![](/_next/image?url=%2Fimages%2Fchapter_icon.png&w=64&q=75)
![](/_next/image?url=%2Fimages%2Fsetup_icon.png&w=64&q=75)
ตอนที่3 ไป๋เจิ้นหลงโกรธจนขาดสติ
เจียผิงเหอบ่นพึมพำ
"มาเที่ยวมาพักผ่อนหรือมาทรมานร่างกายกันแน่"
เจ้าหน้าที่ขับฮอร์ที่เห็นเจียผิงเหอกำลังพึมพำอยู่ก็ถอนหายใจก็ถามออกไปว่า
" คุณเจียผิงเหอคุณโอเคมั้ยครับ ถ้าไม่ไหวบอกได้นะครับ " แม้เจียผิงเหออยากจะพูดว่าไม่ไหวแต่มีหรือที่เขาจะกล้าเพราะคนที่พาพวกเขามาที่นี่คือไป๋เจิ้นหลงมีหรือจะกล้าขัดคำสั่งเขาจึงพูดได้เพียง
" ผมโอเคครับ "
พอเจ้าหน้าที่ขับฮอร์ได้ยินเจียผิงเหอบอกว่าโอเคเขาก็โล่งใจหน่อยแต่ก็ยังทิ้งทางเลือกไว้ให้เจียผิงเหออยู่จึงพูดขึ้น
" คุณเจียครับถ้าพวกคุณไม่ไหวจริงๆหรือมีเหตุฉุกเฉินอะไรวอร์หาผมได้นะครับผมจะทิ้งวิทยุสื่อสารไว้ให้คุณหนึ่งเครื่อง แต่เวลาใช้มันจะยุ่งยากหน่อยกว่าจะถึงผม ต้องผ่านผู้นำหลายหมู่บ้านส่งต่อๆกันมา สัญาญาณก็ไม่ค่อยจะดีบางทีก็ใช้ไม่ได้ครับ "
พูดจบเขาก็ยื่นวิทยุสื่อสารให้เจียผิงเหอ
เจียผิงเหอรับวิทยุสื่อสารจากเจ้าหน้าที่มาอย่างซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
" ขอบคุณครับ " เจียผิงเหอเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเอาวิทยุสื่อสารมาเก็บไว้ เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ขับฮอร์ก็เอ่ยขึ้นว่า
" ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นพวกผมขอตัวกลับแล้วนะครับ "
" ครับเดินทางปลอดภัยครับ " เจียผิงเหอพูด จากนั้นทั้งสองก็หมุนตัวเดินออกไปเดินไปไม่กี่ก้าวจู่ๆเจ้าหน้าที่ขับฮอร์ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันกลับมาทางเจียผิงเหอแล้วพูดว่า
" คุณเจียผิงเหอครับ ผมเพิ่งนึกได้เรื่องบ้านบนยอดเขาที่อยู่ในรูปโปสเตอร์ที่คุณส่งให้ผมเหมือนจะมีปัญหาครับเจียผิงเหอจ้องไปที่เขาอย่างสงสัยไม่เข้าใจว่ามีปัญหาอะไร
“ มีปัญหาอะไรเหรอครับ ”
" เอ่อ...คือ...บ้านเรือนไม้บนยอดเขาลูกนั้นช่วงนี้เขาปิดไม่ให้เข้าชมครับโดยไม่ให้คนนอกเข้าครับ "
: มาเพราะบ้านบนยอดเขาในรูปโดยเฉพาะกลับต้องมาผิดหวังแล้วเจิ้นหลงจะเอายังไงต่อเนี่ย : เจียผิงเหอพึมพำในใจอย่างหงุดหงิด
เจ้าหน้าที่พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ยอดเขาลูกนั้นที่อยู่ไกลออกไปให้เจียผิงเหอมองตามมือของเขาที่ชี้ออกไป เจียผิงเหอถึงกับตะลึงเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฎบนยอดเขาลูกนั้น
" สวย...สวย...สวยจริงๆ " เจียผิงเหอพึมพำ
เมื่อเจ้าหน้าเห็นใบหน้าที่ตกตะลึงของเจียผิงเหอก็พอจะเดาได้ว่าเจียผิงเหอจะถามอย่างไรต่อเลยพูดต่อว่า
“ เพราะว่าช่วงนี้ลูกสาวของเขาทั้งสองกลับมาจากในเมืองครับ ลุงเส่อกับป้าแป๊ะแกมีลูกสาวสองคนคนพี่ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปีแล้วปีนี้ ปีนี้เห็นว่าเพิ่งเรียนจบพอดีเลยกลับมาช่วงนี้และขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านเรือนไม้บนยอดเขาครับ แต่มีอีกวิธีหนึ่งครับ ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า " เจ้าหน้าที่ขับฮอร์ลังเลที่จะพูดต่อ เจียผิงเหอเห็นเช่นนั้นก็ถามว่า
" วิธีอะไรครับ "
“ เข้าทางน้องสาวคนเล็กครับแล้วให้เธอพาไป เธอเป็นคนน่ารักอัธยาศัยดี คุยเก่งเข้าหาง่ายเป็นมิตรกับทุกคนเลยครับ แต่คนพี่ได้ยินมาว่าเธอค่อนข้างที่จะมีโลกส่วนตัวสูง บ้านหลังนั้นก็เป็นบ้านเธอที่ออกแบบเอง ลุงเส่อแกจะให้เข้าชมเฉพาะเวลาที่ลูกสาวไม่อยู่ครับ ผมต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้แจ้งให้พวกคุณทราบก่อนครับ ” ความจริงเจ้าหน้าที่เองก็เพิ่งจะรู้ เจียผิงเหอไม่รู้จะบอกไป๋เจิ้นหลงยังไงจึงไม่มีอะไรพูดกับเจ้าหน้าที่ต่อเอ่ยเพียง
“ ครับ ขอบคุณมากครับที่แนะนำ ”
“ ครับ งั้นพวกเราำปนะครับมีอะไรวอร์มาเลยนะครับ ” เจียผิงเหอพยักหน้า เจ้าหน้าที่สองคนก็ขึ้นเครื่องแล้วขับออกไป
เจียผิงเหอกลับไปที่เต้นท์นั่งลงข้างๆไป๋เจิ้นหลงถอนหายใจเบาๆ ไป๋เจิ้นหลงเห็นว่าสีหน้าของเจียผิงเหอผิดปกติจึงเอ่ยถาม
" ผิงเหอ นายไปคุยอะไรกับพวกเขาเหรอ เห็นยืนคุยตั้งนาน "
เจียผิงเหอได้ยินไป๋เจิ้นหลงถามก็ยื่นใบกิจกรรมประจำวันให้กับเขา แล้วหันหน้าออกไปทางภูเขาลูกนั้นไม่พูดไม่จาคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่สีหน้าดูผิดหวัง ไป๋เจิ้นหลงก้มหน้าอ่านเสร็จก็ส่งให้จินฟากับจินซาดูต่อ แล้วก็ถามออกไปว่า
" ผิงเหอที่คุณเศร้าไม่พูดไม่จาเพราะนายเห็นกิจกรรมประจำวันนี้น่ะเหรอ ฮ่าๆๆๆ ผิงเหอนายวางใจได้ไม่ต้องห่วงพวกจะจะดูแลปกป้องทะนุถนอมนายอย่างดีไม่ให้ทำงานหนักไม่ให้เหนื่อยอย่างแน่นอนฮ่าๆๆๆ "
ไป๋เจิ้นหลงหัวเราชอบใจเพราะคิดว่าเพื่อนเขาไม่อยากมาแต่แรกเป็นเพราะเขาใช้อำนาจบังคับมา จินซากับจินฟา เมื่อได้ยินคุณชายของเขาพูดเช่นนั้นก็หัวเราออกมาเช่นกัน
" ฮ่าๆๆๆ " " ฮ่าๆๆๆ " ฮ่าๆๆๆ "
ทั้งสามหัวเราะชอบใจ เจียผิงเหอจากอารมณ์คิดหนักเครียดๆอยู่ ได้ยินทั้งสามหัวเราะชอบใจเช่นนั้นก็โกรธจนคิ้วขมวดขึ้นมาทันที
" ไป๋เจิ้งหลง ! นายจะมากไปแล้ว นายดูถูกฉันว่าอ่อนแอเหมือนผู้หญิงงั้นเหรอ เหอะ! " เจียงผิงเหอตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ
แต่ทั้งสามก็ยังไม่หยุดหัวเราะยิ่งเห็นเจียผิงเหอโกรธก็ยิ่งหัวเราะใหญ่ เจียผิงเหอไม่พอใจมากขณะที่ทั้งสามหัวเราะอยู่เจียผิงเหอก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
" บ้านเรือนไม้บนยอดเขาปิดไม่ให้เข้าคนเข้าชมในช่วงนี้ เห็นทีนายคงจะผิดหวังแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ " พูดจบเจียผิงเหอหัวเราะเยาะเสียงดังอย่างพอใจ
“ นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า ฮ่าๆๆๆ ”
เมื่อได้ยินเจียผิงเหอะพูดว่า บ้านเรือนไม้บนยอดเขาไม่ให้คนเข้าไปชมแล้ว ไป๋เจิ้งหลงอึ้งนิ่งเงียบไปสีหน้าเรียบเฉยส่วนจินฟาจินซาหัวเราะไม่ออกอึ้งค้างไปชั่วขณะ
เจียผิงเหอสังเกตเห็นสีหน้าทั้งสามคนดูนิ่งอึ้งไป ก็รู้สึกสะใจหัวเราะออกมาเสียงดังเรื่อยๆ
" ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ "
ความจริงเจียผิงเหอแค่อยากจะแกล้งไป๋เจิ้นหลงบ้างเท่านั้นและเขาก็พอใจมากที่ได้แกล้งคืนจึงหัวเราะอย่างชอบใจ
จู่ๆสีหน้าของไป๋เจิ้นหลงก็เปลี่ยนไป บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือก ใบหน้านิ่งเงียบหน้านิ่วคิ้วขมวด เลือดภายในกายพลุ่งพล่าน ดวงตาคมโตดุจสายตาพญาเหยี่ยวนั้นแดงก่ำแผ่รังสีอำหิตดุจเหยี่ยวที่พร้อมจะจู่โจมเหยื่อขย้ำสังหารเหยื่อในทันที
ไป๋เจิ้นหลงมือกำแน่นจ้องไปที่เจียผิงเหอ จินฟาและจินซาที่มีวรยุทย์ก็รู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูกมองดูนัยน์ตาที่แผ่ไอสังหารคนได้ทุกเมื่อแบบนี้ มีหรือคนไม่มีวรยุทร์อะไรอย่างเจียผิงเหอที่เก่งแต่ใช้สมองจะไม่กลัวเขาเองก็ทำอะไรไมถูกยิ่งสายตาคู่นั้นจ้องมาที่เขาตลอดตัวเขาสั่นไปหมด ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆไป๋เจิ้งหลงถึงกลายเป็นแบบนี้
ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้เจียผิงเหอไม่เคยเห็นเขาโกรธถึงขนาดฆ่าคนได้เช่นนี้มาก่อน น่ากลัวจริงๆเพราะอะไร เพราะคำของเขาไม่กี่ประโยคเมื่อกี้เหรอ หรือเพราะไม่ได้เข้าชมบ้านบนยอดเขานั่นเหรอ เพราะอะไรกันแน่ทำไมไป๋เจิ้นหลงถึงได้โกรธราวกับคนขาดสติแบบนี้หรือเพราะผิดหวังที่ลงทุนมาตั้งไกลความทุ่มเทถูกทำลายลงเลยทำให้เขาโกรธเช่นนี้ใช่มั้ย
เจียผิงเหอใช้สมองตั้งคำถามหาคำตอบมากมายก่ายกองก็ไม่อาจทราบสาเกตุที่เขาโกรธมากขนาดนี้ได้ เจียผิงเหอค่อยๆดึงสติกลับมา ค่อยๆพูดกับเขาดีๆคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้
ไป๋เจิ้นหลงยังคงจ้องเจียผิงเหอแล้วค่อยขยับมือที่แข็งแกร่งทั้งสองข้างนั้นจับไปตรงไหล่ใช้แรงบีบกดจนเจียผิงเหอซึ่งเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ยังรู้สึกเจ็บราวกับกระดูกของเขาแหลกสลายเป็นชิ้นๆ
ไป๋เจิ้นหลงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชาน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ
" นายพูดอีกทีสิ เจียผิงเหอ นายพูดอีกที "
เจียผิงเหอรู้สึกได้ว่ายิ่งเขาพูดแรงมือยิ่งทวีคูณตามอารมณ์ของเขาในตอนนี้ เจียผิงเหอสูดหายใจเข้าลึกๆสองสามที มือค่อยๆจับแขนของไป๋เจิ้นหลงแล้วก็ค่อยๆพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า
" เจ่อ..เจิ้นหลงนายใจเย็นๆก่อนนะ ค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ มีสติ ระ...เรื่องเรื่องนั้นๆ ฉันจะจัดการให้นายเอง นายได้เข้าไปที่บ้านเรือนไม้บนยอดเขานั้นแน่นอน ฉันไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จนายก็รู้หนิ ใช่มั้ย นายเชื่อใจฉันไว้ใจฉันโอเคมั้ยใจเย็นๆเราค่อยๆวางแผนกันโอเคมั้ย "
คำพูดเกลี้ยกล่อมของเจียผิงเหอทั้งหมดไป๋เจิ้นหลงได้ยินเพียงประโยคเดียวคือ
" ได้เข้าไปที่บ้านเรือนไม้บนยอดเขาแน่นอน "
จากนั้นมือของไป๋เจิ้นหลงก็ค่อยๆคลายออกแล้วทรุดตัวนั่งลงอย่างเจ็บเสียใจเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพอรู้ว่าจะผิดหวังรู้สึกเหมือนใจแตกสลายเป็นชิ้นๆ คล้ายกับสิ่งที่รอคอยนั้นจะมลายหายไปอีกครั้ง ความรู้สึกโกรธความรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวังมันผสมปนเปกันไปหมดจนเขาไม่อาจควบคุมตนเองได้
เมื่อเจียผิงเหอเห็นว่าไป๋เจิ้นหลงค่อยๆกลับมามีสติ ก็ถอนหายใจอย่างแรง " เฮ่อ! " อย่างโล่งอก
จินซากับจินฟาที่ยืนดูสถานการณ์ที่เดิดขึ้นเมื่อครู่ ทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่งพอทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติทั้งสองจึงค่อยๆนั่งลง จากนั้นเจียผิงเหอจึงเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด
" เจิ้นหลงถ้านายโกรธเพราะฉันหัวเราะเยาะนายฉันขอโทษ " เจียพิงเหอมองหน้าไป๋เจิ่นหลงค่อยๆพูดออกมาอย่างระมัดระวัง
ไป๋เจิ้นหลงนั่งเงียบไปสักพักเหมือนความโกรธค่อยๆหายไปแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ รู้สึกผิดสีหน้าเรียบเฉย
“ นายจะขอโทษฉันทำไม คงจะเป็นเพราะฉันไม่เคยผิดหวังไม่เคยถูกปฏิเสธไม่เคยทำอะไรล้มเหลวมั้งพอได้ยินนายพูด เลยโกรธจนควบคุมตนเองไม่ได้ ”
ทั้งสี่คนนั่งคุยกันไปสักพักใหญ่จนรู้สึกหิว ก็เริ่มช่วยกันทำอาหาร แล้วก็ทานข้าวพอทานข้าวเรียบร้อยต่างก็กลับเข้าไปพักผ่อนในเต้นท์ตัวเอง
จินฟาเข้าไปในเต้นท์ของจินซาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ลังเลอยู่ จินซาจึงเอ่ยถามอย่างราบเรียบว่า
" นายเข้ามาทำอะไรในนี้เต้นท์ตัวเองก็มี "
จินซาเหล่มองคนที่เข้ามาแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อพูดอย่างเย็นชา
จินฟาก็พูดขึ้น " จินซา นายก็น่าจะเดาออกอยู่แล้วว่าฉันมาเพราะอะไร "
" เรื่องเมื่อตอนเย็น " จิซาเอ่ย
" ถูกต้อง! "
" แล้วไงล่ะ " จินซาถาม
" ฉันว่ามันแปลกๆ " จินฟาสีหน้ากำลังครุ่นคิด
จินซาหยุดอ่านหนังสือแล้ววางลงข้างหมอนหันมาทางจินฟาด้วยความสังสัย
" จินฟานายกำลังสงสัยว่าคุณชาย...." จินซาพูดแค่นี้ก็ไม่พูดต่อ
" อืมใช่ " จินฟาตอบกลับอย่างมั่นใจ
" จะเป็นไปได้อย่างไร " จินซาไม่อยากจะเชื่อแต่ลึกๆตอนเย็นเหมือนเขาจะสัมผัสพลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวไป๋เจิ้นหลงเช่นกัน
“ ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่แค่แปลกๆ ” จินฟาพูด เมื่อได้ยินจินฟาพูดแบบนี้จินซาจึงพูดว่า
" แต่ถ้าเป็นอย่างนายพูดจริงๆ ตระกูลไป๋คุณ….ไม่ใช่ผู้ถูกเลือกแต่ผู้ถูกเลือกจริงๆคือศิษย์น้องเราต่างหาก "
จินซาวิเคราะห์และพูดอย่างมีเหตุผล
ส่วนไป๋เจิ้นหลงนอนไม่หลับจึงออกมาสูดอากาศข้างนอก ยืนมองออกไปไกลแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น อ้าแขนสองข้างให้ร่างกายรับลมสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติ
อากาศเย็นสดชื่นสายลมพัดโชยผ่านกระทบผิวใบไม้ลอยละลิ่วปลิวรอบกาย ลมพัดพาความหอมอ่อนๆของดอกราตรียืนอ้าแขนรับลมเย็นแหงนมองฟ้าอยู่นาน เขารู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวย
: อากาศสดชื่นบริสุทธิ์จากธรรมชาติแบบนี้หาได้ยากแล้ว ดีจริงๆที่มาที่นี่ : ไป๋เจิ้นหลงคิดในใจประมาณว่าไม่ผิดหวังจริงๆ
เจียผงเหอ มองดูเขาจากด้านหลัง ค่อยๆเดินเข้าไปหาไป๋เจิ้นหลง
" เป็นไงรู้สึกดีมั้ย " เจียผิงเหอถามเมื่อได้ยินดังนั้นไป๋เจิ้นหลงตอบสั้นๆเรียบเฉย
" อืม อากาศดีแบบนี้หาได้ยาก "
ทั้งสองยืนมองออกไปไกลมองไปยังทิวทัศกว้างไกลสวยงามภูเขาเรียงรายทับซ้อนกันเป็นลูกๆแสงจันทร์สาดส่องกระทบมองเห็นความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงให้ความรู้สึกสงบเย็นสบาย
เจียผิงเหอคอยสังเกตสีหน้าของไป๋เจิ้นหลง เรียกเขาอย่างระมัดระวัง
" เจิ้นหลง "
ไป๋เจิ้นหลงส่งเสียงเพียง " ว่า "
" ฉันมีอะไรจะบอกนายนายรับปากก่อนว่าจะฟังมีสติ " เจียผิงเหอพูดแบบระวังมัดระวังเพราะเรื่องเมื่อตอนเย็นเขารู้สึกว่าเขาต้องคิดให้รอบคอบที่จะพูดมากขึ้น
" จะพูดอะไรของนายน่ะ ผิงเหอ " ไป๋เจิ้นหลงละสายตาจากที่ไกลๆมองไปทางเจียผิงเหอจากนั้นก็พูดว่า
" อืม ฉันรับปากว่าจะมีสติ มีไรพูดรีบพูดมาฉันไม่ชอบอะไรชักช้าอ้ำๆอึ้งๆ "
ได้ยินเช่นนั้นเจียผิงเหอจึงสบายใจมือชี้ไปยังภูเขาที่อยู่ไกลออกไปลูกนั้นทันที ไป๋เจิ้นหลงมองตามมือเขาออกไปด้วยความสงสัยงุนงง
" นายเห็นแสงไฟระริบระยับบนภูเขาลูกนั้นมั้ย " เจียผิงเหอถาม บ้านของไป่เซเธอใช้โซล่าเซลล์รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ตอนกลางคืนเธอจะเปิดไฟให้บ้านดูสว่าง กลางคืนคล้ายกับบ้านที่ลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางความมืด ไป๋เจิ้นหลงยังคงรู้สึกเฉยๆ
" อืม สวยดี แล้วไงต่อ "
" บนนั้นแหละคือบ้านเรือนไม้บนยอดเขาที่นายอยากไป "
ดวงตาไป๋เจิ้นหลง ลุกโตคมดุจเหยี่ยวพลันอ่อนโยนแวววาว ไม่กะพริบแม้แต่วินาทีเดียว ดวงตาเป็นประกายฉายแววตาแห่งความสุขจ้องไปยังที่นั้นอย่างสมหวัง
ไป๋เจิ้นหลงมีความรู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังรอคอยก็ไม่รู้รอคอยอะไรแต่มันทำให้เขาสัมผัสถึงความสุขสมหวังเหมือนสมหวังในสิ่งที่รอคอยมานาน
เจียผิงเหอสังเกตใบหน้าของไป๋เจิ้นหลงดีอย่างบอกไม่ถูก รู้ได้ชัดว่าเขากำลังมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติดีทุกองค์ศาแม้แต่ผู้ชายอย่างเขามองยังไม่อาจละสายตาได้นับประสาอะไรกับผู้หญิง เห็นเพื่อนที่เป็นเจ้านายคนนี้มีความสุขเขาเองก็มีความสุขสบายใจเช่นกันแล้วจึงค่อยๆเอ่ยต่อ
" เจ้าของบ้านมีลูกสาวอยู่สองคน พวกเธอไปเรียนในเมืองช่วงนี้คนพี่กลับมาพักอยู่ที่บ้านหลังนั้น คนน้องชื่อวาวาเป็นคนเฟรนด์ลี่ อัธยาศัยดี คุยเก่ง เข้าหาง่าย คนพี่เย็นชาหยิ่งๆไม่ค่อยคุยกับใครโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าเธอเพิ่งเรียนจบ กลับมาก็ขอพ่อแม่ให้ปิดทำการรับนักท่องเที่ยว พ่อแม่เธอจึงมทำตามที่เธอต้องการเพราะนานๆทีเธอจะกลับมาที บ้านหลังนั้นเธอเป็นคนออกแบบแล้วให้พ่อแม่หาช่างมาทำให้ การตกแต่งสวนเธอก็ทำเองเช่นกัน ถ้าจะไปบนยอดเขาต้องเข้าทางน้องสาวเธอค่อยๆตีสนิทแล้วหาโอกาสให้เขาพาไป "
ได้ยินดังนั้นไป๋เจิ้นหลงก็พูดออกมาอย่างมั่นใจ
" อืม นายหาวิธีพูดคุยเอาอกเอาใจน้องสาวของผู้หญิงคนนั้นเลย " เขาพูดเชิงออกคำสั่ง
" ส่วน จินซากับจินฟาไปบอกให้เขาเข้าทางพ่อแม่ผู้หญิงคนนั้น เอาอกเอาใจอย่างจริงใจ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ใจอ่อน ยอมรับเรา " ไป๋เจิ้นหลงพูดอย่างมั่นใจ เจียผิงเหอยังคงหยุดอยู่ที่คำว่า ยอมรับเรา เขารู้สึกว่าคำพูดมันฟังดูคลุมเครือไปหน่อย
:ไป๋เจิ้นหลงใจคำผิดหรือเปล่า : พอคิดได้แบบนี้เจียผิงเหอก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากจ้องไปยังไป๋เจิ้นหลง
“ เจิ้นหลงนายยังมีสติอยู่มั้ย นายพูดว่าให้เขา ยอมรับเรา มันหมายความว่าไง ยอมรับในฐานะไร ในฐานะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันเหรอ หรือยอมรับในฐานะ ลูกเขย ” เจียผิงเหอหยอกไป๋เจิ้นหลงจากนั้นก็กลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง
" ปัญหามันอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นที่เข้าถึงยาก ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่เขาตามใจคนนอกที่ตั้งใจมาเที่ยวพักผ่อนอย่างเราคงได้เข้าไปพักในบ้านนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ใจมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบให้ใครรบกวนจึงเลือกอยู่ที่นั่นลำพัง " ไป๋เจิ้นหลงจึงพูดว่า
" อืม มันเป็นสิทธิ์ของเธอ ส่วนเราต้องมาคิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้เข้าไปในที่แห่งนั้น ทำตามที่คุยไว้เมื่อกี้นายเข้าทางน้อง จินฟาจินซาเข้าทางพ่อแม่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นฉันจัดการเอง "
เจียผิงเหอรู้สึกว่าถึงจะทำแบบนั้นสำเร็จแต่ก็ยังเป็นปัญหาในการเข้าถึงผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี
" ถึงสนิทกับน้องกับพ่อแม่เขาแล้วไงล่ะ มันก็ไปที่นั่นไม่ได้อยู่ดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้หญิงคนนั้น จะขอให้พ่อแม่เขาพาไปเหรอจะเป็นไปได้เหรอ " เจียผิงเหอลากเสียงสูงในตอนท้าย
" ได้ไม่ได้ต้องลองดู ไปบอกแผนนี้กับสองคนนั้นด้วย ฉันไปนอนละพรุ่งนี้ต้องเข้าไปทักทายพวกเขาแต่เช้า " พูดจบก็กลับเข้าไปในเต้นท์ทันที
" เอ๊กอีเอ้เอ๊กๆๆ " เสียงไก่ขัน
ตัวนึงขันอีกตัวก็ขันตอบแต่เช้า ไป๋เจิ้นหลงตื่นขึ้นมาจะหลับต่อแต่รู้สึกนอนไม่หลับแล้วเสียงไก่ขันรบกวน มองดูเวลาก็บ่นพึมพางึมงาม
" ตี3อยู่เลยทำไมไก่หมู่บ้านนี้ตื่นเวลานี้ มาคึกคักเอาไรตอนนี้หนวดหู ขันเช้าเกินไม่เช้าสิยังมืดอยู่เลย "
ไม่ใช่แค่ไป๋เจิ้นหลงคนเดียวทุกคนก็ตื่นเพราะเสียงไก่ขันรบกวนเช่นกันเมื่อหลับต่อไม่ได้แล้วจินฟากับจินซาก็ลุกไปก่อไฟใกล้ๆกับเต้นท์ชงชาอุ่นๆและเอาไปให้คุณชายของตนเองพวกเขานั่งล้อมรอบกองไฟจิบชาในตอนเช้ามืดท่ามกลางอากาศสดชื่นเย็นสบาย พวกเขามองไปทางหมู่บ้านชาวเล็กๆเห็นบ้านแต่ละหลังค่อยๆสว่างขึ้นๆบ่งบอกว่าพวกเขาตื่นแล้ว
“ ชาวบ้านที่นี่ตื่นเช้ากันมากเลยนะครับ ” จินฟาเอ่ย
เจียผิงเหอเริ่มรู้สึกตื่นกับการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่นี่เขารู้สึกว่าวิถีชีวิตแบบนี้น่าสนใจ ราวกับเขากลับไปอยู่ในยุคสมัยโบราณ นอกจากเสียงไก่ขันแล้วก็มีแต่ความเงียบสงบที่ปกคลุมด้วยความมืดและหมู่ดาว
“ ฉันว่าวิถีชีวิตของพวกเขานั้นน่าสนใจมาก ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลย ”
เจียผิงเหอเอ่ยอย่างตื่นเต้น ไป๋เจิ้นหลงที่นั่งจิบชาอย่างเย็นชาก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ชาวบ้านได้ยินไก่ขั้นก็ตื่นขึ้นมาล้างหน้าล้างตาทำความสะอาดตนเองแล้วหุงข้าวทำกับข้าวเตรียมไปทำงานเมื่อฟ้าสาง และในขณะนั้นดวงไฟทรงกลมสว่างจ้าคล้ายกับมาทางพวกเขาและเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆแล้วเผยให้เห็นชายวัยกลางคนถือไฟฉายส่งยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร
นั่นคือลุงเส่อนั่นเองเขามาหาชายหนุ่มทั้งสี่เพื่อพาไปยังหมู่บ้าน พอเจอกันลุงเส่อก็เริ่มทักทายพวกเขา
" สวัสดีครับคุณชาย ผมเป็นชื่อเส่อนะครับหรือพวกคุณผมว่าลุงเส่อก็ได้ผมเป็นคนที่จะพาพวกคุณทำกิจกรรมตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ที่นี่ครับ ผมมาเชิญพวกคุณไปทานข้าวเช้าที่บ้านผมครับฟ้าสางแล้วเราจะได้ เริ่มต้นกิจกรรมวันแรกเลยดีมั้ยครับ "
เจียผิงเหอยิ้มแล้วตอบว่า “ ครับดีครับ ”
พูดจบก็หันไปทางไป๋เจิ้นหลงที่คงคงสีหน้าเรียบเฉยเพื่อขอให้เขาพูดอะไรบ้าง จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็ลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า
“ งั้นก็ไปกันเลย ”
ลุงเส่อยิ้มพร้อมกับพูด “ ครับ เชิญครับ ” ลุงเส่อรู้สึกเกรงๆกับบัคลิกของไป๋เจิ้นหลงที่ดูสูงสง่ามาดผู้ดีจึงให้พวกเขาเดินนำหน้าไปก่อน
ไป๋เจิ้นหลงไม่พูดอะไรมองไปยังเจียผิงเหอ เหมือนเจียงผิงเหอจะอ่านใจเขาออกจึงยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับเอ่ยว่า
“ ลุงนำทางพวกเราไปเลยครับ ” ลุงเส่อพยักหน้าว่า “ ครับๆ ”
แล้วก็เดินนำพวกเขาไปยังกมู่บ้านแล้วก็พาชายหนุ่มทั้งสี่เข้าไปยังบ้านของตนเอง บ้านลุงเส่อเป็นบ้านที่ทำด้วยไม้สองชั้นหลังคาสีเขียว เมื่อถึงบ้านลุงเส่อภรรยาลุงเส่อก็ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มาแล้วเหรอ ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญเข้ามาในบ้านก่อนค่ะ ”
พวกเขานั่งลงบนโต๊กไม้ยาว ลุงเส่อก็เริ่มแนะนำภรรยาใก้ชายหนุ่มทั้งสี่ได้รู้จัก
“ คนนี้คือภรรยาผมเอง ชื่อแป๊ะ หรือป้าแป๊ะจะเป็นคนสอนพวกคุณทำอาหารหุงข้าวแบบโบราณครับที่นี่ไม่มีไฟฟ้าดังนั้นทุกอย่างจะไม่สะดวกสบายอย่างในเมืองการหุงข้าวก็ต้องใส่ใจอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ข้าวที่หุงออกมาอร่อยไม่แฉะไม่เละเป็นโจ๊กและไม่แข็งเกินไปครับ ”
ไป๋เจิ้นหลงยิ้มแล้วพูดว่า " ครับ งั้นพวกเราขอแนะนำตัวก่อนนะครับ คุณลุงเส่อคุณป้าแป๊ะ ผมชื่อไป๋เจิ้นหลงครับ "
ไป๋เจิ้นหลงพูดพร้อมกับยื่นมือขอจับมือกับทั้งสองอย่างเคารพ จากนั้นก็หันไปมองทั้งสามคนที่นิ่งอึ้ง กับการแสดงออกของไป๋เจิ้นหลง ทั้งสามรู้สึกราวกับว่าไป๋เจิ้นหลงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาหาร่อยรอยของความเย็นชาเย่อหยิ่งบนตัวของไป๋เจิ้นหลง
เขาไม่คุ้นเคยกับไป๋เจิ้นหลงที่ยิ้มแย้มทักทายรีบแนะนำตัวเองก่อนแบบนี้ ไป๋เจิ้นหลงในตอนนี้คนนี้เขาไม่เคยรู้จักเขารู้จักไป๋เจิ้นหลงคนที่เย่อหยิ่งเย็นชาใจดำอำมหิตไร้ความปราณีต่อผู้อื่นไป๋เจิ้นหลงที่ไม่ชอบให้ใครมารู้จักและไม่ชอบทำความรู้จักใคร มีแต่คนเอาอกเอาใจคอยเข้าหาอยากทำความรู้จัก แต่ไป๋เจิ้นหลงในตอนนี้กลับรีบยื่นมือทำความรู้จักแนะนำตัวก่อนด้วยรอยยิ้มจริงใจอย่างรวดเร็วซึ่งพวกเขาตั้งตัวไม่ทันจริงๆ
พอได้สติเจียผิงเหอจินฟาจินซาก็รีบแนะนำตัว
" ผมชื่อเจียผิงเหอครับ "
" ผมชื่อจินฟาครับ "
" ผมชื่อจินซาครับ "
ลุงเส่อกับป้าแป๊ะยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ ยินดีที่รู้จักและยินดีที่ได้ต้อนรับพวกคุณครับ /ยินดีเช่นกันค่ะ ”
จากนั้นป้าแป๊ะก็เดินเข้าไปในครัวจัดโต๊ะเตรียมข้าวปลาอาหารแล่วมาเชิญแขกทั้งสี่ทานอาหาร "
" เชิญคุณชายทั้งสี่คนทานข้าวก่อน อีกสักพักจะพาไปไร่ค่ะ "
ชายหนุ่มทั้งสี่ไปนั่งโต๊ะทานข้าวแล้วเริ่มลงมือทานข้าวปลาอาหารที่แปลกใหม่แปลกตาตรงหน้าเขา ขณะที่ทั้งสี่กำลังทานข้าวแต่กลับไม่เห็นเจ้าของบ้านมานั่งทานด้วย เจียผิงเหอมองไปรอบๆเห็นลุงเส่อกำลังจัดเตรียมของใส่ตะกร้าจึงเอ่ยถาม
" คุณลุงครับคุณไม่ทานข้าวกับพวกเราเหรอครับ "
ลุงเส่อได้ยินจึงยิ้มแล้วพูดว่า " พวกคุณทานกันให้อิ่มก่อนเลยครับ ทานเยอะๆนะครับไม่ต้องเกรงใจ "
วาวาที่กำลังเดินลงมาจากบันไดชั้นสองเห็นมีแขกแต่งตัวดูดีรู้ทันทีว่าเป็นคนในเมืองและตะลึงในความหล่อของพวกเขาเล็กน้อย
: นึกไม่ถึงว่าจะมีหนุ่มหล่อมาดผู้ดีสนใจมาเที่ยวในที่แบบนี้แปลกจริงๆ :
วาวายิ้มทักทายหนุ่มหล่อแต่ในใจกลับประเมินหน้าตาทั้งสี่คนพร้อมให้คะแนนความหล่อแต่ละคนในใจไปเรียบร้อย เมื่อกี้เธอได้ยินเจียผิงเหอถามพ่อเขาเรื่องทานข้าว วาวาก็ยิ้มอย่างสดใสน่ารักพร้อมกับเอ่ยว่า
" พวกคุณทานให้อร่อยเถอะค่ะไม่ต้องห่วงพ่อฉันหรอก นี่คือมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่นี่เมื่อมีแขกมาเยือนก็จะเชิญแขกมาทานข้าวที่บ้าการโดยให้แขกทานข้าวก่อนจากนั้นเมื่อแขกทานข้าวเสร็จก็ให้แขกนั่งพักพูดคุยกับเจ้าของบ้านส่วนผู้หญิงก็ทำหน้าที่แม่ศรีเรือนเก็บกวาดล้างถ้วยจาน การทำทำแบบนี้มันเป็นมารยาทในการรับแขกการให้เกียรติแขก คนที่นี่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมาที่บ้านก็ต้อนรับหมด
ไม่ว่าจะยากดีมีจนมีกินหรือไม่มีกินรู้จักไม่รู้จักเมื่อมาถึงที่บ้านก็ถือว่าเป็นแขกและต้อนรับอย่างดีให้เกียรติอย่างเสมอภาคทุกคนไม่เลือกแบ่งชนชั้นฐานะเพราะพวกเราถือว่าทุกคนคือคนมีเลือดเนื้อหัวใจเหมือนกัน เวลามีแขกมาบ้านอันดับแรกเลยคือหุงข้างหุงปลาให้แขกได้กินให้อิ่มก่อนเสมอ ใครที่หลงเข้ามาในหมู่บ้านเรารับรองว่าไม่อดตายค่ะ
หนุ่มๆเองก็ตะลึงในความสวยสดใสน่ารักของวาวาหยุดชะงัดไป5วิแล้วก็ทานทานข้าวต่อยกเว้นไป๋เจิ้นหลงที่มองแค่แวบเดียวก็ไม่สนใจ แต่สิ่งที่เขาสนใจคือคำพูดที่วาวาพูดเกี่ยวกับธรรมเนียมในการปฏิบัติต่อแขกที่มาเยือนเขาแอบชื่นชมคนที่นี่ในใจและรู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบประทับใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกเช่นนี้เจียผิงเหอและจินฟาจินซาก็รู้สึกเหมือนเขาเช่นกัน
" นี่แหละหนาความสุขที่แท้จริงไม่มีเงินทองมากมายก่ายกองมีแต่มีกินมีใช้อย่างพอเพียงและมีความสุขในทุกๆวัน ความสุขแบบนี้หายากยิ่ง " เจียผิงเหอเอ่ยอย่างอิ่มเอ็มใจ ป้าแป๊ะเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวก็เรียกเธอทันที
" วาวา วาวา " ป้าแป๊ะเรียกลูกสาว วาวาได้ยินเสียงแม่เรียกก็รีบเข้าไปให้และรู้ว่าแม่เธอต้องวานให้เธอทำอะไรสักอย่างแน่นอน
" คะแม่ เรียกหนูมีอะไรให้หนูช่วยคะ " ป้าแป๊ะยิ้มอย่างอบอุ่นมองลูกสาวที่รู้ทันหล่อนอย่างรักใคร
" หนูเอาปิ่นโตนี่ไปให้พี่สาวหนูที วันนี้แม่ทำของโปรดของพี่ บอกพี่ด้วยว่าแม่อยากกินบัวลอยไข่หวา
นสูตรเขาให้เขาทำให้แม่กินหน่อย "
" ได้ค่ะแม่เดี๋ยวหนูจะเป็นลูกมือให้พี่เขาเอง " วาวาพูด้วยน้ำเสียงแจ่มใสท่าทางร่างเริง
" ดีมากหนูก็หัดทำจำสูตรพี่เขาบ้างเวลาพี่เขาไม่อยู่จะได้ให้หนูทำใก้แม่กิน "
" โอเคค่ะแม่ หนูไปละนะ " พูดจบวาวาก็โบกมือให้แม่แล้วขับมอเตอไซต์ออกไป
หลังจากนั้นเมื่อหนุ่มๆทั้งสี่คนทานข้าวเสร็จก็เตรียมตัวไปทำภารกิจของวันนี้จน หนึ่งวันกับกิจกรรมวันแรกก็ผ่านไป ตอนเย็นก็กลับมาอาบน้ำทานข้าวพักผ่อนตามอัธยาศัย
และในตอนนี้วาวาก็กลับมาจากบ้านเรือนไม้หิ้วขนมบัวลอยไข่หวานหลากสีตักให้พ่อแม่ เสร็จก็ยกไปตักให้หนุ่มๆทั้งสี่
" นี่ค่ะ บัวลอยไข่หวานฝีมือพี่สาวฉันพวกคุณลองชิมดูนะ " วาวายิ้ม
เมื่อได้ยินว่าเป็นฝีมือพี่สาวของวาวาด้วยเหตุใดก็ไม่รู้ไป๋เจิ้นหลงหยิบถ้วยนั้นทานทันที แล้วเผยดวงตาโตเป็นประกาย เขาไม่เคยทานขนมที่อร่อยหอมหวานมัน กลมกล่อม เหนียว นุ่มลิ้น ละมุนละไม เช่นนี้มาก่อนเขามีความสุขกับการทานขนมครั้งนี้มาก เขาทานเรื่อยๆหมดแล้วเติมๆจนรู้สึกอิ่มท้อง
เจียผิงเหอ จินฟา จินซา เห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าอร่อยก็ยกถ้วยทานจนเกลี้ยงทานจนอิ่มท้อง
วาวานั่งดูพวกเขาทาน ยิ้มอย่างมีความสุขแอบชื่นชมพี่สาวตัวเอง จากนั้นก็ถามออกไปว่า
" พวกคุณมาจากไหนเหรอ ชื่ออะไรกัน "
วาวาถามด้วยความอยากรู้ วาวาเป็นเด็กสาวเฟรนด์ลี่คุยเล่นเก่งเข้าได้ง่ายกับทุกคน
" ผมชื่อเจียผิงเหอ เรียกพี่ผิงเหอก็ได้นะ " เจียผิงเหอพยายามพูดให้ดูสนิทสนม
" ค่ะ คุณอายุมากกว่าสมควรเรียกอย่างนั้น พี่ผิงเหอ " จากนั้นเจียผิงเหอยิ้มแล้วแนะนำต่อ
" คนนี้ให้ชื่อพี่เจิ้นหลง คนชื่อพี่จินฟา คนนี้พี่จินซา "
" พวกคุณไม่ใช่คนไทยใช่มั้ยคะ ดูแล้วพวกคุณดูเป็นคนมีฐานะดีทีเดียว ทำไมถึงเลือกมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ล่ะ "
เมื่อได้ยินวาวาถามแบบนี้ เจียผิงเหอยิ้มเจื่อนๆเพราะตอนแรกที่แบบนี้เขาไม่เคยคิดจะมาเลยถ้าไม่ใช่เพราะไป๋เจิ้นหลงยืนยันที่จะมา
" ถูกต้องครับพวกพี่แค่มาเที่ยวเมืองไทย อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆในสถานที่ที่แปลกใหม่ดูครับ " เจียผิงเหอตอบแบบนี้ไป๋เจิ้นหลงและจินฟาจินซาอดที่จะไม่ยิ้มไม่ได้
" พวกคุณเก่งจังเลยนะคะพูดไทยจัดแจ๋วคล่องบรื๋อเลย " วาวาชื่นชมเขาอย่างจริงใจ
ไป๋เจิ้นหลงที่ไม่พูดไม่จานั่งหน้าเรียบเงียบขรึมเย็นชาก็ถามขึ้นว่า
" เธอมีพี่สาวใช่มั้ยแล้วเธออยู่ไหนล่ะ "
ทั้งสามคนสะอึ้งค้างหันไปทางไป๋เจิ้นหลงอยางตกใจ ด้วยความคิดไม่ถึงว่าไป๋เจิ้นหลงจะถามตรงๆและถามหาพี่สาวของวาวา : อย่าบอกนะว่าเจิ้นหลงหลงไหลในสาวบ้านป่าที่แม้แต่หน้ายังไม่เคยเห็น : เจียงผิงเหอพึมพำในใจ
" ใช่ค่ะหนูมีพี่สาว และขนมที่พวกคุณทานไปเมื่อกี้ก็ฝีมือพี่สาวหนูค่ะ "
" อืม บอกพี่สาวเธอว่าฉันอยากกินอีก พรุ่งนี้ให้ทำให้ฉันกินอีก "
วาวาจ้องหน้าไป๋เจิ้นหลงอย่างอึ้งตะลึงงัน เธอไม่พอใจกับคำพูดเชิงออกคำสั่งของเขา นายคนนี้กล้าดียังไงมาออกคำสั่งใช้พี่ของฉัน เกินไปแล้ว ใบหน้าสดใสคิ้วเริ่มขมวดหน้าเริ่มแดงบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ
เจียผิงเหอไม่กล้าขยับตัวจินฟาจินซานิ่งอึ้งไป บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบลงจนได้ยินเสียงลมหายใจ
เจียผิงเหอค่อยๆดึงสติกลับมามองไปทางไป๋เจิ้นหลงที่มีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไรจึงค่อยๆเขยิบไปใกล้เขาให้ไป๋เจิ้นหลงรู้ตัวแล้วพูดกับวาวาว่า
" เอ่อ...ขอโทษทีครับ เพื่อนผมคงจะติดใจขนมเมื่อกี้มากมันอร่อยจริงๆ เลยอยากกินอีกเลยพูดออกไปเช่นนั้นไม่ทันคิดน่ะครับ เขาเป็นคนตรงๆพูดไม่เก่งอ่ะครับ น้องวาวาคงไม่ถือสานะครับ " เจียผิงเหอยิ้มเจื่อนๆ
" ออ! ไม่ถือสาค่ะ ถือซะว่ายังไม่เข้าใจมารยาททางการใช้ถ้อยคำค่ะ " ไป๋เจิ้นหลงคิ้วขมวดจองไปยังเด็กสาวคนนั้นแล้วก็ลุกเดินออกไป
จินฟาจินซามองกันแวบหนึ่ง ก็รีบเดินตามคุณชายของตนเองไปเพราะหน้าที่เขาคือปกป้องรักษาความปลอดภัยให้คุณชาย
ในห้องเหลือเพียงเจียผิงเหอกับวาวาเจียผิงเหอคิดว่าประเมินเด็กคนนี้ต่ำไปคำพูดแทงใจดำจริงๆสามารถทำให้ไป๋เจิ้นหลงโกรธได้ขนาดนี้แล้วพี่สาวเขาจะขนาดไหน ไป๋เจิ้นหลงเองก็ลืมตัวหรือไงว่าตอนนี้ตนเองไม่ใช่คนที่จะสั่งอะไรใครตามใจชอบก็ได้ เหนื่อยใจ
จู่ๆสมองของเจียผิงเหอ " ปิ้งไอเดียขึ้นมา " พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จึงเอ่ยขึ้นว่า
" น้องวาวาไม่โกรธก็ดีแล้วครับ พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่จริงๆพวกพี่ชอบขนมที่พี่สาวน้องทำมากไม่เคยกินมาก่อน
แต่เหมือนชื่อขนมนี้จะมีในรายการกิจกรรมห้าวันด้วยใช่มั้ยครับ อยากลองทำดูบ้าง "
" ค่ะ พวกคุณได้ทำแน่นอนค่ะแต่จะเป็นสูตรโบราณ แม่เป็นคนสอนน่ะค่ะ "
" เฮ้อ! เสียดายจัง พวกพี่อยากทำสูตรของพี่สาวน้องน่ะ พวกพี่ชอบรสชาติของมันมากเลย น้องพอจะขอร้องพี่สาวน้องสละเวลาอันมีค่ามาสอนพวกพี่สักครั้งได้มั้ยครับ ต่อไปถ้าพี่กลับประเทศตัวเองเวลาอยากกินจะได้ทำกินเอง น้องวาวาคิดว่ายังไงครับ "
วาวาครุ่นคิดเขาพูดก็ถูกนะแต่พี่เราใช่ว่าจะเหมือนคนอื่นที่ไหนล่ะ
" งั้นจะลองปรึกษาพี่สาวดูนะคะ แต่ไม่รับปากเพราะพี่สาวหนูไม่เหมือนผู้หญิงทั่วๆไปค่ะ "
" ครับขอบคุณมากครับแค่น้องวาวาจะคุยให้พวกพี่ก็ดีใจแล้ว "
" ไม่มีอะไรแล้วพี่ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ "
" ค่ะ "
จากนั้นเจียผิงเหอก็โบกมือพร้อมรอยยิ้มจริงใจแล้วหมุนตัวหันหลังเดินออกจากบ้านลุงเส่อไปยังสถานที่พักของตนเองที่ตั้งอยู่บนเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านนี้
![](/_next/image?url=%2Fimages%2Fguide_bg.png&w=1080&q=75)