วันเกิด
หญิงสาวหันขวับ ไม่ทันปรับเปลี่ยนสีหน้าตลก การขึงตาขึ้นอ้าปากค้าง สร้างความขบขันให้กับผู้มาใหม่ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เปิดประตูออกมา แล้วตั้งคำถามกับเธอไม่น้อย
มดตะนอยมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
“คุณไวน์” เรียกเขาเสียงเบา พร้อมสีหน้าแปลกใจ “ทำไมถึง..”
คำถามนั้นเหมือนอีกฝ่ายจะรู้อยู่แล้ว แต่เลือกที่จะยิ้มมุมปากแทนการตอบ ก่อนยื่นหนังสือจำนวนสิบเล่มไปให้
“นี่ครับ หนังสือที่คุณอยากได้”
อันที่จริงมันคือการยัดเยียดมากกว่ายื่น เนื่องจากเป็นการรับที่จำใจ ไม่เช่นนั้นคงจะตกลงพื้นทั้งหมดเพราะถูกเขาปล่อย ส่วนเขาเตรียมหมุนตัวกลับ ทว่า..
“เดี๋ยวค่ะ” เธอยื้อไว้ ด้วยความเร็วดุจแสง ไม่สนใจเสียงตะโกนจะดึงดูดความสนใจของคนบริเวณรอบ และยิงคำถามทันที “ร้านนี้ทำไมคะ?”
“ครับ?”
“ป้ายเปลี่ยน..”
เธอชี้นิ้วไปตำแหน่งที่เคยเป็นอีกอย่าง แต่ถูกเปลี่ยนไปอีกอย่าง คู่สนทนาเลิกคิ้วสูง หัวเราะเบาๆให้กับความใคร่รู้ของเธอ
“ไม่มีร้านหนังสืออีกแล้วครับ แต่จะเป็นสำนักงานที่บุคคลภายนอกเข้าไม่ได้แทน”
เขาบอก เตรียมเดินต่อ แล้วนี่คือครั้งที่สองที่ต้องชะงัก
“ดะ เดี๋ยวก่อน!”
“ครับ?”
“แล้วหนังสือพวกนี้ไม่เก็บเงินเหรอคะ?”
คราวนี้ไวน์ไม่ได้มองข้ามไหล่กลับมาเพื่อจะตอบ แต่กลับเลือกที่จะส่ายหน้าแล้วปิดประตู หลังเอ่ยประโยคนี้เสียงราบเรียบ
“เจ้านายผม เขายกให้คุณครับ”
ปล่อยให้สาวเจ้ายืนงง อ้าปากค้าง
หลายวันต่อมา..
กับวันไปเรียนด้วยการขับรถไปเองครั้งแรก สาวเจ้าในชุดนักศึกษา ดูยังไงก็ไม่เข้ากับบุคลิกห้าวเท่ กระโปรงจีบรอบประมาณเข่า กับเสื้อที่ไม่ได้รัดติ้วสักเท่าไหร่ ถัดไปทางหละหลวมเสียมากกว่า ยิ่งดูทะมัดทะแมงเห็นแล้วสบายตามากขึ้น
เธอเดินลงมาจากรถ โดยไม่วายกดรีโมทขณะหอบหนังสือพะรุงพะรัง บวกกับกระเป๋าสะพายราคาแพง ก่อนจะเทกระจาดลงพื้นไม่เป็นท่า เมื่อปกหนังสือเล่มหนึ่งทำด้วยกระดาษมันแล้วลื่น พาเล่มอื่นตกตามด้วย
“ให้มันได้อย่างนี้ คนยิ่งรีบๆ”
สาวเจ้าบ่นอุบ กลอกตามองบน อยากจะกระทืบเท้าใจจะขาด ด้วยความหงุดหงิดฉุนเฉียว
แต่แล้ว..
ขณะใช้นิ้วเกี่ยวผมทัดหู หวังตัดความรำคาญในจังหวะย่อตัวลงไปเก็บ กลับมีมือของใครคนหนึ่งเอื้อมเข้ามาซะก่อน ข้อมือใหญ่ดูแข็งแรง เต็มไปด้วยเส้นเลือด แสดงให้รู้ผ่านการออกกำลังกายชนิดยกลูกเหล็กมานักต่อนัก อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนั่นบอกให้รู้เขาคือผู้ชาย เธอค่อยๆเหลือบตามองขึ้นไป ก่อนจะเงยขึ้นไปมองหน้า สัญชาตญาณของการป้องกันตัวเองคือการย่นหัวคิ้วในคราแรก ต่อมาคือความเป็นมิตร มีมารยาทเมื่อมีคนช่วยคราหลัง
“ตรงนี้กลางถนนครับ”
เขาเปรย รีบหยิบหนังสือมาซ้อนไว้บนท่อนแขนอย่างรวดเร็ว ไม่อ้อยอิ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมาให้เธอ และนั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอจะได้เห็นหน้าเขาเต็มๆ หลังก่อนหน้านี้เห็นเพียงจมูกโด่ง เพราะผมหน้าปรกปิด
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวรับพร้อมพยักหน้า แทนการยกมือไหว้ เนื่องจากไม่ทราบรุ่นของเขา พร้อมกับยิ้มกว้างด้วยความเต็มใจ เขาไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ส่ายหน้าแล้วเตรียมหมุนตัวเดินไปแทน
“ยินดีครับ”
เป็นจังหวะเดียวกันที่มดตะนอยก้มลงเห็นว่ามีดินสอแท่งหนึ่งของเขาตกอยู่
“เดี๋ยวค่ะ!” กว่าจะได้สติก็ตอนเขาวิ่งข้ามถนนไปแล้ว “ดะ ดินสอนาย อ้าว”
ในห้องสมุด เปิดสาธารณะรับทุกคนไม่เว้นแม้คนนอกที่ใคร่เข้ามาใช้บริการ โต๊ะหนึ่งของห้องมีร่างบางกำลังนั่งเท้าคางอยู่ ดูยังไงก็ออกว่าเธอไม่ได้สนใจอักษรไทยซึ่งต่อแถวเรียงรายกัน จนน่าปวดหัวอยู่บนกระดาษถนอมสายตานั้น แต่กลับเหม่อลอยไปไกล โดยไม่ได้จ้องจุดใดจุดหนึ่งแทน
จนกระทั่ง เพื่อนสนิทเดินเข้ามา หยุดเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ หวังเรียกร้องความสนใจ แต่พอเห็นว่าถูกเมิน ถึงจะลากเก้าอี้ทิ้งตัวลงนั่ง และนั่นสามารถเรียกสติของเธอได้
“หนังสืออ่านแกแล้วนอย จะเหม่อลอยอะไรหนักหนา ตกหลุมรักเรอะ?!”
“บ้า ฉันแค่แปลกใจ ทำไมร้านหนังสือถึงได้ถูกปิด”
“หืม? ร้านที่แกไปประจำนะเหรอ”
“อือ วันก่อนไปเอาหนังสือที่สั่งไว้ เห็นเขาเปลี่ยนป้ายร้าน ถามคุณไวน์เขาก็ไม่บอก พอวันนี้ผ่านไป ประตูกระจกที่เคยใส กลายเป็นสีดำทึบ ฉันว่ามันดูคลุมเครือ แปลกๆชอบกล”
“เลยเก็บมานั่งฝัน?" อัญชันเลิกคิ้วสูง พลางส่ายหน้าขบขำ "เขาอาจเปลี่ยนเจ้าของ เป็นธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจเดิม แกนั่นแหละ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ อะนี่.. สนใจอันนี้ดีกว่า”
พลางส่งกล่องขนาดจิ๋ว คล้ายกล่องของขวัญมาให้เธอ ต่างกันตรงไม่ได้ห่อ ผูกโบว์อย่างสวยงามแทน แต่กลับดูน่ารักสื่อถึงความตั้งใจของคนให้ไปอีกแบบ
“อะไร?”
มดตะนอยขมวดคิ้ว ละมือออกจากคางมนมารับมันไปถือไว้
“อีบ้า วันนี้วันเกิดลืมไปแล้วเหรอ?”
ขึงตาขึ้นเล็กน้อย
“เออจริงด้วย ลืมไปเลย”
“คนบ้าอะไรลืมวันเกิดตัวเอง”
“ก็คนบ้าอย่างฉันนี่ไง.. ขอบใจนะ”
“อื้ม สุขสันต์วันเกิดแก”
และไม่นานก็กลับไปทำหน้าหงอยใหม่เหมือนเดิม เมื่อนึกถึงวีเชียร ผู้เป็นพ่อซึ่งเอาแต่บ้างาน ป่านนี้คงเทียวทำงานจนหัวหมุน ไม่ก็ติดประชุมก็คงติดทานข้าวกับลูกค้าอยู่กระมัง
ขนาดวันนี้เธออุตส่าห์แต่งตัวเสร็จไว ออกจากห้องก่อนเวลาหวังทันทานข้าวด้วย พ่อของเธอก็ยังไม่วายเร่งรีบ ผลสรุปคือทานไม่หมด และพรวดพราดออกไป
แม้ก่อนไปจะใช้ฝ่ามือขยี้หัวเธอจนผมยุ่ง แสดงถึงความเอ็นดูของเขา ก็ยังไม่วายทำให้เธอหายเศร้าใจจนถึงตอนนี้