่าคุณมีวรยุทธ ”

ไป่เซตกใจเบิกตากว้าง เพราะเรื่องนี้มีคนรู้ไม่กี่คนแล้วเขารู้ได้ยังไงกัน

“ คุณรู้ ” เธอพูดอย่างไม่พอใจแฝงด้วยความสงสัย

“ ใช่ผมรู้จักคุณดีด้วย  ”

“ คุณสืบเรื่องของฉันเหรอ! เกินไปแล้ว ”

“ ผมเปล่าสืบผมแค่ไปนอนบ้านคุณเฉยๆและเคยจูบคุณด้วย ”

ไป๋เจิ้นหลงยิ้มอย่างภูมิใจ ผู้หญิงคนนี้ยิ่งโกรธยิ่งน่ารัก เขารู้สึกว่าจะต้องครอบครองเธอให้ได้

“ เหลวไหล คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุธพูดจาไม่รู้จักใก้เกียรติผู้อื่น คุณปู่มีหลานแบบคุณได้ยังไง ”  

ไป่เซโกรธจนหน้าแดง ทำอะไรไม่ถูก ไป๋เจิ้นหลงยิ้มแล้วพูดว่า

“ ใครใช้ให้คุณเกิดมาถูกใจผมล่ะ ” ยิ้มแล้วพรวดโอบร่างเล็กนั้นไว้

ไป่เซสะดุ้งตกใจนิ่งอึ้งไปชั่วขณะเพราะเธอไม่เคยถูกผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวเธอมาก่อนถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้เธอก็รับมือไม่ทันเหมือนกันเธอรีบดึงสติกลับมาจะสกัดจุดของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้เพราะเขาโอบเธอไว้ทั้งตัวขยับไม่ได้เลย

“ นี่คุณ ปล่อยฉันนะฉันเป็นน้องสาวคุณนะ กรุณาให้เกียรติฉันด้วย ปล่อย! ”

“ หึ ก็เพราะคุณเป็นน้องสาวไงพี่ชายโอบกอดน้องสาวมันผิดตรงไหน ไม่ให้เกียรติยังไงมันเป็นการแสดงความรักที่พี่ชายมีใก้กับน้องสาว ”

ไป่เซอึ้งหมดคำพูดเพราะเธอพลาดคำพูดประโยคนี้เอง เธอไม่รู้จะทำให้ไรแล้วถูกรวบแบบนี้ดิ้นก็ไม่หลุดเธอไม่โง่ดิ้นใก้เสียแรงเปล่าอยู่นิ่งๆไป ทบทวนกับตีวเองว่าเธอประเมินผู้ชายคนนี้ต่ำไปเขารู้ว่าเธอมีวรยุทธ์จึงโอบเธอแบบนี้กันเธอสกัดจุดเจ้าเล่ห์จริงๆต่อไปเธอต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว

“ คุณฉลาดกว่าที่ฉันคิด กอดให้พอใจให้หนำใจคุณเลย ”พูดด้วยความหงุดหงิด

“ ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักมากขึ้นหน่อย (ยิ้ม) คุณจำไว้นะผมจะทำให้คุณเลิกกับผู้ชายคนนั้นและจะทำให้คุณเป็นผู้หญิงของผม ผมจะคุยกับคุณปู่เอง ”

ไป๋เจิ้นหลงมีความสุขมากเขารู้สึกขอบคุณปู่ของเขามากที่พาผู้หญิงคนนี้มาแม้จะมาในสถานะน้องสาวบุญธรรมก็ตาม

“ เลว ” คำพูดสั้นๆของไป่เซ ร่างกายไป๋เจิ้นหลงร้อนรุ่มมีอารมณ์แต่ก็อดทนไว้ เขารู้สึกเหมือนเคยกอดผู้หญิงคนนี้มาก่อนเขารู้สึกผูกพันธ์ ดีใจมีความสุขปนกับความกลัวที่จะสูญเสียเธอ ดังนั้นเขาจึงต้องหาวิธีไม่ให้เธอจากเขาไปได้อีก

“ จะเลวเร็วกว่านี้ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง ผมรู้สึกดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณ แต่คิดไม่ถึงว่าคิดจะโผล่มาในฐานะน้องสาวบุญธรรมแต่อย่างน้อยก็ยีงดีตอนแรกนึกว่าจะเสียคุณไปแล้ว ครั้งนี้คุณอย่าฟังว่าจะหนีจากผมไปได้อีกนอกจากผมจะปล่อยคุณ ”

“ ไร้ยางอาย ขอโทษฉันกลับรูสึกเกลียดคุณตั้งแต่แรกเห็นอย่างบอกไม่ถูก มันคือความจริง ”

“ หึ นั่นมันปัญหาของคุณแต่ผมพอใจความรู้สึกของผมที่จะมอบให้น้องสาวตนเองก็พอแล้วคุณจะรู้สึกยังไงผมไม่สนใจ ”

“ เลว เห็นแก่ตัว ” 

ทั้งสองทะเลาะกันตลอดทางจนมาถึงโรงแรมที่ไป่เซพักอยู่ไป่เซลงจากรถไป๋เจิ้นหลงเองก็ลงตาม

“ คุณลงมาทำไม ” ไป่เซถามขึ้นอย่างหงุดหงิด

“ อ้าว ผมมาส่งน้องสาวของผมก็ต้องส่งให้ถึงที่และต้องมั่นใจว่าปลอดภัยก่อนสิ ”

“ ไม่ต้อง ”

“ น้องสาวจะให้ไปส่งดีๆหรือให้พี่ชายอุ้มไปคะ ” 

“ เลว…” ไป่เซพูดสั้นๆคำเดียวเพราะไม่รู้จะพูดอะไรแล้วกับผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ เธอก็หันหลังเดินขึ้นไปในโรงแรมไป๋เจิ้นหลงยิ้มแล้วเดินตามเธอไป คนขับเองก็อดยิ้มไม่ได้ครั้งแรกที่เขาเห็นคุณชายของเขาพูดเยอะสีหน้ามีความสุข

พอมาถึงหน้าห้องไป่เซหยุดหันมามองไป๋เจิ้นหลงแล้วพูดกับเขาว่า

“ ถึงแล้วพอใจรึยัง คุณกลับไปได้แล้ว ”

“ ใครบอกว่าผมจะกลับ ”

“ คุณหมายความว่าไง ”

“ เก็บของสิคะน้องสาวพี่ชายจะให้น้องสาวนอนโรงแรมคนเดียวได้ยังไง ”

“ ไป๋เจิ้นหลง คุณอย่าเอาแต่ใจหน่อยเลย ฉันเกลียดที่สุดคือการถูกคนอื่นบังคับ ถ้าคุณยังไม่ยอมกลับฉันจะไม่อดทนกับคุณแล้ว ”

“ คุณจะทำอะไรผมได้ หื้ม? ”

“ คุณอย่ายั่วโมโหฉันนะ ”

“ เปล่า! ผมรับคุณกลับบ้านในฐานะลูกสาวบุญธรรมของตระกูลไป๋ถ้านักข่าวรู้ว่าคุณพักโรงแรมมันจะไม่ดีต่อภาพลักษณ์ตระกูลเรา ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่คุณปู่คงปวดหัวน่าดูถ้ามีข่าวออกมาว่าตระกูลไป๋สร้างถาพรับลูกบุญธรรมแค่ในนามความจริงแล้วปล่อยใก้เธอนอนโรงแรมคนเดียวไม่ได้รับการยอมรับจากคุณหญิงตระกูลไป๋ คุณจะทำให้คุณปู่ที่อายุมากแล้วต้องมาปวดหัวคิดมากกับเรื่องไร้สาระพวกนี้เหรอ ” 

ความจริงไป๋เจิ้นหลงกุดขึ้นหลอกไป่เซทั้งนั้น ถึงแม้ไป่เซจะฉลาดแต่เรื่องพวกนี้เธอไม่รู้เรื่องเธอไม่อยากสร้างปัญหาใก้คัณปู่เลยขี้เกียจที่จะต่อความยาวเสาความยืดกับไป๋เจิ้นหลงแล้วเข้าห้องไป ไป๋เจิ้นหลงยิ้มิย่างมีความสุขตามเธอเข้าไปแต่ก็อดที่จะแกล้งเธอต่อไม่ได้

“ หรือว่าคุณจะนอนโรงแรมคืนนี้ ”

พอได้ยินประโยคนี้ไป่เซหยุดแล้วหันมามองเขาทันทีอย่างมีหวัง

“ แต่ผมจะต้องนอนที่นี่ด้วยกันกับคุณ ” ยิ้มมุมปากจ้องไปที่เธออย่างเจ้าเล่ห์

“ เลว ”  เธอชักสีหน้าไม่พอใจหมดคำจะพูด

ไป๋เจิ้นหลงเดินเข้ามาใกล้ไป่เซก็ถอยหลังไปหลังชนเข้ากับตู้เสื้อผ้าไป๋เจิ้นหลงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดกับเธอว่า

“ ผมชอบเวลาคุณโกรธแล้วพูดคำว่า เลว ” 

ไป่เซโกรธขยับนิ้วจะสกัดจุดของไป๋เจิ้นหลงแต่ไปเจิ้นหลงเร็วพอกับเขาจับมือเธอไขว้หลังไว้โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอว่า

“ ถ้าคุณยังดื้อคิดทำร้ายผม คุณอาจได้เปลี่ยนสถานะเป็นคุณหายตระกูลไป๋เร็วขึ้นก็ได้นะถ้าคุณพอใจผมอนุญาตให้คุณทำร้ายผม ” 

พูดจบกัดไปที่ใบหูของไป่เซเบาๆแล้วปล่อยมือเธอ ไปเซโกรธจนหน้าแดงแก้มเธอแรงระเรื่อใจเต้นแรง จนไป๋เจิ้นหลงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

“ ผมบอกแล้วผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีก เก็บของเร็วกลับบ้าน ”

ไป๋เจิ้นหลงออกคำสัางกับเธอแม้เธอจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้รีบเก็บของแล้วเดินออกมาจากห้องไปยังรถ

 

****ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ นาม Yafern****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel