บทที่ 4 ชีวิตใหม่
นับตั้งแต่วันนั้นที่ตื่นขึ้นมาในร่างของจางจินเยว่ในยุคจีนโบราณ จางจินเยว่ก็กลายเป็นคนใหม่ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ใครต่อใครมากนักด้วยความที่ทุกคนต่างคิดว่าเธอความจำเสื่อมจากการพลัดตกน้ำแล้วหมดสติไปเป็นเวลาหลายวัน
ถึงแม้การที่จางจินเยว่จะพึ่งมาอยู่ที่นี่แต่เธอก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเพราะเธอมีบันทึกประจำวันของจางจินเยว่ที่มอบชีวิตให้เธอนั้นเป็นคู่มือการใช้ชีวิต และนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากที่เธอเองก็สามารถเล่นเครื่องดนตรีโบราณได้หลายชนิดเนื่องจากโลกที่เธอจากมานั้นมีวิชาเรียนเสริมและเธอเองเลือกลงวิชาดนตรีโบราณ
เด็กสาวค่อย ๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป กิจวัตรประจำวันของเธอไม่ได้มีอะไรมากนัก นอกจากอ่านหนังสืออยู่ในห้องบ้าง ออกไปช่วยท่านแม่จัดดอกไม้บ้าง หรือบางครั้งก็เล่นดนตรีให้เหล่าลูก ๆ ของนางกำนัลฟังบ้าง และด้วยความที่เถ้าแก่จางกับนายหญิงจางนั้นยังไม่มั่นใจในสุขภาพกายของลูกสาวของตนเท่าใดนักจึงยังไม่อนุญาตให้ออกนอกบ้าน
"พี่เจียวเหม่ย ข้าอยากออกไปข้างนอกบ้าง ข้าเบื่อ"
จางจินเยว่พูดขึ้นขณะนั่งปักผ้าอยู่กับพี่เลี้ยง เธอคิดว่าตัวเองปักได้ไม่ดีนักเพราะพี่เลี้ยงมักจะปลอบใจเธอเสมอว่าค่อย ๆ เรียนรู้ใหม่ถึงแม้ว่าความทรงจำด้านการปักผ้าจะไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร
"คงต้องรอเถ้าแก่กับนายหญิงกลับมาก่อนเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นคุณหนูค่อยขออนุญาตดูนะเจ้าคะ"
เจียวเหม่ยตอบคุณหนูของตนอย่างสงสาร พี่เลี้ยงสาวมั่นใจว่าคุณหนูของตัวเองร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก มากกว่าตอนตกน้ำเสียอีก แถมยังเจริญอาหาร และตอนนี้ก็แลดูมีน้ำมีนวล แก้มมีสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีแล้วด้วยซ้ำเพราะเธอเป็นคนที่ได้ดูแลคลุกคลีใกล้ชิดกับคุณหนูมากที่สุดในบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้
"เอางั้นก็ได้ค่ะ"
จางจินเยว่ตอบออกมาเสียงอ่อย เธอนั่งนับวันรอให้ท่านพ่อกับท่านแม่กลับมาทุกวัน เพราะด้วยความที่ที่เธอจากมาไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกเลยสักครั้ง เมื่อได้ลองใช้ชีวิตที่มีทั้งพ่อและแม่พร้อมหน้าเธอมีความสุขยิ่งนัก
วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์เถ้าแก่กับฮูหยินจางที่ไปติดต่อค้าขายกับเมืองข้าง ๆ ก็กลับมาเมื่อการเปิดร้านขายผ้าไหมที่นั่นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
เมื่อจินเยว่ที่กำลังเล่นอยู่กับเด็ก ๆ ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับท่านทั้งสองทันที
"ท่านพ่อ ท่านแม่"
เด็กสาวตะโกนขณะที่กำลังวิ่งออกจาก ประตูกั้นเรือนด้านในออกมายังลานหน้าบ้าน ใบหน้าขาวยิ้มแย้มอย่างดีใจที่เห็นพ่อกับแม่กลับมาหาก่อนจะโผเข้ากอดท่านแม่อย่างคิดถึง
"เบา ๆ หน่อยสิลูก วิ่งออกแรงเยอะแบบนี้เดี๋ยวเจ้าก็ไม่สบายอีกหรอก"
"ข้าแข็งแรงดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่มีอาการหน้ามืดเลยสักครั้งตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมา"
เถ้าแก่จางกับฮูหยินจางยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อได้ยินลูกสาวพูดอย่างนั้น ก่อนจะหันไปถามเจียวเหม่ยที่ตอนนี้กำลังเดินออกมาตามคุณหนู เมื่อรู้ว่าแอบวิ่งออกมาหาเถ้าแก่กับนายหญิง
"คุณหนูแข็งแรงดีแล้วเจ้าค่ะ กินข้าวได้มากกว่าแต่ก่อนด้วยเจ้าค่ะ" เจียวเหม่ยตอบเถ้าแก่ก่อนจะแอบหันไปยิ้มกับคุณหนูที่แอบยกนิ้วโป้งให้เธอขณะที่ยังคงกอดนายหญิงอยู่
"อย่างนั้นรึ ได้ยินแบบนี้พ่อค่อยสบายใจหน่อย"
เมื่อเด็กสาวกอดพ่อกับแม่จนพอใจแล้ว เถ้าแก่จางก็ชวนทุกคนเข้าบ้านเพื่อที่คนงานจะได้เก็บของสัมภาระต่าง ๆ รวมไปถึงเกวียนที่นั่งให้เรียบร้อย
ขณะที่ทั้งสามกำลังกินข้าวกันอยู่นั้น เถ้าแก่กับนายหญิงจางก็พูดคุยกันเรื่องที่พรุ่งนี้จะต้องเข้าไปตรวจบัญชีที่ร้านในตลาด จางจินเยว่ได้ยินดังนั้นหูผึ่งทันที
"พรุ่งนี้ข้าต้องไปหาอาหลี่สักหน่อย ฝากน้องหญิงเข้าไปตรวจบัญชีที่ร้านใหญ่ในตลาดได้หรือมั้ย"
"ได้สิเจ้าคะท่านพี่ แล้วท่านพี่หลี่กลับมาที่จวนหรือเจ้าคะ"
"ใช่ ได้ข่าวว่าจะมามอบรางวัลให้จางหมิ่นน่ะ"
"อ้อ งั้นเดี๋ยวน้องเตรียมผ้าไหมเป็นรางวัลให้กับจางหมิ่นฝากท่านพี่ไปด้วยนะเจ้าคะ"
"ได้สิ มีอะไรหรือลูก จินเยว่"
เถ้าแก่จางหันมาถามลูกสาวที่ตอนแรกกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยแต่ตอนนี้หยุดกินเสียดื้อ ๆ แล้วกำลังมองมาที่เขาและภรรยาอย่างสนอกสนใจ
"เอ่อ พรุ่งนี้ข้าขอไปตลาดกับท่านแม่ได้หรือไม่เจ้าคะ"
จางจินเยว่รีบขอร้องท่านพ่อทันทีด้วยความกลัวว่าโอกาสงามในการออกจากบ้านจะหลุดลอยไป ตอนนี้เธอเบื่ออยู่บ้านเต็มทนอยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว
"อืม แม่ว่าลูกพักผ่อนอีกหน่อยดีมั้ย แม่กลัวเจ้าจะไม่สบายอีก"
"ตอนนี้ข้าสบายดีแล้วนะเจ้าคะ ข้าเจริญอาหารมาก แถมพี่เจียวเหม่ยก็บอกว่าข้ามีแก้มเลือดฝาดแล้วก็แสดงว่าข้าแข็งแรงแล้วน่ะสิเจ้าคะท่านแม่"
เมื่อได้ยินลูกสาวพูดเช่นนั้นทั้งสองจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ด้วยความรู้สึกว่านับแต่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวนี้ฟื้นขึ้นมาก็แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อก่อนลูกคนนี้มักจะไม่ค่อยพูดเท่าใดนัก ค่อนข้างจะเก็บตัวน้อยครั้งที่จะแสดงอากัปกิริยาออดอ้อนพ่อกับแม่ หรือแม้แต่การเล่นกับบรรดาลูกของคนใช้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้อาจจะเนื่องด้วยเมื่อก่อนเธอป่วยและไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงจะทำอะไร ทั้งสองคนดีใจนักที่เห็นลูกสาวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขนาดนี้ และยังเบาใจได้มากที่เห็นลูกสาวมีชีวิตชีวา แข็งแรง
"ท่านพี่ว่ายังไงคะ ให้ลูกไปกับข้าได้หรือไม่" เมื่อโดนกดดันทางสายตาจากบุคคลซึ่งเป็นที่รักทั้งสองเถ้าแก่จางจึงยอมอนุญาตอย่างเสียไม่ได้
"ก็ได้ ๆ "
"เย้ ขอบคุณค่ะท่านพ่อ ท่านแม่"จางจินเยว่ร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะรีบคีบน่องไก่ตรงหน้าไปวางที่ถ้วยของพ่อกับแม่อย่างเอาใจ
"แต่มีข้อแม้ลูกต้องอยู่ข้างกายแม่ของเจ้าตลอดนะ" เถ้าแก่จางกำชับ
"เจ้าค่ะ รับรองเลยว่าข้าจะเกาะติดท่านแม่จนกว่าจะถึงบ้านเลยเจ้าค่ะ" จางจินเยว่รีบตอบท่านพ่อด้วยกลัวท่านจะเปลี่ยนใจ
ทั้งสามคนนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะทำเอาเหล่าบรรดาคนใช้ก็มีความสุขไปด้วยเหมือนเป็นสัญญาณว่านับจากนี้บ้านหลังนี้จะมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น และทุกคนก็จะไม่ต้องเศร้าใจอะไรอีกต่อไปด้วยที่แก้วตาดวงใจของผู้นำของบ้านได้ฟื้นขึ้นมา พร้อมกับสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับทุกคนแบบนี้