บท
ตั้งค่า

จุดแตกหัก

กล่องของขวัญจากเพื่อนถูกวางไว้ในห้องเธอ สาวเจ้ายิ้มกว้างขณะทยอยแกะกล่องเพื่อลุ้น ก่อนจะกลับมาทำหน้าเบื่อโลกภายหลังก็ตอนแกะจนหมดทุกกล่อง

อีกกล่องที่ควรจะได้กลับไม่มีมัน

ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาอย่างระคนสงสัย และต้องถอนหายใจพรืด เมื่อเวลาตอนนี้บอกเวลาห้าทุ่ม

พ่อลืมวันเกิดของเธอ?

หญิงสาวเท้าคาง ความน้อยใจทำให้เธอไม่อยากจะลุกขึ้นไปไหน ความเงียบกริบทำสมองโลดแล่น เลี่ยงย้อนเวลากลับไปนึกถึงอดีตไม่ได้

ช่วงเวลาที่เธอยังเด็ก..

และมารดาของเธอยังอยู่..

“หนูนอย เป่าเค้กสิลูก”

เค้กรสโปรด รูปเจ้าหญิงที่เธอชื่นชอบ วางตระหง่านสวยงามอยู่ตรงหน้า บนเค้กถูกสลักด้วยชื่อของเธออย่างบรรจง บ่งบอกถึงความใส่ใจทั้งผู้สั่งและผู้ทำ ทั้งที่มันดูน่ากินมาก แต่เจ้าของวันเกิดกลับนั่งมองอย่างเมินเฉย

'เราจะไม่รอคุณพ่อก่อนเหรอคะ'

ช้อนตาแป๋วขึ้นไปถามแม่ในที่สุด ความเป็นเด็กไม่สามารถทำให้เธอเก็บความสงสัยนั้นไว้นาน

‘ไม่จ้ะ’

แม่สายหน้าบอกเธอแล้วยิ้ม ซึ่งนั่นเธอไม่รู้เลยมันหมายความว่าอย่างไร

‘พ่อไปไหนคะ หนูไม่ได้กอดพ่อมาสองวันแล้ว’

‘ไม่มีพ่อให้กอด หนูก็กอดแม่ได้นี่คะ’

‘ได้ค่ะ แต่หนูอยากกอดพ่อด้วย..’

เพราะยังเด็ก เธอจึงไม่เข้าใจแววตานั้น ที่แม้แม่เธอจะฉีกยิ้ม แต่แววตากลับสื่อความเศร้าออกมาอย่างชัดเจน กับการกอดเธอที่มันแผ่วเบาเกินกว่าจะอธิบาย ความอ่อนโยนที่ส่งมอบของแม่ถัดไปทางความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าซะด้วยซ้ำ

'โธ่ลูก มาจ้ะ มานี่’

‘ทำไมคุณพ่อไม่มาวันเกิดของหนู..’

‘พ่อติดงานจ้ะ ถ้าหนูนอยรอเราจะไม่ได้เป่าเค้กนะ'

‘หนูจะเป่าพร้อมพ่อ’

‘ถ้าหนูนอยรอ เจ้าหญิงในเค้กจะน้อยใจเอาได้นะ หนูนอยอยากให้เห็นเจ้าหญิงร้องไห้เพราะหนูนอยเหรอ เจ้าหญิงร้องไห้ในวันเกิดของหนูนอยจะไม่ดีเอาน้า อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอคะ’

‘ไม่ค่ะ’

‘ถ้างั้นเราอย่ารอพ่อเลย พ่อเขาติดงาน ยังไงก็ดึก เรามาเป่าเค้กกันก่อนดีกว่า ไว้พ่อกลับมาหนูนอยค่อยกอดพ่อแทนนะคะ’

‘ค่ะ’

‘เก่งมาก..’

และครั้งนั้นก็เหมือนเป็นการเป่าเค้กคืนสุดท้าย เนื่องจากแม่ของเธอตายหลังจากวันเกิดของเธอไม่กี่ชั่วโมง สิ่งที่เห็นคือแม่ของเธอหลับไปอย่างไม่มีทางตื่น ต่อให้คนในบ้านช่วยกันร้องเรียกและปลุกกันมากมายขนาดไหน ภาพจำสุดท้ายที่เห็นจึงเป็นเพียงภาพที่พ่อของเธอเข้ามากอดเธอ ขณะร่างของแม่ถูกใครหลายคนแบกผ่านทั้งคู่ไป กับเสียงที่แว่ว แม่ของเธอตัดช่องน้อยแต่พอตัว...

ทว่า ถึงวันเกิดจะไม่ถูกจัดขึ้น เพราะไม่มีใครทำใจได้ แต่พ่อมักจะมีของขวัญให้กันเสมอ เว้นก็แต่ปีนี้

บวกกับความเปลี่ยนไปต่อความผูกพันระหว่างเธอกับพ่อ ที่มีมาก่อนหน้านี้ จนเธอรู้สึกว่ามันนานเกินกว่าจะกอบกู้ให้ดีขึ้นมาได้ ยิ่งเมื่อพ่อไม่มีเวลามาปรับความเข้าใจกับเธอด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้คนซึ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างเธอยิ่งเหินห่างแล้วใหญ่

จะเที่ยงคืน ร่างบางก็ยังฟุบอยู่ที่เดิม เธอใช้โต๊ะไม้เป็นที่ค้ำคาง ขณะท้องนิ้วแตะและหมุนหัวไฟแช๊กเล่น เมื่อมั่นใจอย่างไรพ่อของเธอก็มาไม่ทัน เธอจึงหยิบเทียนเล่มหนึ่งที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้ามาปักเค้ก และจุดเพื่อเป่ามันคนเดียว

“แด่วันตายของแม่ และวันเกิดของแกนะนอย ฟู่ว~”

พร้อมครุ่นคิด สิ่งที่เหมือนกันกับทุกๆปีมีอยู่สามอย่าง

อย่างแรกคือความรู้สึกเหงาเหมือนกันในทุกปี สองไฟดับเพราะการเป่าของเธอจนเหลือแต่ควันพวยพุ่ง และสุดท้ายคือกลิ่นของเทียนวันเกิดที่ส่งผลให้เธอนึกถึงบรรยากาศเก่าๆในวัยเด็ก

'แฮบปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู~ อะ เป่าค่า'

'ฟู่ว~'

'เย่~ '

บรรยากาศแค่ปีเดียวที่เธอไม่เคยลืม คือทุกคนที่เธอรักอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า เสียงโห่ร้องปรบมือของทุกคน เด็กวัยเดียวกัน ลูกของเพื่อนพ่อกับแม่ ลูกของญาติสนิท แม้กระทั่งลูกของแม่บ้าน ถูกเชิญชวนมายังวันเกิดของเธอเกือบหมด พวกเขาได้อวยพร ได้กินเค้กอร่อยๆที่เธอตัด

มดตะนอยหลับตา อธิษฐานขอเรื่องหนึ่งซึ่งยากที่จะเกิดขึ้นจริง ก่อนวางเค้กลงบนโต๊ะ ย้ายจากตรงนั้นที่นั่งมานานไปยังเตียงใหญ่ ไม่คิดที่จะกินเค้กก้อนนั้น

ไม่สิ เธอไม่แยแสมันเลยด้วยซ้ำ

“สาบานเลยว่าหลังจากนี้จะไม่มีงานวันเกิดอีก”

เช้าวันต่อมา..

มดตะนอยลงบันไดมายังโต๊ะอาหารเช่นเคย เพื่อที่จะเจอกับพ่อก่อนไปเรียน มากกว่าจะหาอะไรง่ายๆใส่ปากหวังหยุดความหิวโหย

“พ่อละคะ”

กลับเจอแต่โต๊ะกว้างใหญ่ ที่มีเพียงอาหารสำหรับเธอคนเดียว หญิงสาวขมวดคิ้ว หันซ้ายหันขวามองหาพ่อ

“เอ่อ..”

อันที่จริงแค่ถามเฉยๆ เพราะเธอมักจะคุ้นชินกับภาพตรงหน้าแล้ว แต่พอเห็นท่าทางแปลกๆ สีหน้าเลิกลักของป้ามาลัย ก็เหมือนกระเตื้องต่อมใคร่รู้ให้มีมากเพิ่มขึ้น

“หนูว่า หนูลงมาเช้าแล้วนะคะ”

มดตะนอยเหลือบไปยังชั้นสองขณะเปรย พลางลากสายตามายังแม่นมซึ่งยืนอยู่ ความประหม่าจนลืมที่จะหยิบยื่นตัวเลือกระหว่างรับนมอุ่นหรือน้ำส้มคั้นอย่างเช่นทุกวัน ทำให้หล่อนผิดสังเกต ร่างบางยิ้มมุมปาก ยกเหยือกน้ำส้มมารินเอง นั่นถึงกับทำให้มาลัยลนลานทันที

“คะ คุณนอย ป้าขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ นอยทำเอง” เธอเอ่ยขณะยังยิ้มมุมปาก “นอยให้ป้าไปยืนทำใจสักพักนะคะ แล้วค่อยมาบอกนอย ว่าเมื่อคืนพ่อไปไหนมา แล้วกลับมากี่โมง”

“คุณท่านกลับมา..”

“คราวนี้ป้าจะบอกเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ เพราะนอยไม่ได้นอนสี่ทุ่ม”

วินาทีนี้ป้ามาลัยถึงกับชะงัก หล่อนอ้าปากค้างยืนแทบไม่ติด ทรวงอกร้อนรุ่มจริงๆก็ตอนเห็นสายตาของคุณหนูเปลี่ยนไป ความเย็นชาแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ความอึดอัดแหวกว่ายอยู่ในอากาศนั้น

“คุณนอยคะ..”

ใครต่างรู้หล่อนมีสองบุคลิก และทุกคนก็อยากจะเห็นเพียงบุคลิกเดียว

“ค่ะ หรือป้าจะรอให้นอยกินเสร็จก่อนก็ได้นะคะ”

ซึ่ง ณ เวลานี้คงเป็นไปได้ยากแล้ว หากหล่อนจะยกมือพนมขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้บ้านแตก เนื่องจากกระทบอย่างหนักจากเสียงกรีดร้องของคุณหนู หลังรู้ชะตากรรมก็ตอนเห็นเสื้อคลุมของคนนอกพาดอยู่ตรงเก้าอี้บาร์ในห้องนั่งดื่มใกล้ๆกัน ซึ่งก่อนหน้านั้น มดตะนอยเหลือบไปเห็นแล้ว

เคร้ง!

เสียงวางช้อนกระทบจานกระเบื้องทำมาลัยสะดุ้งโหยง บ่งบอกว่าหญิงสาวกินเสร็จ เธอทิ้งแผ่นหลังพิงพนัก ก็ตอนเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงคู่กันลงมา

“ทีแรกนอยกะจะถามป้าว่า ทำไมเสื้อเลขาของคุณพ่อมาอยู่นี่ได้ ตอนนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ นอยได้คำตอบแล้ว ป้าเก็บจานไปเถอะ คุณพ่อคงอิ่มจนไม่อยากกินอะไร”

ซึ่งนั่นอาจจะเป็นโชคของหล่อน ผลของคำขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ แต่พอมาคิดดูดีๆ ถึงได้รู้ว่านี่ไม่ใช่โชค และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คงฟังผิด หล่อนไม่ได้ขอให้ตัวเองพ้นจากเหตุการณ์ แต่ขอไม่ให้บ้านแตก นั่นเพราะสิ่งที่เผชิญอยู่คือความลำบากใจ เปรียบเหมือนรังสีที่มีอานุภาพสูง

ในฐานะแม่บ้านและแม่นม หล่อนควรจะทำตามคำเหน็บแนมนั้น หรือตั้งสำรับใหม่ และเพิ่มมาอีกชุดดี!

“ตักข้าวสิป้า อย่าเอาแต่ยืนนิ่ง”

“ค่ะๆ”

แต่เหมือนนาทีนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากให้ทำสิ่งแรก มาลัยกุลีกุจอทำตาม ในขณะวิเชียรเดินเข้ามาเตรียมร่วมโต๊ะ พร้อมเลขาสาวที่เอาแต่ก้มหน้างุด หน้าซีดเผือด

“คุณไปนั่งตรงโน้นไป”

และเดินตัวชาไปนั่งตรงเก้าอี้ว่าง ยิ่งทวีคูณความประหม่าหนักก็ตอนเผลอเงยหน้าขึ้นไปสบตากับมดตะนอย เสมือนมีคำถามบวกความไม่พึงพอใจมากมายอยู่ในนั้น

“เมื่อคืนวันเกิดนอยค่ะ”

ก่อนหันไปทางสามีของเธอ สามีที่เป็นมานาน เพิ่งจะเปิดเผยสดๆร้อนๆ ก็ตอนนี้ และดูเหมือนจะไม่เป็นการยอมรับจากคนสำคัญสักเท่าไหร่ ไม่สิ.. ไม่มีเลยต่างหาก!

แค่ลลิดาได้ยินเสียงถอนหายใจของวิเชียรที่มีต่อลูกสาว ก็พอจะเดาออกแล้ว ถึงฤทธิ์เดชที่แฝงอยู่ภายใต้รูปลักษณ์อันจิ้มลิ้มดูใสซื่อ

มดตะนอยชื่อนี้คงจะเหมาะกับเธอจริงๆ

“พ่อรู้ ของขวัญของลูก อยู่ในรถของลูกแล้ว”

“ทำไมพ่อไม่เอามาให้นอยเองละคะ”

“เห็นว่าดึก ก็ไม่อยากจะรบกวนไง”

ร่างบางเริ่มกอดอก หลังคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อไม่เข้าหู และแน่นอนท่าทางนั้นเป็นกิริยาที่เขาไม่ชอบเอามากๆ

“เวลาคุยกับพ่อ ให้นั่งดีๆ พ่อเตือนลูกประจำ”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อคำเตือนของพ่อเป็นที่น่าน้อยใจไม่พอ ยังสร้างอับอายให้กันอีก เมื่อบทสนทนาครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คนสองคน

และนั่น นอกจากเธอจะไม่ทำตาม ยังจ้องเขม็งราวกับจะเอาเรื่องด้วย

“เมื่อคืน พ่อควรจะกลับมาให้เร็วกว่าทุกๆวัน”

“ถ้างานเสร็จเร็ว ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น" แถมประโยคบอกเล่า เหมือนทำคนตรงหน้าคุกรุ่นเข้าไปใหญ่ เขาละมือออกจากมีดที่หั่นไส้กรอก และเพิ่งจะเคี้ยวกลืนลงคอเมื่อไม่นาน เกือบจะติดคอด้วยซ้ำเพราะเคี้ยวไม่ละเอียด "อีกอย่าง มันก็แค่วันเกิด ลูกก็รู้พ่อไม่อยากจัดมัน”

เพื่อโต้ตอบกับเธอ แน่นอนทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ความน้อยใจกลั่นออกมาเป็นดวงตาที่แดงก่ำ ทอดมองคนตรงข้ามด้วยความทึ่ง

“นี่พ่อ กล้าพูดแบบนี้กับ.. ฮึก หนู”

เริ่มหลุดเสียงสะอื้น เรียกความเห็นใจจากมาลัยอีกคน หล่อนยืนไม่ติด มือที่ผสานเข้ากันบีบแน่นจนขึ้นสันปูด เป็นห่วงความรู้สึกของสาวเจ้า แทบอยากปรี่เข้าไป พาเธอออกจากตรงนั้น

ทว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย หากคนที่เธอสนทนาอยู่ด้วยเป็นพ่อของเธอเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel