ภาพติดตา
การเดินผ่านไปของเขาอาจเป็นจุดเด่น หลายคนต้องชะงัก หยุดสิ่งที่ทำอยู่กลางคัน เพื่อมองเขา ชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งที่มีส่วนสูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบ แถมเป็นลูกรักของพระเจ้า
น่าเสียดายเขากลับมองสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว
การเป็นจุดเด่น จนต้องเมินคนแปลกหน้าระหว่างทางที่เดิน ไม่ว่าจะอยู่ตรงจุดไหนของโลก กลายเป็นเรื่องคุ้นชินโดยไม่ตะขิดตะขวงใจยามทำ
จนกระทั่ง..
มาเจอเธอคนนี้ สาวเอเชียใบหน้าจืดชืด ที่หาจุดเด่นบนใบหน้าแทบไม่เจอ และนั่นสำหรับคนอื่นที่ตาไม่ถึง แต่กับเขา เธอเหมือนมีบางอย่างดึงดูดให้สนใจจนน่าแปลก
ความบริสุทธิ์
ความสดใส ภายในดวงตาเป็นประกายคู่นั้น ซึ่งไม่เคยเห็นมันมาก่อน
ความไร้เดียงสา
แทบเขย่ากำแพงหิมะที่เกาะจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งมานาน..สั่นคลอน
ถึงแม้เสี้ยวนาทีของการเดินผ่าน จะมีแค่หางตาครั่นคร้ามที่แลเหลียว ก็สามารถเห็นทะลุไปถึงนิสัยใจคอของหล่อนได้
ใช่ นั่นคงเป็นความสามารถพิเศษของเขา สงครามถนัดที่สุดในด้านของจิตวิทยา
ต่างกันกับหล่อน การจ้องเขม็งอย่างเปิดเผยในวินาทีนั้น ทำให้เขาขบขันในใจแบบดูแคลน แน่นอนเธอไม่เห็น เพราะมัวแต่อึ้งกับใบหน้าฟ้าประทาน และเขาก็นิ่งเฉยซะจนเธอดูไม่ออก คิดไปเองคงไม่ทันเห็น หรือสนใจท่าทางที่ดูตลกนี้ของเธอในตอนนี้
ร่างสูงเดินเข้ามาในร้านด้วยก้าวที่มั่นคงและคงที่ ความสุขุมบดบังทุกสิ่งอย่างเป็นอาวุธลับที่เขาใช้งานมานาน เลือกให้ศัตรูมองเห็นด้านที่นิ่งสุขุม น่าเกรงขาม ต่อให้ช่วงเวลานั้นเขาจะรู้สึกประหม่าแค่ไหนก็ตาม สิ่งนั้นจะสามารถปกปิดได้อย่างมิดชิด
ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องประชุม ซึ่งถูกจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับโดยเฉพาะอยู่ก่อนแล้ว
ดวงตาครั่นคร้ามหรี่แคบเป็นวงรีขณะก้มลงมองชายวัยกลางคนตรงหน้าโค้งคำนับให้
“สวัสดีครับคุณสงคราม คุณวิเชียรรออยู่ด้านในครับ”
พยักหน้ายิ้มน้อยๆ ก็ตอนเขาดึงตัวยืดขึ้นมา แล้วขยับเท้าให้ เปลี่ยนจากการขวางประตู เป็นการผายมือเชื้อเชิญแทน
ต่อก ต่อก ต่อก
เสียงนาฬิกาลูกตุ้มในห้องทำงานของนักธุรกิจไฟแรงอันดับต้นๆของประเทศดังเป็นจังหวะ ดวงตากลมโตเบื้องหลังกระจกแว่นกรองแสงสีฟ้าจ้องมองสิ่งนั้น ราวกับต้องการสะกดจิตตัวเองให้มีสติมากขึ้นกว่าเดิม ขณะความคิดยามนี้ลอยละลิ่วไปไกลโพ้น
“เฮ้อ~”
เสียงลมหายใจเข้าไปไม่ถึงครึ่ง แต่ถูกพ่นออกอย่างหนักหน่วงนี้ดังออกมานับไม่ถ้วน ขณะรอคอยผู้เป็นพ่อมาติวหนังสือให้
เขาวนเวียนในหัวเธอ ผู้ชายปริศนาใบหน้าดุจเทพบุตรคนนั้น ถึงขนาดหลับไปแล้วหนึ่งคืนตื่นจนเข้าอีกวันก็ยังตามหลอกหลอนไม่ห่าง ไม่เว้นแม้แต่ยามนี้ในห้องทำงาน ยิ่งเงียบแทนที่จะมีสมาธิค้นคว้าหาข้อมูล กลับยิ่งทำให้นึกถึงมากขึ้น ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
“คุณนอยคะ..”
“คะ?”
“คุณท่านฝากป้ามาบอกคุณนอยค่ะ ว่าท่านยังคุยงานไม่เสร็จให้คุณนอยกลับไปนอนก่อน ไว้พรุ่งนี้เช้าจะมาติวให้”
นานแค่ไหนไม่รู้ที่มดตะนอยนั่งเท้าคางกำลังผล็อยหลับอยู่ลอมล่อ ต้องปรือตาขึ้นมามองคนมาใหม่
ป้าแม่บ้านวัยชราที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เนื่องจากสาวเจ้ากำพร้าแม่มองคนตรงหน้าทำหน้าละห้อยแล้วอดสงสารไม่ได้
“คุณพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ”
“ค่ะ ตั้งแต่เช้า”
“เฮ้อ แต่พ่อนัดหนูไว้แล้ว? พ่อเป็นแบบนี้ทุกที.. ไม่แบ่งเวลาให้หนูบ้างเลย”
“ไม่เอาค่ะ คุณนอยอย่าพูดแบบนี้ คุณท่านคงงานยุ่งจริงๆค่ะ ป้าได้ยินมาว่าท่านกำลังเปิดอีกบริษัท ช่วงนี้คงวิ่งวุ่นผสานงานกับหุ้นส่วน ป้าอยากให้คุณนอยเข้าใจท่านนะคะ”
มือเหี่ยวทาบลงบนหลังมือขาวเนียนอย่างอ่อนโยน ขณะเอ่ยเสียงเบาหวิวด้วยความเอ็นดู หลังเจ้านายรุ่นหลานตัดพ้ออย่างน้อยใจ ที่ผู้เป็นพ่อพักหลังๆไม่ค่อยมีเวลาให้ ก่อนถอนหายใจแผ่วพยักหน้าลุกขึ้นยืน
“ก็ได้ค่ะ”
นั่นทำให้ผู้เป็นนมยิ้มกว้าง รีบพยุงร่างบาง เกรงเธอจะเปลี่ยนใจ
“ไปค่ะ เดี๋ยวป้าเอานมอุ่นๆตามไปให้นะคะ”