บทที่ 2
สองร่างของนักศึกษาสาวเดินหอบหิ้วสัมภาระไปตามทางเดินซีเมนต์ที่คดเคี้ยวไปมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งถึงที่พัก
"ขาดเหลืออะไรก็บอกนะคะ"
พนักงานที่นำทางมายังที่พักหันมาบอกทั้งคู่ ก่อนจะใช้กุญแจดอกเล็กในมือไขประตูไม้สีขาวเข้าไปข้างใน
แอ๊ด~
ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อก็โชยออกมาจากห้อง จนคนที่ไม่ชอบกินของโรงพยาบาลอย่างชารีณต้องยกมือขึ้นมาบีบจมูกตัวเองเอาไว้ แล้วหายใจทางปากแทน
"ขอโทษด้วยนะคะ พอดีบ้านนี้ไม่ค่อยมีคนมาพัก พอจะทำความสะอาดทีก็เลย..."
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ" เมรารีบบอกคนตรงหน้าแทนเพื่อน เนื่องจากรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายไม่ชอบกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อที่คล้ายคลึงกับกลิ่นของโรงพยาบาลเพราะอะไร
"ถ้าอย่างนั้นฉันส่งพวกคุณแค่นี้นะคะ" คนงานคนเดิมว่า
"ค่ะ" เมราบอก แล้วกวักมือหยอยๆ พร้อมเรียกคนที่กำลังจะเดินจากไปเสียงดังลั่น "เดี๋ยวค่ะพี่ พี่ชื่ออะไรคะ"
คนโดนถามหันมาระบายรอยยิ้มกว้าง แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่เป็นมิตร "ฉันชื่อทิพย์ค่ะ มีอะไรขาดเหลือก็บอกได้เลยนะคะ"
"ขอบคุณนะคะพี่ทิพย์" ชารีณเอ่ยขึ้น หลังจากที่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเริ่มเจือจางลงบ้างแล้ว
"ไม่เป็นไรค่ะ"
หลังจากที่แก้วทิพย์เดินจากไปแล้ว สองสาวก็รีบขนสัมภาระเข้าไปในห้องพัก โดยที่สีหน้าของคนมีสัมผัสพิเศษเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนอดถามไม่ได้
"แกเป็นอะไรชา"
"เปล่า"
"แล้วเรื่อง..." เมราเอ่ยค้างไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากพูดคำว่า 'ผี' ออกมาแม้แต่ครั้งเดียว
"เดี๋ยวฉันกลับมาเล่าให้ฟัง" ร่างบางเอ่ย และลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่ตนนั่งพักอยู่ก่อนหน้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
"เฮ้ย! แล้วนั่นแกจะไปไหนน่ะ"
"ฉันอยากออกไปพิสูจน์อะไรสักหน่อยน่ะ" ชารีณตอบกำกวม แต่รู้ว่าเพื่อนเข้าใจความหมายของประโยคเมื่อสักครู่นี้ดี
"นี่แกจะบ้าเรอะ!? "
คนที่ตั้งใจจะออกไปหาต้นทางของแรงอาฆาตที่ตนสัมผัสได้ขมวดคิ้วมุ่น เพราะปกติแล้วเพื่อนรักไม่เคยห้าม แถมยังทำท่ากลัวจะเป็นจะตายอีกต่างหาก
"เราอยู่ต่างที่นะยะ แกจะมาเดินสำรวจสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เกิดแกเป็นอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไง" เมราทวงเสียงเครียด
"ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่จะออกไปดูเฉยๆ เอง ถ้าฉันแกล้งไม่รู้ไม่เห็นอะไร มันก็ไม่มีอะไรหรอกน่า แกรีบเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เถอะ เดี๋ยวฉันกลับมาแล้วพวกเราค่อยไปสำรวจไร่ด้วยกัน"
"แต่ว่าฉัน..."
"แกยังไม่ได้โทรบอกพี่ภูมิเลยนี่ ว่าแกมาถึงแล้ว ป่านนี้แฟนแกนั่งเฝ้าโทรศัพท์จนไม่เป็นอันทำอะไรแล้วมั้ง" ชารีณบอกกลั้วหัวเราะ ทำให้เธอถูกคู่สนทนาเหวี่ยงค้อนมาให้วงใหญ่
"ไม่ขนาดนั้นหรอกย่ะ! "
"อ้อเหรอ ก็ฉันเห็นเขาคอยโทรมาถามไถ่แกทุกชั่วโมงแบบนี้ ฉันก็คิดว่าเขานั่งเฝ้าโทรศัพท์อยู่ซะอีก"
คนโดนแซวหน้าขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเคอะเขิน แล้วรีบออกปากไล่เพื่อนทันควัน
"ถ้าจะล้อฉันขนาดนี้ แกจะไปไหนก็ไปเลยย่ะ เชิญ! "
ชารีณหัวเราะร่า ก่อนจะไว้ไหล่ให้เพื่อนอย่ายียวน แล้วเปิดประตูออกไป โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะตามหาต้นตอของพลังงานลี้ลับให้ได้ ด้วยการเดินตามสัญชาตญาณของตัวเองไป