Who are you?
ปี๊นนน ปี๊นนน
แซด~ แซด~
เสียงแตรรถ ผู้คนมากมายบนท้องถนน และลานกว้างใหญ่ในช่วงพักกลางวันไม่ได้ทำให้ใครบางคนดูวุ่นวายมากมายไปกว่าภารกิจที่แบกอยู่
มดตะนอย* หญิงวัย 20 ปีบริบูรณ์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่าน กำลังเร่งรีบกับสิ่งนั้น เธอจะต้องไปร้านหนังสือให้ทันเวลา
“พี่คะ เดี๋ยวค่ะพี่”
เสียงตะโกนมาแต่ไกลแว่วผ่านหูไวน์*เจ้าของร้าน ทำมือที่กำลังจะยกป้ายเข้าร้านเตรียมตัวปิดบริการชะงักชั่วคราว หันหลังไปมอง แต่พอเห็นว่าเป็นเธอที่พยายามจะวิ่งฝ่าผู้คนเพื่อมาหาเขา แทนที่จะหยุดยืนรอ กลับยิ่งเร่งปิดร้านให้เร็วมากขึ้นไปอีก ก่อนจะเป่าลมออกจากปากก็ตอนหล่อนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า บ่งบอกให้รู้เขานั้นช้ากว่าเธอแค่เสี้ยววินาที
“ร้านปิดแล้วครับ”
“อะไรกันคะ เหลือเวลาตั้งสิบนาที”
ร่างบางทักท้วงพร้อมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ขณะยืนหอบตัวโยน
“ผมรู้ครับ แต่สิบนาทีนี้ผมจะใช้มันไว้เก็บกวาด มีลูกค้าติดต่อมาเพื่อเช่าสถานที่”
“ห้องประชุมเหรอคะ? ไม่เห็นเกี่ยวกับห้องหนังสือเลยนี่นา คนละส่วนกันไม่ใช่เรอะ”
“เขาขอเช่าทั้งหมดครับ”
“คนรวยรึยังไง?”
เจ้าของร้านเลิกคิ้วสูง
“คุณพูดแบบนี้จะทำผมลำบากใจเอาเปล่าๆ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ได้ไหมครับ”
แทรกทันควันอย่าทันให้เธอถกเถียง แต่เหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อดวงตาละห้อยที่ทอดมองมา เสมือนจุดอ่อนของเขาทุกครั้ง
“หนูขอหน่อยไม่ได้เหรอ" พร้อมผสานมือเข้าหากันตรงกลางอก "แค่ห้านาทีก็ได้ รายการหนังสือที่ต้องการวันนี้มันสำคัญจริงๆอะ”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน ปิดก็คือปิดครับ ไว้พรุ่งนี้เถอะ วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ? มันไม่มีเรียน”
“แต่หนูต้องทำรายงาน..นะๆ น๊า~”
สาวเจ้าทำหน้าหงอย เสียงออดอ้อนกำลังสั่นคลอนใจคนฟัง ทว่าสิ่งที่รออยู่และกำลังเจอะเจอสำคัญกว่า เจ้าของร้านถอนหายใจพรืด ส่งสายตาอ้อนวอนกลับมาไปบ้าง
“ถือว่าผมขอร้องเถอะครับ งานนี้มันสำคัญสำหรับผมเหมือนกัน อาจจะเดือดร้อนถึงชีวิตเลยก็ได้ ถ้าผมพลาด คุณค่อยมาพรุ่งนี้เถอะครับ มาแต่เช้าเลย ผมจะมาก่อนเวลาให้คุณ หรือว่า.. เอาอย่างนี้ เอารายการหนังสือนั้นในมือคุณมาครับ ผมจะหาไว้ให้ แล้วพรุ่งนี้คุณก็มารับไป แบบไม่ต้องไปเดินหาเอง จะได้ไม่เสียเวลา ดีไหม?”
มดตะนอยได้ฟังถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้นมองไวน์ตาเป็นประกาย ก่อนยิ้มแฉ่งจนตาหยี
“จริงเหรอคะ?!"พลางกลอกตาไปมาเสมือนครุ่นคิด "ถ้าอย่างนั้นก็.”
เพราะยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เธอเข้าไปอยู่แล้ว ต่อให้เอาหัวโขกฝาคงไม่มีทาง กระนั้นการยอมจำนนกับข้อเสนอของเขาน่าจะดีกว่า ดีกว่ากลับไปมือเปล่าโดยไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยให้คุ้มค่าที่อุตส่าห์รีบวิ่งเพื่อมายืนหอบลิ้นห้อย
“ก็ได้ค่ะ ฝากด้วยนะคะ”
กระดาษแผ่นเล็กที่มีรายชื่อหนังสือเรียงกันลงมามากกว่าสิบเล่มถูกยื่นให้เจ้าหน้าที่ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ
แต่แล้ว..
ในจังหวะกำลังหมุนตัวเตรียมเดินด้วยรอยยิ้มกว้าง กลับต้องหยุดชะงักกลางคัน เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครคนนึง พร้อมชายฉกรรจ์อีกสองคนเดินประกบหลัง
ลักษณะของเขาไม่ได้เด่นเฉพาะความสูง หรือท่าทางการเดินที่ดูดี และใบหน้าหล่อเหลาเอาการ ทว่ามันคือรังสีบางอย่างซึ่งแผ่ออกมาจากตัวของเขาด้วย เป็นรังสีแลดูน่าเกรงขามปนน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น...ความนิ่งสุขุม ไม่แม้แต่จะชายตามองใครสักคนระหว่างเดิน นั่นคือเสน่ห์ดึงดูด
ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับเธอ ประหนึ่งอยู่ในมนต์สะกด แต่เกือบจะทั้งหมดที่อยู่ในละแวกนี้