ตอนที่2 บ้านเรือนไม้
เรือนบ้านไม้บนยอดเขาเด่นสง่าแสงจันท์สาดส่องสว่างลงมา เสียงลมพัดผ่าน ยอดไม้ ใบไม้เคลื่อนไปตามลม ความเงียบสงัดยามค่ำคืน ได้ยินแต่เสียงใบไม้พัดกระทบกัน อากาศเย็นสบายสดชื่น
ค่ำคืนนี้หญิงสาวสวมผมยาวใบหน้าขาวสวยออกมายืนตรงระเบียงบ้าน สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดหลายครั้ง ยื่นมือทั้งสองข้างจับราวระเบียงบ้าน เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์สักพักจนอิ่มใจ สายตาทอดมองทิวทัศน์ล้อมรอบด้วยยอดเขาแต่ละลูกที่อยู่ไกลออกไป แววตาสดใสเปล่งประกายความสงบสุข
หญิงสาวค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ไหวเอ็นไปด้านหลังหรี่ตาลง
" พี่น้ำขิงอุ่นๆค่ะ " วาวาพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆไป่เซยื่นน้ำขิงอุ่นๆไปให้พี่สาว
" ขอบใจ ทำไมยังไม่นอน " ไป๋เซรับน้ำขิงแล้วเอ่ยถามน้องสาว
" พี่ยังไม่นอนน้องจะหลับลงได้ไง "
วาวายิ้มน้ำเสียงของเธอช่างสดใสสมวัย
เธออายุ 17 ปี เป็นน้องสาวคนเล็กของไป่เซ สูง 160 เซน หน้าตาน่ารักใบหน้าเรียวเล็กตาเล็ก ตาเล็ก ผิวขาวใสมีน้ำมีนวล แต่หน้าไม่เหมือนไป่เซเลย
" อย่าเว่อร์ เธอนอนห้องเดียวกับฉันเหรอ "
ไป่เซเหล่มองวาวาด้วยหางตาแล้วมองไกลออกไปเหมือนเดิม
วาวาได้ยินพี่สาวพูดเช่นนั้นก็ยิ้มแล้วหันมามองหน้าพี่สาว
" พี่หนูจะจบแล้วแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเรียนต่อคณะไรดี "
ไป่เซหยิบน้ำขิงขึ้นมาดื่ม
" เธออยากทำอาชีพอะไรในอนาคต "
ไป่เซหันไปมองน้องสาวใบหน้าเรียบเฉยไม่มีความรู้สึกใดๆ
" อืม " วาวาเอามือยันใบหน้าตนเองครุ่นคิดอยู่สักพักก็ตอบไปว่า
" ไม่รู้ค่ะ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร "
ไป่เซวางน้ำขิงลงบนโต๊ะอย่างหมดอารมณ์คุยต่อแล้วพูดว่า
" อื่อ ไว้ถ้าเธอรู้ว่าอยากทำอาชีพอะไรในอนาคตค่อยมาปรึกษาแล้วกัน " " ฉันไปนอนละ ฝันดี ดับตะเกียนด้วยล่ะ "
พูดจบเธอก็ลุกขึ้นกลับไปที่ห้องตัวเอง
" พี่ เดี๋ยวพี่ " แม้เธอจะเรียกแต่พี่สาวก็ไม่ฟังเธอแล้วเธอทำหน้าเซ็ง บ่นต่อคนเดียว
" พี่ง่ะ นานๆทีได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน อุส่าออกมานั่งพูดคุยด้วยดันทิ้งให้อยู่คนเดียวซะงั้น เฮ้อ! " เธอถอนหายใจแรงอย่างเซ็ง จู่ๆก็เพิ่งนึกอะไรออก
" เออ นั่นไง กะจะถามไถ่เรื่องคุณปู่บุญธรรมของเธอสักหน่อย ลืมซะงั้น "
" วาวา ดึกแล้วกลับเข้ามานอนได้แล้วลูก " เสียงของแม่ดังมาจากในบ้าน
วาวาลุกขึ้นตอบรับทันที
" ค่ะแม่ กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ "
เดินไปดับตะเกียนแล้วกลับเข้าไป
เลขาเจียนั่งอยู่ข้างๆไป๋เจิ้งหลงและรายงานเรื่องต่างๆให้เขาฟังนอกเวลางานหรือเวลาปกติเจียผิงเหอจะเรียกไป๋เจิ้งหลงว่า เจิ้งหลงเฉยๆ
" คุณชาย สถานที่ที่คุณชายให้ติดต่อ อยู่ทางภาคเหนือของไทยครับเป็นถิ่นทุรกานดา ไม่มีไฟฟ้า การเดินทางลำบาก เป็นหมู่บ้านเล็กๆห่างไกลความเจริญมากๆ ตรงจุดที่อยู่ในรูปเป็นบ้านของคนในหมู่บ้านนั้นแหละครับ "
เจียผิงเหอพูดจบคอยสังเกตใบหน้าของไป๋เจิ้งหลง แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองพูดขนาดนี้แล้วสีหน้าของไป๋เจิ้งหลงจะยังเรียบเฉยและตอบกลับมาเพียงแค่
" อืม "
" คุณชายยังอยากจะไปอยู่อีกเหรอครับ "
" อืม "
" คุณชาย เปลี่ยนที่มั้ยตรงนี้ บรรยากาศก็ดี อยู่ทางภาคเหนือเหมือนกันตรงนี้ สิ่งอำนวยความสะดวกมีพร้อม วิวก็สวย และมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆสวยๆอีกหลายที่ไปครั้งเดียวคุ้ม "
เลขาเจียพรีเซนต์ สถานที่ท่องเที่ยวและพยายามโน้มน้าวไป๋เจิ้งหลงให้เปลี่ยนใจ
ไป๋เจิ้งหลงจิบไวท์แล้ววางลงบนโต๊ะหันไปมองเจียผิงเหอ
" ฉันเลือกแล้ว ฉันจะไปที่นั่น ไม่เปลี่ยนใจ ที่อื่นฉันไม่สน อ้อ! นายบอกว่าการเดินทางลำบาก นายประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมติดต่อเฮลิคอปเตอร์ให้ด้วย สองลำ เสร็จงานออกเดินทางทันที "
ไป๋เจิ้งหลงกล่าวออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
" ครับคุณชาย จะรีบไปจัดการให้ครับ "
เจียผิงเหอเตรียมตัวเดินออกไปไป๋เจิ้งหลงก็หยุดเขาไว้ก่อน
" อ้อ! ผิงเหอ แม่นายโทรมาบ้างมั้ย "
" ครับ โทรมาเมื่อกี้ ตอนอยู่ในงาน "
" ท่านว่าอย่างไรบ้าง ผิงเฟย เป็นยังไงบ้าง " ไป๋เจิ้งหลงถามอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อได้ข่าวทางนั้นโทรมาแจ้งข่าวการรักษา
" คนอะไรเปลี่ยนอารมณ์เร็วตามแทบไม่ทันเลยเห็นชัดว่าเมื่อกี้หงุดหงิดอยู่เวรกรรมมีเพื่อนเป็นคุณชายขี้โมโหอารมณ์แปรปรวนง่าย " เจียผิดเหอถอนหายใจแรง
" เฮ้อ! "
" ทำไมเหรอ ถอนหายใจทำไม ยังไม่ดีขึ้นเหรอ "
เมื่อไป๋เจิ้งหลงเห็นเจียผิงเหอถอนหายใจสีหน้าเขาก็เรียบเฉยเย็นชาทันที
" เปล่าหรอก ใกล้จะหายแล้วสภาพจิตใจก็ดีขึ้นตามด้วย หมอที่รักษาเขาเก่งมาก อีกสามถึงสี่เดือนใบหน้าหน้าจะกลับมาเป็นปกติและกลับมาบ้านได้แล้วละครับ "
" ดีๆ ดีแล้ว ถ้ากลับมาแล้วเราฉลองกัน "
ไป๋เจิ้งหลงได้ฟังที่เจียผิงเหอพูดก็แสดงความดีใจออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
แต่ความกังวลไปตกอยู่ที่เจียผิงเหอ
" เจิ้งหลง " ฉันมีเรื่องจะเตือนนายหน่อย "
เมื่อเข้าสู่ภาวะส่วนตัวการเรียกก็จะเป็นไปในรูปแบบเพื่อนทันที
" ว่ามา "
" ฉันกลัวผิงเฟยจะชอบนาย ฉันกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะเสียใจและฉันก็รับไม่ได้เวลาเห็นสภาพเขาเสียใจ เวลาเขาเจ็บฉันเจ็บยิ่งกว่า ฉันคิดว่าคุณพ่อคุณแม่เองก็คงไม่อยากเห็นผิงเห็นประสบกับความเสียใจสิ้นหวังอีกเช่นกัน
นายเป็นคนเพรียบพร้อมทุกอย่าง มีคนที่คู่ควรเหมาะสมมากมายเข้ามาในชีวิต นายหล่อ รวย ผู้หญิงทุกคนล้วนอยากจะเป็นคุณผู้หญิงของนายฉันไม่อยากเห็นน้องสาวตนเองต้องมาแย่งนายกับผู้หญิงคนอื่น
หวังว่าในจะเข้าใจตรงจุดนี้นะ "
" อืม! นายกลายเป็นคนขี้บ่นเหมือนผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ "
ไป๋เจิ้งหลงพูดกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดใจนิดๆของเขาแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ความความรู้สึกแบบนี้คืออะไร อกหัก ผิดหวัง หรือว่าเสียแต่ และเขาก็บอกไม่ได้ว่าความรู้สึกดีที่มีต่อเจียผิงเฟยนั้นคืออะไรเรียกว่ารักหรือเปล่า หรือว่าหลง ,ชอบ หรือว่าเอ็นดูหรือว่าผูกพันธ์แบบน้องสาว ตัวเขาเองก็สับสนอธิบายไม่ถูกเช่นกัน แต่ที่ชัดเจนคือเขาอยากปกป้องเจียผิงเฟย
" นายว่ายังไงล่ะ ฉันจริงจัง เท่าที่ฉันเห็นความสัมพันธ์ของนายกับผิงเฟยแค่พี่น้องกันนายอยากดูแลปกป้องเขาเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่สำหรับผิงเฟยฉันมองออกว่ามันมากกว่านั้น นายไม่ได้รักเธอฉันชู้สาว "
" เหรอ งั้นฉันต้องทำอย่างไร "
" นายต้องแสดงออกให้ชัดเจน พูดให้ชัดเจน แต่เนิ่นๆนี่แหละดี ถึงเขาจะเจ็บแต่ก็เจ็บไม่มากดีกว่าปล่อยให้ใจเขาถลำลึกเวลานั้นใจเขาอาจเจ็บปวดทรมาน นายเข้าใจตรงนี้ใช่มั้ย "
" ผิงเฟยไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้นที่นายเคยเล่นด้วย "
" อืมเข้าใจ ตกลงถ้าผิงเฟยกลับมาฉันจะบอกเขาว่าฉันเป็นพี่ชายอีกคนที่จะคอยปกป้องเขา "
" ไม่แบบนั้นมันยังดูคลุมเครืออยู่ นายต้องบอกเขาว่านายเป็นห่วงและเอ็นดูเขาเหมือนน้องสาวแท้ๆของตัวเอง แบบนี้มันชัดเจนกว่า "
" เค ได้ๆ "
พอเปิดใจคุยกับเจียผิงเหอไป๋เจิ้งหลงก็รู้สึกโล่งเข้าใจความรู้สึกของตนเองทันที ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อผิงเฟยนั้น คือน้องสาวเท่านั้นแต่เนื่องด้วยไม่ใช่พี่น้องแท้ๆเลยเกิดความสับสน
ขณะที่ทั้งสองมองออกไปด้านนอกก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังมาจากข้างหลังใกล้เข้ามาหาเขาทั้งสอง
" นั่นไง มาละ "
เจียผิงเหอกระซิบเบาๆเหล่หางตามองหน้าไป๋เจิงหลงยิ้มมุมปาก
" อ้าว! คุณไป๋ คุณเจีย คิดไม่ถึงว่าคุณสองคนก็ออกมาสูดอากาศข้างนอกเช่นกัน ไม่น่าล่ะในงานถึงไม่เห็นพวกคุณสองคน "
อันอันแสร้งทำเหมือนตกใจที่บังเอิญเจอสองคนนี้ที่นี่และยิ้มเข้าไปทัก
" เจียผิงเหอไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งใจมาอ่อยไป๋เจิ้งหลง เมื่อกวางน้อยออกมาล่อเสือเองถึงปากถ้ำ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปก็แล้วแต่ไป๋เจิ้งหลงแล้วว่าจะจัดการตัวเองยังไง คิดเช่นนั้นเจียผิงเหอก็ขอตัวออกไปอย่างมีมารยาท "
ก่อนออกไปเจียผิงเหอกระซิบข้างไป๋เจิ้งหลงว่า
" ฮึ!จะคอยดูว่านายจะต้านทานกวางน้อยตัวนี้ได้นานแค่ไหน " เจียผิงเหอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ไป๋เจิ้งหลงยิ้มตอบอย่างเจ้าเล่ห์
" ฮึ ถ้าต้านไม่ไหวก็จับกินสดๆเลยสิ "
จากนั้นเจียผิงก็ถอยออกมาพูดว่า
" ผมขอตัวก่อนนะครับ "
ไป๋เจิ้งหลงหันมาตอบสั้นๆ
" อืม "
" มาขัดจังหวะคุณคุยธุระหรือเปล่าคะ "
อันอันถามน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อยเบาๆ
" ไม่เลยครับ กำลังคุยเสร็จพอดีครับ "
อันอันค่อยๆเข้ามาใกล้ไป๋เจิ้งหลงอ่อยเนียนๆ
ไป๋เจิ้งหลงไม่ใช่คนโง่เคยผ่านผู้หญิงมาเยอะหลายรูปแบบเรียกได้ว่าเป็นเสือผู้หญิงที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยมีหรือจะไม่รู้นิสัยผู้หญิงที่เข้ามาแต่ละคนแต่ละรูปแบบแบบไหนเรียกอ่อยแบบไหนเรียกเสนอตัว
ไป๋เจิ้งหลงกระดกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล
ใบหน้าขาวสวย ปากเซ็กซีฉ่ำวาว แก้มชมพูระเรื่อด้วยบรัชออน ค่อยๆใกล้เข้ามา แบบนี้เรียกอ่อยชัดๆ
" ตรงนี้วิวสวยจังเลยนะคะ ลมเย็นดี "
อันอันพูดหลังผิวราวระเบียง
" ครับ คุณอันเบื่อในงานแล้วเหรอครับถึงออกมาสูดอากาศข้างนอก "
" ค่ะเบื่อแล้ว นั่งรอคุณพ่อคุยกับเพื่อนๆไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินออกมาแก้เบื่อน่ะค่ะ "
" คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณที่นี่ "
"อ่อ ครับ ตอนนี้ผู้คนในงานคงจะกลับออกไปกันแล้ว ขอตัวนะครับ "
ไป๋เจิ้งหลงกำลังจะเดินออกไปอันอันจากตอนแรกหลังพิงราวระเบียงก็ยันกายพลิกไปทางไป๋เจิ้งหลงแสร้งทำเป็นรองเท้าพลิกแกล้งล้มไปทางไป๋เจิ้งหลงอกแนบอกจะเกิดอะไรขึ้นจังหวะที่ไป๋เจิ้งหลงรับตัวเขานั้นอันอันก็ทำแก้วไวท์หกใส่เสื้อ
อันอันจ้องตาไป๋เจิ้งหลงดวงตาประกายแวววาว ใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตร ดวงตาคมเข้มลุ่มลึกน่าหลงไหลคู่นั้นอันอันรู้สึกเหมือนตนเองต้องมนต์สะกดริมฝีปากเซ็กซี่ได้รูปของผู้ชายคนนี้ยากที่จะทำให้คนห้ามใจไหว มืออันอันค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจับท้ายทอยเขย่งเท่าจูบริมฝีปากของไป๋เจิ้งหลง
มีหรือไป๋เจิ้งหลงจะปฏิเสธจูบตอบอย่างดูดดื่มร้อนแรงไม่เว้นจังหวะให้อันอันได้หายใจดันอันอันเข้าไปชิดกำแพงในที่ลับตาคนแล้วก้มลงจูบต่อท่าทางที่เย้ายวนริมฝีปากนุ่มของอันๆทำให้ไป๋เจิ้งหลงเกือบขาดสติ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งสองคนไป๋เจิ้งหลงได้สติก็หยุดอันอันผลักเธอออกไปทันที แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นเจียผิงเหอโทรมาก็กดรับทันทีแล้วพูดว่า
" มีอะไร "
น้ำเสียของไป๋เจิ้งหลงหงุดหงิดเล็กน้อย
เสียงปลายสายก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า
" ฉันโทรมาขัดจังหวะนายหรือเปล่า เจิ้งหลง "
..............
ปลายสายเงียบไม่ตอบ
" ในฐานะเลขาฉันแค่จะโทรมาเตือนให้นายมีสติ นายจะเลยเถิดกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ " เจียผิงเหอกล่าว
" แล้วไง "
ไป๋เจิ้งหลงเหมือนจะไม่แคร์ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเจียผิงเหอ
" แล้วไงงั้นเหรอ ? หรือนายอยากจะผูกมัดกับผู้หญิงคนนั้นอยากให้คุณหนูอันอันคนสวยโปรยเสน่ห์เป็นคุณผู้หญิงไป๋ของนายงั้ยเหรอ คุณหนูอันอันไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ถ้านายมีอะไรกับเขาคิดเหรอว่าเขาจะปล่อยนายไป ชีวิตนายก็จะวุ่นวาย ฉันเตือนนายแค่นี้แหละ ฉันทำตามคำสั่งของท่านประธานใหญ่ "
ก่อนหน้านี้คุณปู่ไป๋กำชับกับเลขาเจียว่า
" ผิงเหอ ในฐานะที่เป็นทั้งเพื่อนและเลขาให้คอยระวังเรื่องผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของไป๋เจิ้งหลงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับงานของบริษัทและไม่เกิดข้อผูกมัดเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ "
" ครับท่านประธานใหญ่ " เจียผิงเหอตอบ
ปลายสายตอบกลับเพียง
" อืม "
หลังจากวางสายไป๋เจิ้งหลงก็เดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจอันอันที่ไม่พอใจอยู่ในขณะนั้น
ด้านคุณไปู่ไป๋ คุณปู่ไป๋ เป็นห่วงไป๋เจิ้งหลงที่มีนิสัยเอาแต่ใจกลัวว่าความเอาแต่ใจของเขาที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นนั้นจะนำมาซึ่งปัญหาที่คาดไม่ถึงในอนาคต
หลังจากวางสายของเจียผิงเหอ คุณปู่ไป๋ก็ขึ้นมานอนบนเตียงนอนโดยมีเลขาคนสนิทอย่าง จินเฉิง คอยดูแลอยู่ข้างๆ
" อาหลงนะอาหลง อายุตั้ง28 แล้วคิดไม่ได้สักทีชอบทำให้คนแก่ๆอย่างฉันเป็นห่วงเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนอาอวี้เฟิ่งเลย "
(ชื่อจีนของไป่เซที่คุณปู่ทวดตั้งให้)(อวี้ เฟิ่ง แปลว่า หยก หงส์ ความหมายที่คุณปู่ทวดตั้งให้ คือ แข็งแกร่งดั่งหยก สงยสง่าดั่งหงส์ : ชื่อนี้ได้ตอนที่คุณปู่ทวดนั่งดูไป่เซฝึกวิชากระบี๋ ฝึกวรยุทย์ การต่อสู้ ฝึกกำลังภายใน ฝึกวิชาตัวเบา ฝึกสมาธิ ในระยะเวลาไม่ถึง10ปี้็
เด็กคนนี้สามารถฝึกได้จนเก่งกาจเป็นพรสวรรค์ มองจากภายนอกไม่ออกว่าภายในนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน เพราะร่างเล็กเพรียวบางหน้าตาสะสวยงดงามนั้นน่าถนุถนอมต่อผู้พบเห็นในความนิ่งเงียบดูเย่อหยิ่งสูงส่งสง่างาม )
" ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง ซ้ำยังทำให้ฉันภูมิใจในตัวเขามากๆอีกด้วย " คุณปู่กล่าว
" ท่านประธานใหญ่อย่าตำหนิคุณชายเลยครับ คุณหนูอวี้เฟิ่งชีวิตเขาต่างกับคุณชายคุณชายเกิดมาเพรียบพร้อมทุกสิ่งแต่คุณหนูอวี้เฟิ่งชาติกำเนิดเขาไม่ดีเป็นบุญของเขาที่ได้ท่านอุปการะเลี้ยงดูเมื่อมีโอกาสเขาจึงทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อให้ตนเองประสบความสำเร็จและทำเพื่อผู้มีพระคุณต่อเขาเช่นท่านถือเป็นสิ่งที่สมควรแล้วล่ะครับ "
จินเฉิงกล่าว จินเฉิงเป็นคนหนึ่งที่รักและเอ็นดูไป่เซเอามากๆชื่นชมในความเก่งรอบด้านของไป่เซเสมอ
ไป๋เทียนหลงค่อยๆเอนหลังนอนลงจินเฉิงค่อยๆปรับเตียงนอนให้เขาให้อยู่ในระดับที่หลับสบายที่สุด จากนั้นจินเฉิงก็ไปปิดไฟในห้องมืดสนิทลง
ประประชุมในตอนเช้า
" โครงการแลกเปลี่ยนภาษาไทย-จีน ของพนักงานบริษัทดำเนินการเรียบร้อยแล้วและประสบความสำเร็จพนักงานจำนวนมากที่เข้าร่วมโครงการนี้หลังผ่านโครงการแลกเปลี่ยนภาษาพนักงานสื่อสารกันเข้าใจมากขึ้นง่ายต่อการแลกเปลี่ยนคุยงานของพนักงานบริษัท เข้าใจการทำงานพนักงานบริษัททั้งสองประเทศเรียนรู้การทำงานในระบบร่วมกันได้เกิดความสามัคคีให้ความร่วมมือช่วยกันต่อยอดพัฒนางานของบริษัทให้ก้าวหน้าและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันค่ะ "
หัวหน้าแผนกรายงาน
การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในไทยมีหลายบริษัทใหญ่เข้ามาเซ็นสัญญารับซื้อและให้การสนับสนุนสินค้าของทางบริษัทได้รับการยอมรับเป็นที่นิยมในตลาดยอดขายทะลุเป้าที่บริษัทตั้งไว้เป็นการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของแบรนด์PLของบริษัทครับ
การสรุปงานแต่ละแผนกดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนถึงคนสุดท้ายจบลง
" บริษัทไป๋หลงกรุ๊ปแห่งประเทศไทย ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจขอบคุณขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือทุ่มเทใก้กับบริษัทวันนี้ปิดประชุมแค่นี้ครับ "
ไป๋เจิ้งหลงกล่าวปิดการประชุมเสร็จก็ลุกออกไปจากห้องประชุมทันที
พ่อบ้านให้คนเตรียมกระเป๋าของคุณชายและของเป๋าของเลขาเจีย
" กล่องยา ของใช้ส่วนตัวของใช้จำเป็นของคุณชายครบหมดแล้วใช่มั้ย " พ่อบ้านหวังถาม
" เตรียมครบแล้วครับ "
" งั้นก็ยกไปไว้หลังรถเลยแล้วกัน สักพักคุณชายก็ลงมาแล้ว "
" ครับ "
จัดการงานเรียบร้อย อาหารเช้าถูกเตรียมไว้บนโต๊ะแล้ว พ่อบ้านก็เดินขึ้นไปชั้นสอง เคาะประตู
" ก๊อกๆๆ "
" เสียงตอบรับดังมาจากข้างในห้อง
ประตูไม่ได้ล๊อค " ไป๋เจิ้งหลงพูด
พ่อบ้านแง้ประตูเข้ามายืนหน้าประตู
" คุณชายครับอาหารเช้าเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ "
" อืม เดี๋ยวลงไป "
พ่อบ้านไปออกจากห้องปิดประตูลงเดินไปเคาะประตูห้องเจียผิงเหอ
" คุณเจียครับอาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วครับ "
" ครับเดี๋ยวผมตามไปครับ "
เจียผิงเหอเดินไปเคาะประตู้ห้องไป๋เจิ้งหลง
" เข้ามา "
" เฮลิคอปเตอร์สองลำพร้อมแล้วครับ ท่านประธานหนุ่มหล่อพร้อมหรือยังครับ " ไป๋เจิ้งหลงหันไปมองหน้าเจียผิงเหอผุดยิ้มเยาะขึ้นที่มุมปาก
" เลขาเจียสุดหล่อละครับทำใจยอมรับได้แล้วหรือยัง "
" เจิ้งหลง นายไม่ต้องเลย เร็วๆ "
" ฮ่าาา ไปๆๆๆ "
ไป๋เจิ้งหลงหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเจียผิงเหอเขารู้ดีว่าเจียผิงเหอไม่อยากไป
ทั้งสองลงไปทานอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทาง ลงจากเครื่อง นั่งรถไปจนถึงที่หมายก็ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังจุดหมายปลายทางของพวกเขา
คนขับเฮลิคอปเตอร์ ขนสัมภาระลง แล้วนำทางทั้งสี่คนไปยังที่พัก มาถึงจินฟาและจินซา ช่วยกันกางเต้นท์ เจียผิงเหอเดินไปหาคนขับเฮลิคอปเตอร์
" ท่านประธานจะพักอยู่ที่นี่ห้าวัน ขอพวกคุณช่วยปิดบังฐานะของท่านประธานระหว่างที่พักผ่อนอยู่บนดอย
นี้ด้วย หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือ "
เจียผิงเหอกล่าว
" ได้ครับ คุณเจียไม่ต้องห่วงครับพวกเรารับปาก อ้อ! คุณเจียสถานที่ที่คุณให้สืบ เป็นบ้านของชาวบ้านที่ชื่อนายเส่อกับนางแปะ ทางเราได้ติดต่อให้แล้วนะแต่ว่าคุณจะเข้าได้เฉพาะบ้านในหมู่บ้านนี้เท่านั้นครับ "
" กิจกรรมหลักคือเรียนรู้วิถีชีวิตสัมผัสการใช้ชีวิตแบบชนเผ่าปาเกอญอบนดอยครับ "
พูดจบคนขับฮอร์ลก็ยื่นตารางกิจกรรมในแต่ละวันให้เจียผิงเหอ
เจียผิงเหอมองดูกิจกรรมแต่ละวันเขาตกใจเบิกตากว้าง สักพักใบหน้าก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
" เขาคิดในใจเจิ้งหลงนะเจิ้งหลงอยู่ดีไม่ว่าดี อยากมาพักผ่อนเที่ยวชมธรรมชาติบนดอย สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายอันมีเอกลักษณ์ของที่นี่นักนะ สมน้ำหน้าเขาหรือสงสารตัวเองดี "
คิดถึงตรงนี้รอยยิ้งค่อยๆหุบกลับเข้าไปดังเดิมแล้วถอนหายใจแรงๆหนึ่งที
" เฮ้อ "
ในใบกิจกรรม
วันที่ 1 ไปทำงานในไร่
กลับมา ตำข้าว(ญ่อบือ)
ผ่าฟืนไว้ในในการหุงข้าวตอนเย็นต้องผ่ามากพอถึงตอนเช้าด้วย สุดท้ายอาบน้ำซักผ้าของตัวเอง แล้วทานข้าวอาหารท้องถิ่น
วันที่ 2
ตื่นตี 3 บังคับ ตอนเช้าให้อาหารหมูให้อาหารไก่ ไปเก็บพริกเก็บผักเก็บฟักทองในสวน ข้าวโพด ผักชี แตงกวา โหระพา กะเพราและผักอื่นๆอีกมากมาย (สวนครัว) ที่ปลูกผักสวนครัวจะนินมทำใกล้หรือติดกับไร่ที่ปลูกข้าว เอาไว้ปลูกผักสวนครัวเท่านั้น ช่วยกันแบกกลับมาคนละ10 กิโล (แตงกวาดอยลูกใหญ่ลูกหนึ่งก็หลายโลแล้วฟักทองก็หนัก)กลับมาถึง อาบน้ำ ซักผ้าตัวเองทานข้าว ช่วงบ่ายให้พักผ่อน
วันที่ 3 เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในป่าอยู่กับธรรมชาติ
ตื่นตี3 บังคับ
ฟ้าสว่าง ไปทอดแหในลำธาร เที่ยงหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ ใช้ใบตองแทนจาน ใช้เฉพาะช้อนที่ทำจากไม้ไผ่
วันที่ 4 เชฟเมนูบ้าน
ทำอาหารท้องถิ่นของชาวปาเกอญอ ตอนเช้า ทำแกงเบ๊อะ แกงเย็น น้ำพริก ช่วงบ่าย ทำขนมบัวลอยน้ำผึ้งพระจัทร์ และโก๊ะเชะโซ คือเตรียมแป้งไว้ น้ำสะอาดที่เตรียมไว้ใส่เกือบนิดหน่อยหรือน้ำตาลทรายก็ได้ให้ละลายแล้วเทลงบนแป้งที่เตรียมไว้นวดแป้งให้ได้ที่แล้วปั้นเป็นรูปทรงต่างๆแล้วนำมาทอดกรอบ นิยมทำในงานมงคลถือว่าแป้งนะขาวบริสุทธิ์เกลือให้รสชาติและขาวบริสุทธิ์เช่นกัน
วันที่ 5 วันผักผ่อนหย่อนใจ
ตื่นสายได้ จะไม่มีการรบกวนแต่ต้องทำกับข้าวหุงข้าวกินเอง ทำไม่เป็นอด