บทที่ 3
เจ้าของเรือนร่างบอบบางจนแทบจะปลิวไปตามลมยกมือขึ้นมากระชับเสื้อแจ็กเกตที่ตัวเองสวมอยู่เข้าหากัน เพื่อปกป้องตัวเองจากความหนาวเหน็บทันทีที่เธอเดินเข้าไปภายในอาณาเขตของม่านหมอกสีทึบตอนกลางวันแสกๆ ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่ตรงนี้ 'ไม่ธรรมดา'
"คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองลูกด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
เสียงอธิษฐานบอกกล่าวพึมพำของคนที่กำลังก้าวเท้าไปตามทางเดินดังขึ้น ขณะที่สองมือของคนพูดยกขึ้นมาไหว้เหนือหัวด้วยท่าทางน่าขบขัน ทว่าสถานการณ์แบบนี้มันน่าร้องไห้มากกว่าหัวเราะซะอีก
ดวงตาคู่สวยที่มีประกายสดใสอยู่ข้างในกวาดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ท้ายไร่ชิดตะวัน
"หูยย...ย บ้านอาจารย์สวยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย น่าอยู่ชะมัด" หญิงสาวพึมพำด้วยความชื่นชม เพราะสไตล์การตกแต่งของบ้านหลังใหญ่คล้ายคลึงกับบ้านเรือนไทยสไตล์ล้านนาที่เธอเคยเห็นในภาพถ่ายแทบทุกกระเบียดนิ้ว
ชารีณไม่สามารถหยุดเท้าของตัวเองที่กำลังก้าวออกไปข้างหน้าได้ เพราะเธอรู้สึกราวกับว่าบ้านหลังนี้กำลังร้องเรียกให้เธอเดินเข้าไปหามัน ทว่า...
หมับ!
ไหล่มนถูกอะไรบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้แน่น หลังจากที่เธอพึ่งออกตัวเดินไปได้เพียงห้าก้าว และน้ำหนักที่กดลงมาบนไหล่ก็ทำเอาร่างบางถึงกับแข็งเกร็งด้วยความหวาดกลัว
ชารีณตัดสินใจประนมมือขึ้นมาเหนือหัวด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน แล้วเอ่ยขอขมาเป็นการใหญ่ราวกับไก่ตื่น
"โอ๊ยย! หากลูกช้างกระทำการสิ่งใดลบหลู่ท่าน ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ลูกช้างไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน ลูกช้างพึ่งมาอยู่วันนี้วันแรก หากทำสิ่งใดผิดพลาดล่วงเกินท่านไป อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองลูกช้างเลยนะเจ้าคะ"
อะแฮ่ม!
เสียงกระแอมไอดังขึ้นมาทันทีที่เธอพูดจบ ทว่าดวงตาคู่สวยกลับหลับปี๋ เพราะกลัวว่าจะลืมตาขึ้นมา แล้วเจอเข้ากับภาพหน้าตาสยดสยองแบบที่เธอกลัวนักกลัวหนา
"ขะ ขะ ขอร้องล่ะค่ะ อย่ามาหลอกมาหลอนลูกช้างเลยนะเจ้าคะ กลัวแล้วเจ้าค่ะ กลัวแล้ว"
"นี่..."
เสียงทุ้มที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของคนพูดดังขึ้นข้างหู แต่มันกลับทำให้ไหล่เล็กยิ่งลู่ลงหนักกว่าเดิม จนร่างบางแทบจะหดตัวเหลือเท่ากระดาษเอสี่
"น่ะ น่ะ หนู หนูลาล่ะค่ะ"
ว่าจบชารีณก็รีบหลับหูหลับตาขยับตัวออกมาจากมือหนาที่เหนี่ยวรั้งไหล่เล็กของตัวเองเอาไว้ แต่...
"เดี๋ยว! "
เสียงดุดังขึ้นพร้อมกับแรงเหนี่ยวรั้งที่ไหล่มน
"กรี๊ดด... อุ๊บ! "
ริมฝีปากที่กำลังกรีดร้องถูกมือหนาอีกข้างเอื้อมมาปิดเอาไว้แน่น ก่อนที่คนข้างหลังจะดึงรั้งเรือนร่างบอบบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน
และเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอาแต่หลับตาแน่น ราวกับว่าไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเนือยๆ
"ลืมตาเดี๋ยวนี้ ผมไม่ใช่ผี"
น้ำเสียงที่เจือแววดันดุคล้ายครูฝ่ายปกครองส่งผลให้คนฟังมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาตามไรผม แต่คำพูดของเขาที่บอกว่า 'ผมไม่ใช่ผี' ก็ทำให้เธอเบาใจลงได้อีกหน่อย
เอ๊ะ! แล้วถ้าผีโกหกว่าไม่ใช่ผีล่ะ