บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ต้องเป็นความลับไปตลอดกาล

“อรอุมา!?”

เสียงเรียกและแรงเขย่าที่ต้นแขนปลุกดาราสะดุ้งจากฝัน นัยน์ตาสีอำพันเปิดฉับแทบเหลือกตะลึง กรีดเสียงลั่นห้องและกระถดหนีลักษมินทร์อย่างหวาดกลัว เกือบจะพลัดตกจากเตียงแล้วแต่ร่างสูงรีบฉวยข้อมือดึงไว้ไม่ให้นางถอยไปมากกว่านี้ เอื้อมมือประคองหลังบางออกแรงทีเดียวดาราก็เลื่อนกลับมาอยู่กลางเตียงใหม่ เขาพยายามจะกอดไว้แต่นางกลับร้องดิ้นอย่างกับโดนแล่เนื้อเถือหนัง

“อรอุมา นี่พี่เองนะ” ลักษมินทร์ว่า “เป็นอะไรไป”

ดารากะพริบตาสั่นๆ ใจยังเต้นรัวแรงและเหงื่อแตกพลั่ก นางยังรู้สึกถึงใบกริชเย็นเฉียบตรงคออยู่เลย แม้แต่ความเจ็บปวดนั้นก็เสมือนจริงเกินบรรยาย หญิงสาวสยองใจขึ้นมาทันทีว่าฝันนี้ชะรอยจะเป็นนิมิตบอกความตายของนางในวันหน้า ลมพัดแผ่วทำให้เนื้อตัวซึมเหงื่อเย็นเฉียบไปหมด ดาราสะบัดหน้าแรงๆไล่สีแดงเลือดในตาออกไป มือลูบจับลำคอและคลำหลังหัวอย่างออกจะเสียขวัญ

ราชทูต! ราชทูตอยู่ที่ไหน นางจะรู้ได้อย่างไรหากเขาแอบไปให้การกับเจ้ารามราเมศ แล้วนางกำนัลที่รู้เรื่องล่ะ ได้แพร่งพรายอะไรกับใครรึเปล่า!?

ไม่... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆเสียหน่อย นางปริวิตกจนฟุ้งซ่านไปเอง...

เจ้าลักษมินทร์ก็ลูบผมลูบหลังนางอยู่นี่ ไม่มีกริชเหน็บสายสะเอวด้วยซ้ำ จู่ๆจะมาบั่นคอนางได้อย่างไร

เรื่องนี้ไม่มีวันมีใครได้ล่วงรู้ ท้าวศรีบุษย์ก็มีกระแสรับสั่งเด็ดขาดมันจะต้องเป็นความลับไปตลอดกาล...

“ฝันร้ายหรือ” เจ้าชายฐิรังกาถามเสียงอ่อน รู้ว่านางฟังไม่ออก แต่ก็กล่าวไปตามที่ใจคิด “อย่าคิดมากไปเลย น้องรัก โหรแต่ละคนยังทำนายฝันให้พี่ไม่ค่อยจะตรงกันทุกที เชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้น ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวหรอก”

กล่าวแล้วเจ้าชายหนุ่มหันไปยกขันทองใส่น้ำลอยมะลิมาให้นางได้ประพรมตามตัวพอสร่างนิทรา จูงหญิงสาวออกไปที่โต๊ะเสวยจีนริมชานที่ยื่นออกไปหาอุทยาน ดอกไม้ที่นางเก็บมาแซมผมเมื่อบ่ายหุบเกือบหมดแล้ว ท้องฟ้ายามเย็นสีชมพูม่วงเรียกดอกไม้กลางคืนให้คลี่กลีบเสียแทน ดอกพญาสัตบรรณที่บานทั้งวันทั้งคืนกลิ่นแรงที่สุดในสวนแม้จะยืนต้นอยู่ไกล ยากจะบรรยายว่าเหม็นหรือหอม มันแค่เป็นกลิ่นเฉพาะของมันอย่างนั้น

ดาราพยายามไม่มองมัน... โบราณว่าไว้ ความผิดคิดชั่วทั้งหลายกลิ่นกล้า ถึงจะพยายามปกปิดเท่าไร ก็มักหาทางเปิดเผยตัวเองให้ปรากฏดั่งดอกสัตบรรณ

นางกำนัลยกสำรับพระกระยาหารมื้อค่ำเข้ามาตั้งโต๊ะ เสร็จแล้วกราบลาถอยออกไป วังฐิรังกาไม่นิยมให้สนมกำนัลมาหมอบเอี๊ยมเฟี้ยมเฝ้าสมสี่แถวในตำหนักส่วนพระองค์ หรือมีนางในตามประกบทุกย่างก้าวอย่างที่ศรีบุษย์ เจ้าฐิรังกาทั้งสี่ยิ่งพอพระทัยจะทรงพระเกษมกันแต่หมู่พี่น้อง หยอกเล่นเฮฮากันตามอัธยาศัย ในตำหนักของลักษมินทร์ยิ่งเรียบง่ายกว่าใคร ปกติจะมีนางกำนัลเข้ามาเฉพาะเวลาเช้าเย็นเพื่อปัดกวาดเช็ดถู และเวลาเสวยสามมื้อ รวมถึงหมอบอยู่เฝ้านอกห้องบรรทมยามกลางคืนเงียบๆเผื่อฉุกเฉินเรียกใช้ ซึ่งความจริงลักษมินทร์ก็มีอันต้องลุกขึ้นมาทำเอง เพราะนางกำนัลง่วงหลับหน้าทิ่มบันไดเสียเกือบทุกครั้งไป

อย่างไรก็ตาม วันนี้แปลกไปจากปกติเพราะลักษมินทร์เรียกนางกำนัลคนหนึ่งให้อยู่

“แก้ว อย่าเพิ่งกลับ อยู่รับใช้เจ้านางก่อน” ร่างกำยำหันมาชี้แก้วแนะนำ “อรอุมา นี่แก้ว... แก้ว”

นางแก้วไหว้รับก่อนจะคลานมานั่งข้างเก้าอี้ดารา ดาราละสายตาจากสำรับข้าวสวยปลาตะเพียนของตัวเองมองนางกำนัลชุดชมพูส้มอ่อนๆ ท่าทางคล่องแคล่วรู้งาน นางผมสั้นดำขลับเกล้าไว้เป็นหางม้ากุด ผิวทองแดงมีเลือดฝาดสุขภาพดี แววตาสีดำเรียวรูปใบไม้ก็ดูร่าเริงสดใส แก้วดูจะอายุน้อยกว่าดาราสักสองสามปี นางยิ้มแฉ่งไหว้แล้วจับมือนายหญิงมาทูนเหนือเกล้า กล่าวชื่นชมยืดยาว

“นี่หรือเพคะเจ้านางอรอุมาแห่งศรีบุษย์... ตายดูสิเพคะ พระพักตร์ผ่องแพ้วงามแท้ๆ ผิวแบบนี้ก็อย่างกับทองทาเชียว เดี๋ยวหม่อมฉันจะขัดขมิ้นส้มป่อย แต่งองค์ให้สวยจนรูปนางอัปสรตามช่องประตูต้องอายเลย! ไม่ผิดที่ป้าเจียมบอกไว้เมื่อกี้ว่าเจ้านางทรงรัศมีสมกับเจ้าลักษมินทร์อย่างกับกิ่งทองใบหยก อ๋า…พระโอรสธิดาประสูติมาจะต้องน่ารักมากแน่ๆ หม่อมฉันนึกภาพออกแล้วเนี่ย”

ดาราฟังเสียงพูดจ๋อยๆของนางแล้วก็นึกขำ นางฟังไม่ออก มันจึงได้ยินเหมือนเสียงนกเจี้อยแจ้วอย่างไรอย่างนั้น “แก้ว...?”

“ถูกแล้วเพคะ โอ๊ย! สุ้มเสียงก็เบาผู้ดีเหลือเกิน เสียงอย่างนี้ต้องพระทัยดีไม่ตะคอกใส่อีแก้วเป็นแน่ ตายๆๆ อีแก้ววันนี้บุญหล่นใส่! เจ้านางเรียกอีแก้วได้ตลอดเวลาเลยนะเพคะ มีพระเสาวณีย์ช่วงใช้อะไรก็ตาม อีแก้วจะทำให้ทู้กกกอย่าง ดาวเดือนถ้าหากประสงค์ก็จะไปหาไม้มาสอยถวาย…”

“เบาคำเสียบ้างเถอะ นางนกแก้ว” ลักษมินทร์หยอก “เจ้านางฟังเอ็งโม้ไม่ออกหรอก ข้าจะให้เอ็งสอนภาษาฐิรังกาให้เจ้านาง เอ็งช่างเจรจาดีนัก ต่อไปมาอยู่ดูแลเจ้านางนะ”

นางแก้วขานรับเสียงใส “รับด้วยเกล้าเพคะ!”

คืนนั้นดาราเลยไม่ต้องกลัวนอนฝันร้ายคนเดียวอย่างทีแรก เพราะมีนางแก้วมานอนอยู่ที่พื้นข้างเตียง เล่านู่นนี่ไปเรื่อยอย่างสนุกสนาน แถมยังขับเสภาให้ฟัง ถึงจะแปลไม่ออกแต่ดาราก็ยิ้มตามไปได้ตลอดจนดึก ส่วนลักษมินทร์ย้ายไปนอนเสียอีกห้องหนึ่งแม้นางแก้วจะทัดทานเต็มที่ ทีแรกนางขัดคำสั่งเต็มเสียงว่า

“จะได้ยังไงกันล่ะเพคะฝ่าบาท! คืนแรกก็แยกเตียงกันซะแล้ว เป็นลางร้ายใหญ่นะเพคะ!! ไม่ได้ๆ หม่อมฉันเองนี่แหละจะเป็นฝ่ายไป”

“ลางร้ายกระไร ให้เจ้านางได้ปรับตัวเสียหน่อยเถอะ เดินทางเหนื่อยล้ามาก็ไกล ข้าจะนอนที่ไหนเอ็งเป็นใครจะมาตัดสิน”

สรุปแล้วเจ้าชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายชนะ เข้ามาจุมพิตหน้าผากดารา ลูบหัวนางอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็จากไปยังห้องหนังสือฝั่งตรงข้าม นางแก้วเพียรฉุดแขนดาราให้ตามไป แต่ลักษมินทร์ออกมาดุ เสร็จสรรพก็กล่าวราตรีสวัสดิ์ ปิดประตูใส่กลอนเรียบร้อย ฝ่ายแม่ทัพแก้วจึงจำต้องพานายหญิงถอยทัพ กลับมาตั้งค่ายที่ห้องบรรทมเดิมแล้ววางแผนตีห้องฝั่งตรงข้ามคืนพรุ่งนี้เสียเป็นการใหญ่

พลังแจ่มใสของแก้วทำให้ดารามีความสุขตามได้ไม่ยาก เด็กสาวยิ้มเก่งหัวเราะเก่ง ดูจะพออกพอใจกับตัวเองและทุกอย่าง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดาราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

วันแรกที่ฐิรังกานี้โดยรวมแล้วจุดความหวังเล็กๆของนางขึ้นมา ที่นี่นางไม่ใช่จัณฑาลไร้ตัวตนอีกแล้ว แต่เป็นเจ้าหญิง ที่มีเจ้าชายหนึ่งในสี่หน่อวงศ์อัศวินเป็นสวามี มีนางกำนัลส่วนตัวเสียงแจ้วๆ และมีอนาคตที่อาจจะมีความสุขพอใจกับชีวิตตัวเองได้สักวัน

ดาราตั้งใจว่าจะฝังเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวให้หายไปใต้ความทรงจำ และทิ้งชื่อดารานางจัณฑาลไปเสียให้หายฟุ้งซ่าน ท่องในใจว่านางอยู่ที่นี่ในฐานะเจ้าหญิงอรอุมาเทวี นางคืออรอุมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel