ตอนที่6 ตกลงฉันจะเป็นแฟนคุณ
หลังกลับมาจาดวัดวาวากับพ่อและแม่ก็รีบมาหาไป่เซทันที
" เป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นบ้างมั้ย " แม่ถามอย่างเป็นห่วง
หลังจากไป่เซออกมา วาวาได้เล่าให้แม่ฟังตอนเจอไป่เซตอนเช้าว่าเขาไม่สบาย
" ดีขึ้นแล้วค่ะ "
" เอ่อ พ่อไปต้มน้ำสมุนไพรมาให้นะ "
ไป่เซพยักหน้าเบาๆ
" วาวาลูกดูแลพี่ อยู่เป็นเพื่อนพี่นะแม่จะลงไปต้มซุป ทำข้าวต้ม "
" ค่ะแม่ หนูจะดูแลรับใช้พี่อย่างดี ฮี้ " วาวาฉีกยิ้ม
สักพักพ่อกับแม่ของเธอก็ยกข้าวต้มและยาสมุนไพรมาไป่เซเริ่มทาน
" คืนนี้พวกเราจะนอนเป็นเพื่อนลูก ลูกมีอะไรก็เรียกพ่อกับแม่นะ อ่อวาวานอนกับพี่ในห้องพี่นี่แหละจะได้ดูแลพี่กลางดึกมีอะไรก็เรียกพ่อกับแม่นะ " นายเส่อกล่าว
" ค่ะพ่อ ไป่เซยิ้มอ่อนๆ "
" ทราบค่ะพ่อ พ่อกับแม่ไปพักผ่อนเหอะไม่ต้องห่วง "
หลังจากทั้งสองออกจากห้องไปไปเซก็เอ็นตัวนอนลงแล้วก็หลับไป
เช้ามืดนายเส่อและป้าแป้ะก็ตื่นขึ้นมาเตรียมอาการวาวาคอยเป็นลูกมือแม่หยิบจับของให้พ่อกับแม่ล้างผักเอย เด็ดผักหั่นผักเอย ใกล้สว่างวาวาก็ตื่น ลงมาในครัวข้าวปลาอาหารเตรียมพร้อมอยู่บนโต๊ะส่งกลิ่นหอมแม้จะไม่อยากอาหารแต่กลิ่นหอมของอาหารโชยมาอดที่จะชิมไม่ได้ ไป่เซหยิบช้อนขึ้นมาจะตักชิม ได้ยินเสียงแม่ซะก่อนเลยหยุดการกระทำอย่างเก้อเขิน
" อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง ไหนดูซิดีขึ้นบ้างมั้ย " ป้าแป้ะพูดพร้อมกับเดินมาทางไป่เซเอามือแตะหน้าผาก
" อ่ะ ก็ไม่ร้อนแล้วแต่หน้าซีดอยู่ มากินข้าวก่อนกินเยอะๆจะได้หายไวๆ "
" อื้ม " ไป่เซพยักหน้า
นายเส่อถือถ้วยซุปไก่ออกมาด้วยมือสองข้าง
" อ่านี่ พ่อทำต้มส้มไก่สมุนไพรให้ จะได้หายเร็วๆ "
" ขอบคุณค่ะพ่อ " ไป่เซกล่าว
" พ่อแล้วแขกที่มาจากในเมืองล่ะ พ่อจะเชิญพวกเขามาทานข้าวที่นี่มั้ย " วาวาถาม
นายเส่อหันไปมองหน้าภรรยาราวกับถามความเห็นภรรยา ไป่เซเป็นพวกไม่ชอบพบปะกับคนแปลกหน้าถ้าไม่จำเป็นได้ยินวาวาพูดจึงไม่ได้พูดอะไรก้มหน้าทานข้าวของเธออย่างเงียบๆสีหน้าเรียบเฉย แม่ของเธอหันมามองเธอเห็นการกระทำของลูกสาวเช่นนี้ก็เข้าใจทันทีจึงพูดว่า
" ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแม่ใส่ปิ่นโตไว้ให้พวกเขาแล้วกัน เราทานข้าวเสร็จก็เอาไปให้เขา "
" มาๆ ทานข้าวๆ วันนี้มีแต่ของชอบของลูกทั้งสองเลยทานเยอะๆ "
ทั้งสี่คนลงมือทานข้าวกันอย่างอบอุ่น
นายเส่อถือปิ่นโตมาสองอันแล้วทักทายหนุ่มๆทั้งสี่คน
" ตื่นเช้า อีกแล้วนะครับ ผมเอาข้าวมาให้วันนี้ขออภัยด้วยที่ไม่ได้เชิญไปทานข้าวที่บ้านครับ "
" ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรเลย " ไป๋เจิ้นหลงตอบ
จินฟากับจินซาไปรับเอาปิ่นโตจากนายเส่อแล้ววางลงบนโต๊ะไม้ไผ่
" วันนี้จะพาพวกคุณไปทอดแหจับปลากินข้าวทำอาหารในป่า " นายเส่อกล่าว
" ครับ " ทุกคนตอบสั้นๆ นั่งลงทานข้าว พอทานข้าวเสร็จก็ออกเดินทางแบกสัมภาระที่จำเป็น ข้าวสาร พริก เกลือ น้ำดื่มติดตัวระหว่างเดินทางขึ้นเขาลงดอยไปยังลำธารระยะทาง5 กิโลได้ใช้เวลาเดินทาง1ชั่วโมงกว่าๆ ถึงลำธารนายเส่อก็เริ่มทอดแสหนุ่มทั้งสี่คนก็ช่วยจับปลา เก็บผักกุดตามที่นายเส่อบอก เที่ยงนายเส่อไปตัดไม้ไผ่ลำใหญ่มา ป้าแป้ะก็เริ่มทำการหุงข้าวจินฟากับจินซาไปตัดใบตอง
ข้าวและแกงที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนหิวทุกคนเริ่มลงมือทานข้างอย่างเอร็ดอร่อย หนุ่มๆทั้งสี่คนรู้สึกว่าอร่อยมากไม่รู้ว่ารู้เพราะหิวหรือเพราะไม่เคยทานอะไรแบบนี้มาก่อนอาหารธรรมดาแปลกๆสำหรับพวกเขามันทั้งอร่อยทั้งสนุกและมีความสุข อาหารแพงหรูที่พวกเขาเคยทานไม่อาจสู้อาหารแบบนี้ได้เลย
ค่ำนายเส่อและภรรยามานอนที่บ้านเรือนไม้เหมือนเดิมเพราะเป็นห่วงลูกสาวที่ไม่สบาย
" แม่คะพ่อคะ พรุ่งนี้หนูต้องกลับไปที่มหาลัยแล้วนะคะ "
ตั้งแต่ปะทะกับผู้ชายคนนั้น ไป่เซรู้สึกไม่ค่อยดี เธอมีความรู้สึกลึกๆเกลียดอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีบางสิ่งกำลังเข้าใกล้เธอจิตใต้สำนึกบอกให้หนีให้ห่าง
" พรุ่งนี้พ่อจะไปส่ง ส่วนแม่ต้องอยู่สอนพวกหนุ่มๆที่มาจากในเมืองทำอาหาร " นายเส่อกล่าว
" ค่ะพ่อ "
" อ้อพี่ พวกเขาบอกว่าอยากให้พี่สอนทำขนม บัวลอยไข่หวาน สูตรพี่ด้วยนะพวกเขาขอให้มาขอร้องพี่ไปช่วยสอนเขาทำหน่อยพี่พอจะสอนพวกเขาก่อนไปได้มั้ย ไหนๆเขาก็จ่ายเงินค่ากิจกรรมครั้งนี้ตั้งเยอะแล้วอ่ะ คุณพวกนั้นนะหน้าตาดีกันทุกคนเลยนะ ดูเป็นคนรวยมากๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่อ...."
พูดไม่ทันจบสายตาดุเยือกเย็นของไป่เซจ้องเขมงไปที่เขาสายตาโกรธเคืองอย่างไร้สาเหตุนั่นทำเอาวาวาตกใจนิ่งอึ้งไปจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรผิด ความเยือกเย็นนี้พ่อแม่ของเธอก็ตกใจเช่นกัน ผู้เป็นแม่ดึงสติกลับมาได้ก่อนจึงพูดกลบเกลื่อนความตึงเครียดนี้ว่า
เอ่อ พรุ่งนี้ลูกเดินทางกี่โมงล่ะ แม่จะได้เตรียมของเตรียมอาหารไว้ให้ลูก ดีมั้ย " ยื่นมือไปกุมมือลูกสาวไว้
" สายๆค่ะแม่ แม่ไม่ต้องลำบากหรอก "
ไป่เซรับรู้ถึงความตกใจของพ่อแม่เธอจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าทางทางให้กลับมาปกติ ไป่เซเองก็ไม่รู้ว่าทำไมแค่ได้ยินที่น้องจะเอ่ยชื่อใครบางคนถึงได้รู้สึกโกรธเกลียดไม่อยากได้ยินได้ฟัง
" พี่ต้องโกรธขนาดนี้เหรอ หนูพํดอะไรผิดงั้นเหรอ ถึงพี่จะเย็นชายังไงก็ไม่ควรมาใช้สายตาแบบนี้มั้ย "
วาวาโกรธกัดฟันพูดแม้จะกลัวแต่เธอก็อดไม่ได้เพราะเธองงมากกับสายตาของพี่สาวเธอ
" วาวา "
น้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำของพ่อทำให้วาวายิ่งโกรธแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป
ตอนเช้าไปเซเตรียมกระเป๋าไว้ในรถ น้องสาวกับแม่ยืนรอส่งเทธขึ้นรถก่อนขึ้นรถไป่เซหันมาทางน้องสาวยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้น้อง วาวามองดูก้รู้ว่าเป็นสูตรวิธีการทำขนมบัวลอยไข่หวาน แล้วไป่เซก็หมุนตัวขึ้นรถไป ที่เธอเขียนสูตรและวิธีทำขนม บัวลอยไข่หวาน ทิ้งไว้ให้น้องสาวสอนคนอื่นนั้นเพราะเธอรู้สึกผิดต่อน้องสาวเมื่อวานหลังจากเธอคิดทบทวนน้องสาวไม่ได้ทำอะไรผิดและยังเป็นการช่วยพ่อแม่เธอหารายได้อีกด้วย
วาวารู้สึกสำนึกผิดเช่นกันที่ต่อว่าพี่สาว
จังหวะที่ไป่เซขึ้นรถไปพอดีกับกลุ่มของไป๋เจิ้นหลงมาถึงบ้านเขาพอดีไป๋เจิ้นหลงเห็นแผ่นหลังของไป่เซเขารู้สึกไม่ดี เจ็บจี๊ดที่อก
" ดูแลตัวเองดีๆนะคะแม่ " ไป่เซกล่าว
ไป่เซหันหน้ามามองทางแม่เอ่ยด้วยความเป็นห่วงแล้วหันไปพูดกับน้อง
" รักษาตัวด้วย ต้องพึ่งเธอแล้ว "
" อื้ม "
วาวาพยักหน้า น้ำตาซึมออกมา
รถขับออกไปผ่านหน้าไป๋เจิ้นหลงไป ทำให้ไป๋เจิ้นหลงที่ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองนั้นยืนแข็งทื่อสายตาจ้องไปที่ใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกผ่านไปอย่างไม่ละสายตาความรู้สึกเศร้าเข้ามาเกาะกลางอกเขา ใบหน้าเศร้าสิ้นหวังแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนคนรอบข้างสงสัย
" เจิ้นหลง นายเป็นอะไร ทำไมต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้น " เจียผิงเหอถาม
สายตาทั้งสามคู่มองมาที่เขาอย่างงๆ ไป๋เจิ้นหลงดึงสติกลับมาปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว
" เปล่าไม่ได้เป็นอะไร สงสัยจะอยากกลับบ้านแล้ว "
" อ้อ แบบนี้นี่เอง ฮ่าๆๆๆ นึกว่าแอบตกหลุมรักสาวบ้านป่าจนลืมคุณหนูอันอันไปซะแล้ว ฉากเร่าร้อนคืนวันงานเลี้ยงนายนี่มันสุดยอดจริงๆ ฮ่าๆๆๆ "
" หยุดหัวเราะเลยนะไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือนนายให้เหลือแค่ครึ่งเดียวนายก็รู้นิสัยฉันดีนี่ "
เจียผิงเหอหยุดหัวเราทันที ไป๋เจิ้นหลงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินไปทางบ้านของวาวาพูดต่อว่า
" พรุ่งนี้กลับ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยพร้อมออกเดินทางแต่เช้ามืด แจ้งคนขับฮอร์มาเย็นนี้เลย "
" ครับท่านประธาน จัดการให้เดี๋ยวนี้ครับ " เจียผิงเหอกล่าวพร้อมกับออกไปหยิบวิทยุสื่อสารทำงานอย่างรวดเร็ว
" ครับคุณชาย " จินฟากับจินซาหมุนตัวไปเตรียมเก็บสัมภาระ
ทุกอย่างเรียบร้อยก็มากันพร้อมหน้าที่บ้านของป้าแป้ะเตรียมทำขนมและทำอาหาร
มีป้าแป้ะเป็นคนสอนทำแกงเบือ และทำขนมข้าวแป้งทอด (โก๊ะ เฉะ โซ )( อาหารชนิดหนึ่งของชนเผ่ากะเหรี่ยงสามารถใส่ผักใส่เนื้อใส่หมูลงไปได้ตามใจชอบ )
( โก๊ะ เฉะ โซ นิยมทำในวันมงคล เช่นวันขึ้นบ้านใหม่ วันแต่งงาน )
โก๊ะ : ขนม
เฉะ : ทอด
โซ : น้ำมันพืช
วาวาสอนทำขนมบัวลอยไข่หวานสูตรพี่สาว ( ขนมบัวลอยเป็นขนมหนึ่งที่ชนเผ่ากะเหรี่ยงมักทำกันในวันสำคัญวันมงคงต่างๆ )
พวกเขาเริ่มลงมือทำกันอย่างสนุกสนานเสร็จจากการทำกิจกรรมวันนี้ ไป๋เจิ้นหลงเขียนเช็กเงินสดให้วาวากับแม่จำนวนหนึ่งแล้วยื่นให้ แล้วพูดว่า
" ขอบคุณครับพวกเราสนุกมากเลยครับ ขอตัวกลับก่อนนะครับ "
พูดจบไป๋เจิ้นหลงหมุนตัวเดินออกไป วาวาดูเช็กในมือเบิกตากว้าง พูดขึ้นว่า
" เดี๋ยวก่อนค่ะ ไหนๆพี่สาวฉันก็ไปแล้ว คุณอยากไปบ้านเรือนไม้บนเขาไม่ใช่เหรอ เมื่อคุณกลับพรุ่งนี้เช้าวันนี้แม่กับพ่ออนุญาตให้พวกคุณไปนอนบนเขาหนึ่งคืน ถ้าคุณต้องการอะไรหรือขาดเหลืออะไรขอให้บอกนะคะ )
เมื่อได้ยินดังนั้นไป๋เจิ้นหลงก็ดีใจเอามากๆแต่เก็บทุกอย่างไว้ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาพูดแค่ว่า
" ครับ พวกเราจะไปอยู่ที่นั้นหนึ่งคืน "
ทั้งสี่คนเริ่มกลับมาเป็นปกติ เจ้านาย ลูกน้อง ผู้ชายที่หล่อเย็นชา เย่อหยิ่ง มาดขรึม ก็เริ่มกลับมาทันที
บ้านเรือนไม้
ไป๋เจิ้นหลง เลือกนอนในห้องของไป่เซ เดินสำรวจดูภายในห้องตู้หนังสือ มีนิยายเล่มหนาหลายเล่ม นิยายจีน นิยายฝรั่งเศส ไป๋เจิ้นหลงหยิบหนังสือขึ้นมาดูขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนี้อ่านออกเหรอ ถึงมีหนังสือที่ไม่มีคำแปลเช่นนี้ไป๋เจิ้นหลงยิ้มมุมปากอย่างอบอุ่นพึมพำว่า
" ผู้หญิงคนนี้น่าคนหาจริงๆ "
ไป๋หลงนอนลงบนเตียงนุ่มๆของไป่เซแล้วก็หลับไป ในฝันไป๋เจิ้นหลงฝันว่าตนเองมาหาไป่เซที่บ้านเรือนไม้ ไป่เซพยายามจะหลบเขาตนเองพยายามเข้าไปคุย สุดท้ายสายตาดุดันเยือกเย็นของไป่เซได้จ้องมาที่ตนอย่างโกรธเกลียดแค้นลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นมีความผิดหวังความเศร้าเสียงใจซ่อนอยู่ เหมือนดวงตาน่ากลัวนั้นเป็นเกราะกำบังความรู้สึกที่แท้จริงในแววตา จากนั้นไป่เซวิ่งไปกระโดดหน้าผาไป๋เจิ้นหลงตกใจร้อง
" อย่า! " แล้วสะดุ้งตื่นมากลางดึกเหงื่อไหลทั่วใบหน้าและลำตัว
จินฟาและจินซารีบวิ่งมาเคาะประตู
" คุณชายๆ คุณชายเป็นอะไรรึเปล่าครับ คุณชาย "
ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
" ไม่เป็นไร แค่ฝันร้ายน่ะ ฉันฉันจะไปอาบน้ำ "
พระจันทร์เต็มดวงส่องลงมากระทบสายน้ำในสระว่ายน้ำระยิบระยับสวยงาม ไป๋เจิ้นหลงลงไปแช่น้ำในสระของไป่เซอย่างสบายใจ จินซาถือกาต้มน้ำมารินให้ไป๋เจิ้นหลงวางลงบนโขกหิน ไปเจิ้นหลงแช่น้ำไปดื่มขิงไปจนรู้สึกผ่อนคลายจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วหลับต่อจนถึงเช้าก็ออกเดินทางกลับ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไป่เซมองดูโทรศัพท์เป็นชื่อที่คุ้นเคยก็กดรับสาย
" สวัสดีค่ะคุณปู่ "
" เป็นยังไงบ้างสบายดีมั้ย "
" สบายดีค่ะ คุณปู่ล่ะคะ "
" อืมคนแก่นะ มีทั้งดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นธรรมดาตามประสาคนแก่ "
" หนูจะมาเยี่ยมปู่เมื่อไหร่ "
" หนูทำธุระเสร็จหนูจะรีบบินไปค่ะ "
" เอ่อ เฮ่อ ๆๆ ดีๆปู่จะรอ ปู่วางสายก่อนปู่จะออกกำลังกาย "
" ค่ะคุณปู่ "
วางสายเสร็จ ไป่เซก็จองตั๋วเครื่องบินทันที
ยังไม่ทันเก็บโทรศัพท์ข้อมีข้อความไลน์กลุ่มเด้งขึ้นมากมายจากกลุ่มเพื่อนสนิท
" Happy birthday "
" เพื่อนพวกนี้จะตื่นเต้นอะไรกับแค่วันเกิดเนี่ย " ไป่เซพึมพำ
เปิดดูข้อความพิมคำว่าขอบคุณค่ะตอบกลับทุกคน
ข้อความเด้งขึ้นมาอีก " ป่ะฉลองวันเกิดเพื่อนพรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆนะไป่ "
ไป่เซพิมตอบกลับไปว่า " ไม่สำคัญ "
ข้อความเด้งมาอีก " ไม่สำคัญได้ไงวันสำคัญของเพื่อนต้องจัดเต็ม พรุ่งนี้ฉันจัดการให้เธอเองทุ่มหนึ่งเจอกันที่งานนะทุกคน
ในงานวันเกิดของไป่เซ ลียาเพื่อนสนิทของไป่เซทั้งสองเดินจูงมือกันเข้างาน
" นานๆทีวันนี้นะปลดปล่อยให้เต็มที่ไปเลย เข้าใจนะไป่ " ลียาพูด
" จบไปทุกคนต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปทำงานยากที่จะหาโอกาสแบบนี้มารวมตัวกัน วันนี้ถือว่าฉลองวันเกิดให้ไป่เซพร้อมกับฉลองเรียนจบของพวกเรา วันนี้ต้องสนุกปล่อยวาง โอเคนะทุกคน "
เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นทุกคนส่งเสียงตกลงทันที
" อื้ม โอเค "
ทุกคนในงานกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน ไป่เซในชุดเดรสสีขาวชมพูกลีบบัว ยิ่งเมายิ่งน่ารักถึงเมาเธอก็ยังมีสติไม่ได้เมามากแค่แก้มแดงมึนๆหน่อยเธอก็หยุดดื่ม หันไปพูดกับเพื่อนว่า
" ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ "
" อืมๆ ให้ไปเป็นเพื่อนมั่ย " เพื่อนถาม
" ไม่ต้อง ไปเองได้ "
ไป่เซเดินไปเข้าน้ำ ทำธุระส่วนตัวเสร็จ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงโทรศพท์ดังขึ้นเธอกดรับทันที
" ฮัลโหล "
" คุณอยู่ไหนไป่ ผมเพิ่งมาถึงแต่หาคุณไม่เจอโทรหาลียาก็ไม่รับ " มู่มู่พูด
" ฉันมาเข้าห้องน้ำค่ะ คุณเข้าไปรอในงานก่อนเลย "
" ผมรอคุณหน้าประตูแล้วกัน "
" อืมได้ "
มู่มู่เป็นทายาทนักธุรกิจชื่อดังเมืองไทยหน้าตาหล่อเหลาสูง180 เป็นรุ่นพี่ของไป่เซ สายรหัสเดียวกันอายุ 27 ปี
ปัจจุบันมู่มู่รับตำแหน่งประธานบริษัทแทนพ่อของเขาแล้ว มู่มู่เป็นผู้ชายสูงหล่อหน้าตาดีสุภาพอบอุ่นสาวๆในแวกวงบันเทิงต่างก็หมายปองเขาแต่มู่มู่สนใจไป่เซคนเดียวและมั่นคงกับความรู้สึก
มู่มู่เจอกับไป่เซตอนรับน้อง ด้วยใบหน้าสวยสดขาวใสน่ารักของไป่เซทำให้เขาตะลึงและตกหลุมรักทันที
ตอนนั้นมู่เพิ่งจะเรียนจบเข่ามารับน้องในนามรุ่นพี่ที่คอยสนับสนุนรุ่นน้องในการจัดกิจกรรมและวันที่ได้เขาได้เจอกับไปเซคืองานเลี้ยงสายรหัส หลังจากนั้นมาเขาก็ทำหน้าที่รุ่นพี่ที่แสนอบอุ่นให้มาตลอด
เพื่อนๆรุ่นเดียวกันกับเธอต่างเชียร์ให้เธอคบกับมู่มู่ มู่มู่เองก็พยายามมาตลอดหลายปี
แต่ไป่เซเหมือนจิตใต้สำนึกบางอย่างของเธอบอกว่าเข็ดกับความรักและเธอเป็นชนเผ่าเธอยากจนถึงแม้ได้เเรียนในมหาลัยดังแต่นั่นไม่ใช่เงินเธอ มู่มู่เป็นคนรวยเป็นทายาทคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเป็นถึงประธานบริษัทเธอรู้สึกว่าแม้มู่มู่จะดีแค่ไหนเธอก็ไม่อาจตกลงคบกับเขาได้
ขณะที่กำลังก้มกดวางสายไป่เซก็ชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังควงผู้ชายร่างสูงใหญ่
" ขอโทษค่ะ ๆ "
ไป่เซพูดขอโทษพร้อมรีบก้มเก็บโทรศัพท์ที่ตกพื้น
ผู้หญิงคนนี้ยืนมองไป่เซด้วยหางตา5วิได้ แล้วพูดเพียงแค่
" อืม ไม่เป็นไรค่ะ "
แล้วหันไปพูดกับผู้ชายข้าง
" ไปเถอะค่ะคุณไป๋ "
ทั้งคู่กำลังก้าวเท้าออกไปไป่เซเก็บโทรศัพท์ก็เงยหน้าลุกขึ้นก้าวออกไปทันที
ไป๋เจิ้นหลงเมื่อกี้ไม่สนใจอะไร หางตาเหลือบไปเห็นใบหน้าด้านข้างของไป่เซเข้าก็หยุดชะงัดหัน
หลังมองแผ่นหลังที่ไกลออกไป และเห็นผู้ชายหน้าตาดีเดินเข้ามาหาไป่เซไป๋เจิ้นหลงก็ขมวดคิ้วทันที
อารมณ์หงุดหงิดปะทุขึ้น อันอันมองตามไป๋เจิ้นหลงไปเห็นเพียงแผ่นหลังของไป่เซจึงถามไป๋เจิ้นหลงว่า
" คุณรู้จักเขาเหรอคะ "
" เปล่า แค่คุ้นๆ ไปเถอะ "
ไป๋เจิ้นหลงพูดอย่างเย็นชาแล้วหมุนตัวเดินไป ส่วนอันอันเห็นสีหน้าโมโหของไป๋เจิ้นหลงก็นึกว่าเขาโมโหแทนเธอ
หลังจากงั้นเลี้ยงครั้งนั้นอันอันก็เข้าหาไป๋เจิ้นหลงตลอดไป๋เจิ้นหลงกลีบมาจากดอยอันอันก็วิ่งร่นไปหาทันที
" ไป่ นี่ของขวัญของคุณ " มู่มู่พูดยิ้มอ่อนโยน
" ขอบคุณค่ะ " ไป่เซยิ้ม
ทั้งสองเดินเข้าไปในงานปาร์ตี้จบลง ทุกคนเตรียมตัวกลับ มู่มู่พูดกับไป่เซว่า
" ไป่คุณไปที่ที่หนึ่งกับผมได้มั้ย "
" ไปไหนคะ " ไป่เซถามน้ำเสียงราบเรียบ
" คุณรับปากผมก่อนว่าจะไป "
ไป่เซเห็นว่ามู่มู่เป็นคนดีมาตลอดเลยไว้ใจตอบตกลง
" ค่ะไป "
" งั้นไปกันเถอะ "
" บอกก่อนว่าไปที่ไหน "
" บนดาดฟ้า คุณไม่ต้องกังวลหรอกผมไม่เคยคิดไม่ดีกับคุณ "
มู่มู่ยิ้มอย่างอบอุ่น
ดาดฟ้าของโรงแรมตกแต่งสวยงามไฟระยิบระยับ ลมพัดผ่านไปมา อากาศเย็นสบาย
เมื่อขึ้นไปถึง นักดนตรีบรรเลงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ขึ้นทันที เพื่อนๆของเธอถือเค้กออกมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับเธอทำเอาซาบซึ้งในน้ำใจของมู่มู่และเหล่าเพื่อนๆของเธอ เธอหลับตาอธิฐานมู่มู่เปลี่ยนมาถือเค้กแทนไป่เซค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียนไปที่อื่นมืดลงเหลือเพียงตรงกลางที่เธอยืนอยู่กับมู่มู่ เพื่อนคนหนึ่งมามารับเค้กที่มู่มู่ยื่นให้ จากนั้นมู่มู่เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงมาเปิดอกแล้วพูดว่า
" หลังจากวันนี้ไป น้องไป่เป็นแฟนของพี่ ได้มั้ยคะ "มู่มู่พูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
เพื่อนๆต่างส่งเสียงเชียร์คึกคักให้เธอตกลงเป็นแฟนกับมู่มู่ และในตอนนั้นเองอันอันชวนไป๋เจิ้นหลงก็ขึ้นมาบนดาดฟ้าแผนของอันอันไม่ต้องพูดถึงแต่เธอต้องผิดหวังเพราะดาดฟ้ามีคนขอเป็นแฟนกันอยู่
" อ้ะ! นั่นเด็กสาวที่เดินชนเราเมื่อกี้รึเปล่าคะ "
" เธอกำลังถูกขอเป็นแฟน โรอมนติกจังเลยนะคะ น่าอิจฉาจริงๆเลยค่ะ " อันอันพูดกอดแขนพิงไหล่
ไป๋เจิ้นหลงเมื่อเห็นภาพนั้นเขารู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนเข็มร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจเขาคิ้วขวดดวงตาดำขลับอารมณ์โกรธพร้อมที่จะปะทุออกมาทันที
ไป๋เจิ้นหลงก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องโกรธต้องโมโหเวลาเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่กับคนอื่น
เขารู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเลยหมุนให้เขาต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคุยกันสักคำก็ไม่มีทำไมถึงมีอิธิพลต่อใจต่ออารมณ์เขาขนาดนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
ไปเจิ้นหลงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธจึงแกะมือขิงอันอันออกแล้วอันหลังเดินออกไป
ส่วนทางด้านมู่มู่กับไป่เซ ไป่เซใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า
" ตกลงค่ะ ฉันจะเป็นแฟนคุณ "
เพื่อนๆรอบๆต่างส่งเสียง " เฮ้! " แสดงความดีใจ
ไป๋เจิ้นหลงหรุดลงเจ็บที่กน้าอกเมื่อได้ยินเสียง ตอบตกลงเป็นแฟนกับผู้ชายคนอื่น ความจริงอันอันกับไป๋เจิ้นหลงขึ้นมาบนดาดฟ้าจุดประสงค์เพื่อระลึกความสัมพันธ์ครั้งก่อน แต่ดันผิดคาด อันอันรีบ้ข้ามาหาไป๋เจิ้นหลงแล้วถามอย่างเป็นห่วง
" คุณไป๋คุณเป็นอะไรคะ คุณไม่สบายหรือเปล่า "
" ผมไม่เป็นไร คุณกลับไปก่อนเถอะ "
" ให้ฉันไปส่งคุณมั้ยคะ จะได้ดูแลคุณ "
" ไม่ต้อง " ไป๋เจิ้นหลงเริ่มขึ้นเสียงสอง
" ผมจะไปหาคุณวันหลัง "
" ได้ค่ะ " อันอันเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ทางด้านไป่เซกับมู่มู่ มู่มู่ดีใจดึงไป่เซเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด เขาดีใจมากในที่สุดไป่เซก็ยอมใจอ่อนใก้ดับเขา
เขาสัญญากับตนเองว่าจะดูแลถนอมไป่เซอย่างดี ค่ำคืนแห่งความสุขจบลงมู่มู่ขับรถไปส่งไป่เซที่บ้าน คุณปู่ไปได้ซื้อบ้านให้ไป่เซใกล้ๆกับมหาลัยของเธอ
ทางด้านไป๋เจิ้นหลง เหมือนคนอกหักสิ้นหวังนั่งดื่มอยู่ในบาร์แห่งหนึ่งไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจผู้หญิงรอบๆกายแล้วแล้วจนเมามาก ก่อนหน้านี้เขาได้โทรหาเจียผิงเหอบอกพิกัดที่เขาอยู่ไปสักพักเจียผิงเหอกับจินฟาจินซาก็มาถึง
" เจิ้นหลงทำไมนายเมาเละแบบนี้ล่ะ "
" เกิดอะไรขึ้น ไหนว่าจะออกมาฉลองวันเกิดกับอันอันไม่ใช่เหรอ "
ไป๋เจิ้นหลงไม่ตอบ เจียผิงเหอและจินซาพยุงเขาไปที่รถ เลขาเจียหน้าอยู่ข้างๆ
" เธอตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว "
" เธอเป็นใครทำไม่ ทำไมทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ "
" ฉันจูบเธอแล้วนะ "
" เธอจะให้คนอื่นจูบเธอไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด "
" แม่สาวป่าของฉัน " เธอมันคนใจร้าย "
ไป๋เจิ้นหลงเมาจึงพูดออกไปอย่าไม่รู้ตัว แต่คนที่อยู่ในรถตอนแรกก็เฉยๆนึกว่าไป๋เจิ้นหลงเมา
เพราะมีปัญหากับอันอัน พอได้ยินว่าคำ " แม่สาวป่าของฉัน " ทำเอาทุกคนตกตะลงอึ้งไปในทันที
พูดจบไป๋เจิ้นหลงก็หลับไป
" แม่สาวป่าของฉัน แม่สาวป่าของฉัน "
เจียผิงเหอครุ่นคิดพึมพำกับคำพูดนี้ก็คิดไม่ตกจึงถามสองพี่น้องจินฟาจินซา
" จินฟาจินซา พวกนายคิดว่าแม่สาวป่าของฉันคนนั้นของท่านประธานคือใคร "
" ผมไม่แน่ใจครับถ้าใก้ผมเดา น่าจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในป่า
เพราะคุณชายเรียกเธอว่า " แม่สาวป่าของฉัน " " จิฟาพูด
" ถ้าเป็นเช่นนั้น หรือว่าจะเป็น วาวา " เพราะวาวาอยู่บนป่าบนดอย
" อืม น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งได้ " เจียผิงเหอพูด
" แต่วาวาไม่น่าใช่สเป๊กท่านประธานนะครับ ดูจากในตอนที่อยู่บนดอยคุณชายไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด "
จินฟาพูด
" คุณชายไม่เคยเข้าป่าเลย อยู่ๆจะมามีแม่สาวป่าของฉันได้ยังไง
หรือมันเป็นคำเปรียบเปรยของคุณชาย " จินซากล่าว
ทั้งสามคิดยังไงก็คิดไม่ออก จู่ๆจินซาเหมือนจะนึกอะไรออก
" พี่สาววาวา ที่เราเจอที่วัด หน้าตาสวยๆน่ารักมีเสน่ห์คนนั้นไง "
" เออ ใช่ แล้วท่านประธานได้ไปจูบกับเขาเมื่อำหร่เหรอ
แค่เจอหน้ากันยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยคราวนั้นแค่ผ่านเฉยๆช่างเหอะๆ "
เจียผิงเหอพูดทั้งสามต่างคิดเดาไปต่างๆนานาถ้าเป็นเรื่องงานของเจ้านายเขามันไม่ทำให้เขาต้องใช้สมองคิดเยอะเท่ากับเรื่อง แม่สาวป่าของฉัน ทั้งสี่คนกลับถึงคฤหาส์ถึง1 กว่าเจียผิงเหอก็ตื่นขึ้นมา
เดินไปอาบน้ำแล้วนอนหลับไป