ตอนที่5 ไป่เซบาดเจ็บ
" โอ้ว! มันสุดยอดมาก พวกนายทำได้ไง "
เจียผิงเหอพูดอย่างตื่นเต้นจนลืมไปว่ามีคนบาดเจ็บอยู่ ไป๋เจิ้นหลงที่อยู่ในอาการบาดเจ็บรู้สึกรำคาญเจียผิงเหอจึงพูดออกไปอย่างหงุดหงิด
" นายจะตื่นเต้นอีกนานมั้ย! "
" อ่อ ขอโทษๆฉันจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้พวกน้ำมาทำความสะอาดร่างกาย " เจียผิงเหอพูดแล้วหันหลังไป
" หยุดก่อน "
จินฟาหน้าซีดเซียวหยิบสมุนไพรแห้งที่แพ็คใส่ถุงอย่างดีสองถุงยื่นให้เจียผิงเหอ
" เอาถุงเล็กไปต้มก่อน เป็นสมุนไพรบำรุงรักษากำลังภายใน ฟื้นฟูร่างกายเลือดลมไหลเวียนดีขึ้นปกปิดรอยฟกช้ำได้ดี คุณรีบไปต้มให้คุณชายดื่มด่วนเลย
เจียผิงเหอรีบไปต้มสมุนไพรสักพักก็ยกออกมา ให้ไป๋เจิ้นหลงทัน ไป๋เจิ้นหลงรีบหยิบมาดื่มทันที
ตอนเช้ามืด สองสามีภรรยาตื่นแต่เช้าช่วยกันทำกับข้าว
" วันนี้วันพระไม่ใช่เหรอแม่ " นายเส่อถามภรรยา
" เออ ใช่วันนี้วันพระต้องทำอาหารเจเดี๋ยวจะไปใส่บาตรที่วัด "
" งั้นกิจกรรมของพ่อหนุ่มทั้งสี่เรายกเลิกเปลี่ยนเป็นให้เขาเข้าวัดทำบุญดีมั้ย " นายเส่อถามความเห็นภรรยา
" ก็ดีๆพ่อเตรียมชุดเสื้อผ้าใหม่ๆเอาไปให้พวกเขาด้วยล่ะ "
" อืมๆ จะไปเชิญพวกเขามาทานข้าวก่อนแล้วค่อยเอาเสื้อผ้าให้พวกเขาทีเดียว "
" อืมๆ " ภรรยาพูดจบ นายเส่อออกจากบ้านไป
หลังจากสามีออกจากบ้านไปสักพักก็ขึ้นไปปลูกลูกสาว
" วาวา วาวา เช้าแล้วลูกวันนี้วันพระนะตื่นได้แล่ว "
" ค่ะแม่ "
สักพักวาวาก็ลงมา
" ลูกไปหาพี่นะบอกเขาว่าวันนี้วันพระ อ้อ เก็บดอกไม้และผลไม้กลับมาเยอะๆด้วย แม่จะเอาไปไหว้พระบอกพี่ว่าแม่ชวนไปวัดแม่จะรอ ให้พี่มาทานข้าวที่นี่เลย "
พูดจบก็ยืนตะกร้าใบใหญ่ให้ลูกสาว
" จัดให้ค่ะแม่ " วาวาพูดพลางยิ้มสดใสแล้วเดินออกไป
" วาวา ไปหาพี่สาวเหรอ " เพื่อนบ้านทักทาย
" ใช่ค่ะ วันนี้วันพระป้าจะเอาดอกไปไหว้พระมั้ยคะ หนูเก็บมาเผื่อ "
" เอาๆ ขอบคุนนะหนูช่างมีน้ำใจจริงๆ "
วาวายิ้มและรีบเดินไปทันที พอถึงยอดเขาหน้ารั้วประตูบ้านเรือนไม้ วาวารู้เห็นร่องรอยแปลกตาทุกทีไม่เคยมี แต่ก็ไม่สนใจ รีบเปิดประตูตรงไปหาพี่สาวทันที พร้อมตะโกนเรียกเสียงดัง
" พี่ไป่ พี่ไป่ ตื่นรึยัง ตื่นได้แล้ว! " ซำ้ไปซ้ำมา
วาวาตะโกนเสียงดัง จริงๆเธอแค่อยากเสียงดังแกล้งพี่เล่นๆเผื่อพี่ของเธอยังไม่ตื่นจะได้รูสึกหนวดหูนอนไม่หลับจะได้ตื่นไวๆ
เป็นดังคาด หลังจากไป่เซได้ยินเสียงดังโหวกเหวกมาแต่ไกลก็ได้สติค่อยๆลืมตาขึ้นมา หน้าชีดเซียว ริมฝีปากขาวซีด เธอค่อยๆยันตัวเองลุกนั่งไปเอากล่องยามาเปิดหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาทาน สักพักก็ดีขึ้นมาหน่อย วาวาก็เปิดประตูเข้ามาไป่เซหันไปมองน้องถามด้วยความหงุดหงิด
" เข้าห้องคนอื่นทำไมไม่รู้จักเคาะประตู "
" ก็เห็นประตูไม่ได้ล็อค "
" ได้ล็อคแล้วก็ไม่เคาะเหรอไม่มีมารยาท "
จริงๆไป่เซไม่ได้อยากบ่นอะไรแค่ไม่อยากใก้น้องมาเห็นตนในสภาพนี้จึงทำทีตำหนิ
วาวาไม่สนใจคำตำหนิพี่สาววิ่งพรวดเข้าไปหาพี่สาวทันที
" ทำไมพี่หน้าซีดอ่ะ พี่เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า "
วาวารีบเข้ามาเอามือแตะหน้าผากพี่สาว
" ไม่เป็นไรเมื่อวาน ตากลมนานไปหน่อย เลยเป็นหมี้ไข้นิดหน่อยทานยาแล้วสักพักก็ดีขึ้น "
" พี่จะอาบน้ำไปต้มน้ำให้พี่หน่อย ใส่ขมิ้นหั่นเป็นกลีบๆ ละก็ไปเก็บใบส้มป่อยมากำใหญ่ใส่ลงไปด้วย "
" อืม ได้ค่ะ ถ้าเตรียมน้ำเสร็จแล้วจะบอก " วาวาหมุนตัวออกไป
ไป่เซลุกไปนอนบนเตียงค่อยๆหลับตาลงช้าๆค่อยๆหายใจเข้า...ออก
ทางด้านสี่หนุ่มตื่นเช้าจิบชา ดื่มน้ำขิง พูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
" คิดไม่ถึงว่ายุคสมัยนี้แล้วจะมีคนมีวรยุทธ มีกำลังภายในโผล่มาอยู่ในที่แบบนี้ และยังอยู่ในประเทศไทย เมื่อก่อนฉันคิดว่ามีแค่พวกเรากับท่านอาจารย์ " จินฟาพูด
จินซาพูดเสริม
" นั่นสิแถมมีวรยุทธเก่งกาจพลังลมปรานไร้กาจอีกต่างหากเราสองคนยังสู้แทบไม่ไหวเลย "
" แต่เมื่อคืนฉันแน่ใจอยู่อย่างหนึ่ง "
" แน่ใจอะไร "
" คุณชายมีกำลังภายใน ตอนที่คนชุดดำจู่โจมพลังลมปรานของคุณชายกับของคนชุดดำตีกันจนพลังลมปรานสะท้อนกลับทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ " จินฟาพูด
จินซาท่าทางครุ่นคิดจึงพูดว่า
" พี่ดูเหมือนคุณชายจะไม่รู้ว่าตัวเองมีกำลังภายใน และพลังนั่นจะออกมาเฉพาะตอนที่คุณชายโกรธมากๆอย่างคราวที่แล้ว "
จินซาพูดพลางนึกอะไรขึ้นได้
" พี่เราตองกำชับคุณเจียผิงเหอมั้ย ให้ปิดบังเรื่องที่พวกเราใช้พลังลมปรานรวมถึงที่เราใช้วิชาตัวเบาบินเมื่อคืน "
" อืม ไป "
ตอนเช้าๆอากาศดีเย็นสบาย เจียผิงเหอและไป๋เจิ้นหลงที่ยังไม่หายดีนั่งดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ที่ทางบ้านนายเส่อให้ไว้
จินฟาและจินซาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆทั้งสองคน เจียผิงเหอมองทั้งสองคนรินน้ำขิงยื่นให้พวกเขาสายตาชื่นชมจินฟากับจินซาเป็นอย่างมาก
" เมื่อคืนพวกคุณสองคนยอดเยี่ยมมากเลย นึกไม่ถึงเลยว่านอกจากยิงปืนแม่นต่อสู้เก่ง พวกคุณจะบินได้ไม่สิลอยตัวในอากาศได้ พวกคุณทำได้ไงใครสอนพวกคุณ "
จินฟาและจินซามองกับแวบหนึ่งจินฟาก็พูดขึ้นว่า
" คุณชายขออภัยครับเมื่อคืนเหตุการณ์ฉุกเฉินมันกะทันหันเกินไปพวกเราเลยใช้พลังในการปกป้องคุณชาย เพราะคนชุดดำมีวรยุทธสูงมีพลังไร้กาจ พวกเราจำเป็นต้องขัดคำสั่งท่านประธานใหญ่กับอาจารย์ครับ
ไปเจิ้นหลงนั่งเงียบจิบน้ำขิงมองออกไปยังภูเขาลูกนั้น
จินซาพูดเสริมต่อว่า
" ความจริงแล้วท่านอาจารย์ฝึกเรามาเพื่อส่งพวกเรามาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณชายโดยเฉพาะ และกำชับว่าถ้าไม่จำเป็นหรือเกิดเหตุฉุกเฉินใดห้ามใช้พลัง แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ไม่ให้เปิดเผยตัว ต้องอำพรางตัวเองเพราะมันเป็นความลับของตระกูลคุณชาย "
ไป๋เจิ้นหลงและเจียผิงเหอนั่งฟังทั้งสองคนอธิบายในใจก็รู้สึกขอบคุณและชื่นชมทั้งสองคนมีคนเก่งอยู่เคียงข้างก็เหมือนมีอาวุธและเกราะป้องกันที่ดี
จินซาพูดต่อ
" พวกเราอยากจะขอคุณเจียช่วยปิดเรื่องที่พวกเรามีความสามารถพิเศษแบบโบราณนี้เป็นความลับครับ "
" ได้ครับ ผมให้คำมั่นสัญญาว่าจะปิดเป็นความลับสนิทเลยครับ "
" ขอบคุณครับ " จินซากล่าว
" ผิงเหอ นายบอกว่าพี่สาววาวาอยู่บนเขาคนเดียวไม่ใช่เหรอ "
ไป๋เจิ้นหลงถามด้วยความสงสัย
" ใช่ ตามข้อมูลอยู่คนเดียว "
เจียผิงเหอตอบ แล้วหันไปมองทางจินซากับจินฟา
จินฟาถามขึ้นด้วยความสงสัย
" แล้วคนชุดดำเมื่อวานล่ะเป็นใคร "
ทันใดนั้นเหมือนในหัวกำลังคิดวิเคราะห์ การต่อสู้ กระบวนท่า วิชาตัวเบา การพรางตัว กำลังภายในที่แกร่งการฝึกแบบนี้ในยุคนี้ มีที่อื่นอีกเหรอ
จินซาเองก็คิดเช่นกันท้องสองมองกับแว่บหนึ่งแล้วก็ไม่พูดอะไรเหมือนเรื่องนี้ต้องสืบให้กระจ่าง
" หรือว่าจะเป็นพี่สาวของวาวา "
เจียผิงเหอพูดขึ้นพลางยิ้มออกมา ทุกสายตาจ้องไปที่เขา จนทำอะไรไม่ถูกไม่รู้พูดอะไรผิดถูก ที่จริงเขาแค่พูดเล่นๆไม่คิดว่าผลออกมาจะเป็นแบบนี้
" แฮ่ ฉันแค่พูดเล่นน่ะ พวกนายจริงจังไปได้เล่นจ้องแบบนี้หนุ่มหล่อสมองดีอย่างฉันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ "
" ที่นายพูดมีความน่าจะเป็นไปได้ " ไป๋เจิ้นหลงกล่าว
เจียงผิงเหอพูดแย้งขึ้นมาทันที
" เป็นไปได้ยังไง เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบ ฐานะก็จน อาศัยอยู่บนดอยแถมพ่อแม่เป็นชนเผ่า แค่เรียนจบมหาวิทยาลัยได้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว เขาจะเอาเวลาไหนเรียนวรยุทธแล้วจะเรียนจากที่ไหนล่ะวรยุทธแบบนี้มีแค่ตระกูลนายไม่ใช่เหรอแถมยังถูกปิดเป็นความลับอย่างดี ฉันกับนายก็เพิ่งจะรู้จากปากของจินฟาจินซาไม่ใช่เหรอ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ "
เจียผิดเหอพูดอย่างมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้
" อืม นายพูดก็ถูก ขนาดฉันก็เพิ่งรู้ แต่จินฟาว่าเป็นความลับของตระกูลงั้นตระกูลอื่นก็มีความลับแบบนี้ได้เช่นกัน แต่วรยุทธพวกนี้มีเฉพาะในจีนไม่ใช่เหรอทำไมคนชุดดำถึงปรากฏตัวอยู่ในไทยและอยู่ในทุรกานดารแบบนี้ "
ไป๋เจิ้นหลงพูด
" หรือว่าจะเป็นศัตรูของตระกูลนายส่งคนติดตามลงมือทำร้ายนายอย่างในหนัง "
เจียปิงเหอพูด
ขณะที่ไป๋เจิ้นหลงกับ้จียผิงเหอคุยกันก็ไม่ได้สีงเกตุว่ามีคนหนึ่งกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
จินซากำลังครุ่นคิดจับประเด็นคำพูดก่อนหน้านี้ของเจียผิงเหอ ที่ว่า
" ถ้าเป็นพี่สาววาวาจะเอาเวลาไหนไปเรียนวรยุทธ จะเรียนจากที่ไหน "
เขานึกถึงเด็กคนคนหนึ่ง ที่ไปเรียนวรยุทธกับท่านอาจารย์เป็นเหลนของท่านอาจารย์เขา ชื่ออวี้เฟิ่งเป็นศิษย์น้องของเขา
" นายจำไม่ได้เหรอ เมื่อวานคนชุดดำพูดอะไร คำพูดของเขามันบ่งบอกชัดว่าเขาเป็นคนบนเขา และเขาปกป้องพื้นที่เขา ฉันว่าบนเขาน่าจะมีคนมากกว่าหนึ่งคน แต่แปลกที่คนมีวรยุทธเก่งกาจมาปกป้องพื้นที่ของพี่สาวของวาวา แสดงว่าครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา "
ไป๋เจิ้นหลงพูดจบก็หันไปทางจินซากับจินฟาแล้วออกคำสั่งไปว่า
นายสองคนคอยสะกดรอยตามวาวากับลุงเส่อและป้าแป๊ะ ส่วนนายผิงเหอนายเป็นคนเข้ากับคนง่ายคุยง่ายไปสืบข้อมูลพี่สาววาวาจากคนในหมู่บ้านมา "
" ครับ " ทั้งสามคนตอบรับ
จู่ๆจินซาก็พูดขึ้นอย่างฝืนๆ
" เอ่อ คุณชายมีน้องสาวมั้ยครับ "
จินซาถามคำถามนี้จินฟาหันมองทางเขารู้ทันทีว่าคิดเหมือนกัน
" ทำไม ? นายไม่เคยรู้เหรอว่าฉันเป็นลูกคนเดียว " ไป๋เจิ้นหลงพูด
จินฟาและจินซาอึ้ง! มองกันแว่บหนึ่ง สมองพวกเขาวิเคราะห์อย่างหนัก รู้น่ะรู้แต่ข้อมูลมันขัดกับสิ่งที่เขาเห็น
แล้วอวี้เฟิ่งเป็นอะไรกับคุณชายตระกูลไป๋ล่ะ
" ขออภัยครับคุณชายมีญาติลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงมั้ยครับ "
จินซาถามต่อ ยังไม่ทันได้คำตอบเสียงลุงเส่อก็ดังขึ้น
" ฮ่าๆๆ พวกตื่นเช้ากันจังเลยนะครับ คุยอะไรกันอยู่ครับ " นายเส่อพูด
เจียผิงเหอรีบหันไปยิ้ม
" อ้อครับ คุณลุงก็ตื่นเช้านะครับ " เจียผิงเหอพูดตอบ
" มาเชิญพวกคุณไปทานข้าวเช้าครับ อ่อ วันนี้ยกเลิกกิจกรรมทั้งหมดครับ " นายเส่อพูด
" ทำไมล่ะครับ " เจียผิงเหอถามด้วยความสงสัย
" วันนี้วันพระน่ะครับ ผมและครอบครัวจะไปวัดกัน พวกคุณสนใจไปด้วยมั้ยครับ ทางข้าวเสร็จผมจะเอาเสื้อผ้าให้คุณเปลี่ยนวันนี้เที่ยวตามอัธยาศัยเลยครับ ตอนนี้ไปทานข้าวเช้าก่อนครับ "
นายเส่อพูดยิ้มอย่างอ่อนโยน
" ครับคุณลุง เดี๋ยวพวกเรารีบตามไป " เจียผิงเหอพูดพลางยิ้ม
" รีบๆมาล่ะ " นายเส่อพูดจบก็หมุนตัวกลับไป
" ครับ " ทุกคนตอบ
" มันเป็นโอกาสดี สำหรับเรื่องนี้ พวกนายเก็บข้องมาให้ได้มากที่สุด "
ไป๋เจิ่นกลงพูดจบก็นึกภาพหญิงสวยใส่ชุดจีนโบราณคนนั้น ในใจเขารู้สึกถึงความสุขและความทุกข์ทรมานใจปนกันไป
" เจิ้นหลง ได้ยินที่ลุงเส่อพูดมั้ยวันนี้จะพาครอบครัวไปวัด วันนี้เราน่าจะได้เจอพี่สาวของวาวา ถือโอกาสตรงนี้เข้าไปทักทายเลย แล้วก็หาวิธีที่ดีไปยอดเขา " เจียผิงเหอพูดด้วยความดีใจ
ไดิยินคำพูดขิงเจียผิงเหอไป๋เจิ้นหลงก็เปลี่ยนความรู้สึกเป็นเีใจยิ่งกว่า ในใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเขางงกับความรู้สึกแบบนี้มากเป็นความรู้สึกที่แปลกไม่เคยมีมาก่อนเพียงแต่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา จึงพูดว่า
" อืม! วันนี้หน้าที่พวกนายอะไรจำได้มั้ย " ให้ได้ข้อมูลใก้มากที่สุด"
" ครับ คุณชาย " ทุกคนตอบรับ
ทางด้านวาวา เก็บดอกไม้ ผลไม้มาเต็มตะกร้าเลย เดินกลับเข้าไปในบ้าน
" พี่เสร็จรึยัง "
" อืม เสร็จแล้ว "
หลังจากอาบน้ำเสร็จไป่เซก็ดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่ดีอะไรขึ้นมากหน้ายังซีดเซียวอยู่
" งั้นไปกันเถอะแม่รออยู่ "
" สักครู่ " สองคำสั้นๆหันไปมาร์สหน้าเหลือไว้แค่รอบดวงตาวันนี้เธอไม่ค่อยสบายเธอไม่อยากให้แม่รู้ก่อนออกไปเลยหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วย
เมื่อเห็นพี่สาวพกกระเป๋าเครื่องสำอางมาด้วยวาวาอดไม่ได้ที่จะแซวเล่น
" โอ้ พี่สาวฉันวันนี้จะแต่งหน้าด้วย ฮ่าๆๆ "
ไป๋เซเหล่มองน้องสาวแว่บหนึ่งสีหน้าโกรธเคือง วาวารู้นิสัยพี่สาวดียิ้มแล้วเดินนำออกไป
" แม่ กลับมาแล้วค่ะ หนูเอาตะกร้าไว้ตรงนี้นะคะ หนูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน "
พูดจบก็วางตะกร้าลงบนโต๊ะแล้วขึ้นไปบนห้อง
" มาแล้วเหรอ เดินมาตั้งไกลเหนื่อยมั้ยลูก"
เมื่อเห็นลูกสาวคนโตมาถึงก็ดีใจใหญ่ เดินออกมาจับมือลูกสาวคนถามด้วยความเป็นห่วง
" ไม่เหนื่อยค่ะแม่ พ่อละคะ " ไป่เซถาม
" อ่อ พ่อไปเชิญแขกมาทานข้าวน่ะ "
" ออ ค่ะ "
ไป่เซไม่สงสัยอะไรเวลามีแขกมาก็เชิญมาทานข้าวทุกครั้งเป็นธรรมเนียมของที่นี่
" หนูขอไปแต่งตัวด่อนนะคะแม่ "
" ได้สิ เสร็จแล้วลงมาทานข้าวนะ "
" ค่ะ " ไป่เซหมุนตัวไปบนห้อง
นายเส่อกลับมาถึง ก็ช่วยภรรยาเตรียมอาหารำว้บนโต๊ะให้แขก อาหารบ้านๆง่ายๆไม่มีราคา สองสามอย่าง
แกงเบือผักกาด(ต้ะ เก่อ เป่าะ )
แกงเย็น : ใบผักกาดดองจนเปรี้ยว นำมาตากแต่งเก็บได้นานเป็นปี
เต้าหู้ผัดกะหล่ำปลี
น้ำพริกมะเขือ
จัดวางอาหารเสร็จทั้งสี่คนก็มาถึง
" อ้อ พอดีเลยเชิญนั่งๆครับ " นายเส่อเชิญด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ทั้งสี่คนนั่งลงทานข้าวอาหารเหมือนจะไม่ค่อยถูกปากไป๋เจิ้นหลง มีการแสดงออกทางสีหน้าเจียผิงเหอเห็นดังนั้นจึงกระซิบข้างหูว่า
" กินเพื่ออยู่ต่ออีกสามวันให้มีแรงเดินขึ้นเขาลูกนั้นของนาย " เจียผิงเหอยิ้มมุมปาก
จินฟากับจินซาก็แอบมองหน้าไป๋เจิ้นหลงเช่นกัน
ไป๋เจิ้นหลงเหล่มองเจียผิงเหอด้วยหางตาอวบหนึ่งแล้วก้มหน้าทานต่ออย่างเงียบๆ
ทานเสร็จนายเส่อก็พาทั้งสี่คนไปเปลี่ยนชุดในห้อง ประตูห้องหลังจากพวกเขาปิด ประตูก้องอีกห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออกหญิงสาวคนกนึ่งใสชุดสีบานเย็นอีกคนใส่ชุดชมพูรูปร่างเพรียวยาวผิวขาวใสของไป่เซใส่ชุดชนเผ่าไซส์รัดนิดหลวมหน่อยดูสวยสง่างามมีเสน่ห์น่ามองท่วงท่าทีก้าวเดินลงบันไดชุดปลิวไหวไปมาพู่ยาวๆรอบเอวะริ้วรอบตัวช่างสง่างามตาจริงๆ
บรรยากาศภายในวัดผู้คนพลุพล่าน แต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงสวยหล่อหลักสีสัน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันมาทำบุญเป็นคู่เป็นครอบครัว ผู้คนพูดคุยทักทาย ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างมีความสุข วันพระเหมือนเป็นวันรวมญาติทุกคนจะมาเจอกันในวัดไหว้พระทำบุญวันปกติทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำงานไม่ค่อยมีโอกาสเจอกัน วันพระเลยเป็นเหมือนวันหยุดของคนที่นี่ นางแป๊ะควงลูกสาวสองคนเข้าวัดทำบุญบรรดาญาติพี่น้องเหล่าเพื่อนบ้านต่างพากันเข้ามาทักทาย
" แป๊ะ ลูกสาวเธอยิ่งโตยิ่งสวยจริงๆสวยแพ็คคู่เลย " เพื่อนบ้าน
" เธอก็พูดไป แล้วลูกสาวเธอไม่มาเหรอจ้ะหรือยังไม่กลับมาจากในเมือง " นางแป๊ะถามเพื่อน
" ลูกสาวฉันยังไม่กลับมาน่ะน่าจะมาเดือนหน้าฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆมีลูกสาวสวยขนาดนี้สวยได้เธอจริงๆ " เพื่อนเขาพูดพลางยิ้มอย่างชื่นชม
ไป่เซยิ้มเดินข้างๆแม่ยิ้มให้คนที่เข้ามาคุยกับแม่เธออย่างมีมารยาทแ
" นี่หนูไป่เซใช่มั้ย หนูกลับมาเมื่อไหร่ไม่เห็นหน้าหลายปี สวยกว่าเมื่อก่อนอีก "
" ขอบคุณค่ะ กลับมาหลายวันแล้วค่ะ "
" แหม พี่สาวฉันนี่ฮอตจริงๆ นี่ขนาดโตมาจากที่อื่นนานๆทีจะกลับมานะ ยังมีคนจำได้เยอะแยะถ้าโตในหมู่บ้านจะขนาดไหนเนี่ย อยู่ในเมืองต้องมีหนุ่มๆมาตามจีบเยอะแน่เลยใช่มั้ย " วาวาพูดแซวพี่สาวยิ้มอย่างมีความสุข
ไป่เซหันมามองกน้าน้องพูดน้ำเสียงเรียบเฉยเย็นชาว่า
" ฉันไม่ได้มีเวลาเหมือนเธอ และฉันไม่คิดสนใจเรื่องผู้ชาย "
" อุ่ย ฮิฮิฮิฮิ ลืมไปๆว่าสมองพี่ถูกอัดแน่นด้วยความรู้จนเต็มไม่มีเวลาไปคิดเรื่องมีแฟน " วาวายิ้มอย่างสดใสเขาชินกับความเย็นชาของผู้หญิงที่เรียกว่าพี่คนนี้แล้ว
" ไปลูกไปไหว้พระถวายผลไม้ดอกไม้กัน ต่อหน้าพระท่านก็สงวนมารยาทหน่อย "
ทั้งสองพยักหน้าตามแม่ไปผู้คนที่พบเห็นต่างซุบซิบชื่นชมพูดถึงความงามของเธอ
" นั่นไป่เซใช่มั้ย สวยจังเลย " หญิงสาวพูดขึ้น
" ใช่ผิวขาวมากเลยชุดก็ส้วยสวย "
อีกคนพูดขึ้น " น้องสาวก็สวยสวยทั้งสองคนเลย "
" นั่นใครน่ะ ลูกสาวนางแป๊ะกับนายเส่อเหรอ " ชายวัยกลางคนพูด
ชายอีกคนพูด " เออ ใช่ๆ เห็นว่าคนพี่เรียนจบมาหมากๆเลยส่วนคนน้องเรียนจบมอปลายปีนี้ "
อีกคนก็พูดเสริม " ได้ยินมาว่าคนพี่เรียนเก่ง มีความสามารถหลายด้าน คนเรียนในเมืองอ่ะน้อ "
ชายหรือหญิงต่างก็ซุบซิบแม่ของไป่เซยิ้มแก้มปริอย่างมีความสุขเดินควงลูกสาวผ่านผู้คนไปยังเจดีย์แล้วก้มลงไหว้พระอย่างสุภาพมีมารยาท ขณะนั่งไหว้พระอยู่ไป่เซก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมาทันที ร่างกาย้ริ่มชาเธอรู้ตัวเองดีว่าไม่สามารถอยู่กับแม่ได้จึงรีบขอออกมาก่อนิหันไปกระซิบกับแม่ว่า
" แม่คะ หนูรู้สึกไม่ค่อยดีขอตัวกลับด่อนนะคะ "
" ลูกเป็นอะไรน่ะ เดี๋ยวแม่กลับไปส่ง "
" ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่อยู่กับน้องที่นี่เถอะ ไม่ต้องห่วงโตแล้วดูแลตัวเองได้สบายมากค่ะ "
" แน่ใจนะ "
" แน่ใจค่ะ "
พูดจบไป่เซก็ยืนขึ้นยืดตัวตรงฝืนทำเหมือนไม่เป็นอะไรมากก้าวเท้าออกไปอย่างมั่นคง และในระหว่างที่ไป่เซเดินตรงออกไป กลุ่มของไป๋เจิ่นหลงก็เดินเข้ามาทางด้านข้างพบเข้ากับไป่เซพอดี ชายหนุ่มทั้งสี่ตะลึงในความงามของไป่เซไป๋เจิ่นหลงใจเต้นแรงตุบๆมองไปยังไป่เซที่เดินผ่านหน้าเขาไปเขามีความรู้สึกอยากจะเอามือคว้าเธอเอาไหว้ เหมือนรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน และอีกความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นมาคือความรู้สึกกลัวผู้หญิงคนนั้นจะจากไปกลัวจะสูญเสียเธออีกครั้ง
สักพักไป๋เจิ้นหลงก็รีบดึงสติกลับมาแล้วหันไปพูดกับคนของเขาว่าพวกนายอยกย้ายกันไปสืบหาข้อมูลพูดจบไป๋เจิ้นหลงก็มุ่งไปยังทิศทางที่หญิงสาวหายไป
ไป๋เซเมื่อเดินออกมาพ้นสายตาผู้คนก็แสดงอาการออกมา ร่างกายเขาไม่ไหวแล้ว งอตัวเดินโซซัดโซเซ มือข้างหนึ่งจับหน้าอกเอาไว้ กระอักเลือดออกมาใบหน้าซีดเซียว ปากซีด คิ้วขมวดอย่างเจ็บปวดอ่อนแรง มุ่งทิศทางไปทางภูเขา รวบรวมกำลังภายในใช้วิชาตัวเบาแต่เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บหนักจึงทำให้ไป๋เจิ้นหลงก็ตามทันเว้นระยะห่างไว้
" ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเธอเป็นใครกันแน่ บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ยังฝืนทำเป็นเข้มแข็งอีก ยังสามารถใช้วิชาลึกลับแบบเดียวกันกับจินฟาและจินซาได้อีกด้วย "
ไป๋เจิ้นหลงครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ " หรือว่าจะเป็นคนๆเดียวกันกับคนชุดดำ "
ไป๋เจิ้นหลงตามไปถึงยอดเขา เห็นผู้หญิงคนนี้เปิดประตูเข้าไปในสวนดอกไปตรงไปยังบ้านเรือนไม้หลังนั้นก็ตามไปทันทีผู้หญิงคนนี้ปกติผิวก็ขาวแล้ว พอบาดเจ็บสาหัสก็ยิ่งขาวซีดเผือดไปทั้งตัว
ไป่เซพอเข้าไปในบ้านเปิดประตู้เข้าไปในห้องนอนรีบหยิบยาดมกินยาแก้ปวดยาลดไข้แล้วเข้านอนทันทีสักพักเธอก็สลบไปบนเตียงนอน
ไป๋เจิ้นหลงแอบย่องเข้ามาในห้องของของไป่เซ เดินเข้าไปข้างๆเตียงก็เห็นใบหน้าอันงดงามซีดเซียวไร้สติอยู่ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกเจ็บปวดทรมานใจแน่นหน้าอกขึ้นมามีภาพแวบเข้ามาในสมองภาพผู้ชายชายชุดโบราณดูเป็นคนมียศสูงส่งนั่งร้องให้สติแตกกอดร่างไร้วิญญาของหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าซีดเซียวไร้ลมหายใจนั้นของหญิงสาวเหมือนจากไปอย่างไร้เยื่อใยไร้หัวใจเหมือนหัวใจดับสิ้นลงพร้อมลมหายใจที่สิ้นสุดลง
ไป๋เจิ้นหลงเจ็บหน้าอกร้องให้จับมือไป่เซสายตาจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอยิ่งจ้องยิ่งเหมือนผู้หญิงในยุคโบราณ ไป๋เจิ่นหลง ลูบใบหน้าของหญิงสาวแล้วค่อยๆประทับริมฝีปากลงไป สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆของผู้หญืงคนนั้นในใจเขาก็อบอุ่นขึ้นมาทันทีค่อยๆดึงสติกลับมา ไป๋เจิ่นกลงคิดว่าเขาต้องกลับไปเอายาสมุนไพรที่รักษาอาการบาดเจ็บจากกำลังภายในที่จินฟาคิดได้ดังนั้นก็รีบเดินออกไป
ตอนนี้เขารู้แล่วว่าคนชุดดำคือพี่สาวของวาวา เขายิ่งสนใจในตัวของพี่สาววาวามากขึ้นไปอีก หน้าตาสวยมีความสามารถพิเศษลึกลับช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจที่สุด มาถึงที่พักจินฟากับจินซาและเจียผิงเหอต่างก็รอเขาอยู่พร้อมหน้า
ทั้งสามคนบอกว่าไม่สามารถสืบข่าวใดได้เกี่ยวกับคนชุดดำแต่ได้ข่าวบางส่วนของพี่สาววาวา
จินซาพูดขึ้น " คุณชายทางฝั่งพ่อของวาวาไม่มีอะไรปิดปกติครับ "
จินฟาพูดต่อ " ทางวาวาและไม่ก็ไม่พบพิรุธผิดปกติใดๆเหมือนกันครับ
เจียผิงเหอ " ทางเพื่อนบ้านก็ไมามีข้อมูลอะไร บางคนสื่อสารภาษาไทยไม่ค่อยได้ ยากต่อจะหาข้อมูลแต่ด้มานิดหน่อย คือพี่สาววาวาชื่อ ไป่เซ เธอไปอาศัยกับปู่ย่าตั้งแต่อายุ5ขวบปกติจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ปีละครั้ง ตอนนี้อายุ 22 ปีครับ
เมื่อฟังการรายงานเสร็จตอบเพียงสั้นๆว่า
" อืม พวกนายไปพักเถอะ "
" จินฟาเอาสมุนไพรที่รักษาอาการบาดเจ็บจากกำลังภายในมาให้หน่อย "ไป๋เจิ่นหลงพูด
เมื่อได้ยืนดังนั้นทั้งสามคนก็หันหน้ามามองไป๋เจิ้นหลงอย่างงุนงง
" ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ "
" ปะ...เปล่าครับ " จินฟาตอบพร้อมไปหยิบมายื่นให้
ได้ยาแล้วไป๋เจิ้นกลงก็รีบไปทีนที แล่อยใก้ทั่งสามคนยืนงงอยู่อย่างนั้นสักพักก็ถึงบ้านเรือนไม้
ไป๋เจิ้นหลงเข้าไปในห้องของไป่เซอย่างเงียบๆ แล้วไปต้มยาให้ไป่เซ จากนั้นก็นำยามาป้อนให้ไป่เซจนร่างกายไป่เซเริ่มอุ่นขึ้น นั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ข้างๆจับมือเขากุมไว้แน่น ค่ำๆไปเซรู้สึกดีขึ้น ค่อยๆฟื้นขึ้นมาร่างกายขยับดวงตาเริ่มขยับแต่ยังไม่ลืมตาขึ่นมาไป๋เจิ้นหลงเห็นว่าไป่เซกำลังจะฟื้นจึงรีบลุกเดินออกไป เพราะเขายังไม่พร้อมเจอหน้ากับเธอในที่ตรงนี้ในเวลานี้มันเป็นเขตพื้นที่หวงห้ามของเธอเท่ากับว่าเขาบุกรุกพื้นที่เธอ
คราวที่แล้วถือเป็นบทเรรยนสำคัญของเขาผู้หญิงคนนี้สู้ไม่คิดชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัสคิดได้เช่นนี้ไป๋เจิ้นหลงก็ออกจากสวนไป
" มีเวลาอีกหลายวัน ค่อยหาทางทำความรู้จักกับเธอ " ไป๋เจิ้นหลงยิ้มอย่างมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก