บทที่ 5 แหวนไพลิน
สิงห์ศัตรุตรีบค้อมศีรษะให้ทันที “แบบนั้นเชิญรับราชธิดาไปเถอะเจ้าพี่ลักษม์ ข้าเลือกดาบ!”
รามราเมศฟังทั้งสองตกลงกันได้แล้วพยักหน้าให้ลักษมินทร์
“เจ้าพูดถูก น้องรัก พี่ผิดเองที่ไม่ทันคิด เจ้าสมควรได้ส่วนแบ่งในชัยชนะครั้งนี้ จะว่าไป เจ้าเองก็สนมกำนัลแห้งแล้งนักเมื่อเทียบกับศัตรุต”
ดารามองดูเหล่าเจ้าชายฐิรังกาตรัสรัวเร็วในภาษาที่นางไม่เข้าใจสลับกันไปมาอย่างตื่นๆ ไม่นานเจ้าชายทั้งสี่ก็สงบลงหันหลับมามองดูนางอีกครั้ง คราวนี้เป็นเจ้าชายองค์ขวาสุดแทนที่ยื่นหัตถ์มาทางนางและยิ้มบางเบา ...เจ้าลักษมินทร์ที่มองนางเมื่อตอนนั่งอยู่บนกูบช้างนั่นเอง
ราชทูตอธิบายอย่างไม่จำเป็นนัก “เจ้ารามราเมศประทานเจ้าให้แก่เจ้าลักษมินทร์ เข้าไปกราบท้าวเธอสิ”
ร่างบางกลืนน้ำลายฝืดคอ คลานเข้าไปตรงหน้าลักษมินทร์ช้าๆ ราวกับจะยืดเวลาก้าวสู้อุ้งมือมารออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นางก้มลงกราบบาทของผู้ที่ ณ เวลานี้ ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่แล้วลักษมินทร์กลับเอาฝ่ามือมารองรับมือที่พนมกันของนางไว้ ดึงให้ขึ้นมากราบที่อุระ
“อ๊ะ!?”
ดาราตกใจจนมึนงงขณะที่กราบบนแผ่นอกกว้างตรงตำแหน่งหัวใจของเจ้าชายหนุ่ม ทั้งกลัวเกรงทั้งสับสน วัฒนธรรมฐิรังกายกฐานะของภรรยาสูงกว่าศรีบุษย์หลายเท่านัก ลักษมินทร์จึงไม่ยินยอมให้นางก้มหัวแก่เขาต่ำไปกว่าระดับอก กลิ่นของชายหนุ่มหนักแน่น และดาราที่เกิดมาไม่เคยใกล้ชิดบุรุษมาก่อนก็หน้าแดงก่ำด้วยความขลาดอาย
สัมผัสของลักษมินทร์อุ่นเหมือนมนุษย์ ดวงหน้าเข้มมองใกล้ๆแล้วก็ไม่ได้น่าสยอง ไม่มีเขี้ยวเป็นยักษ์มารแต่อย่างใด... หญิงสาวกะพริบตาพยายามห้ามตัวเองไม่ให้สั่น แต่ลักษมินทร์ดูจะไม่รำคาญใจกับอาการสั่นเป็นลูกนกนั่น ออกจะเอ็นดูและขำๆเสียด้วยซ้ำ เขาไม่ได้พูดอะไรขณะที่เอื้อมมาลูบผมลูบไหล่ของนางที่ยังพนมมือค้างอยู่อย่างปลอบโยน ซึ่งที่จริงก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอยู่แล้วในเมื่อฟังภาษาอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง
มือใหญ่อุ่นเหลือเกิน ความอ่อนโยนนั้นทำให้หัวใจที่เต้นด้วยความกลัวค่อยๆสงบ
ดาราไม่แน่ใจว่านั่งอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีลักษมินทร์ก็โอบอุ้มนางมานั่งซ้อนบนตัก ขณะที่เจ้าชายอีกสามองค์สรวลเสเฮฮากับเหล่านางกำนัลที่คอยรินเมรัยให้ ราชทูตเรียกนักดนตรีและกวีออกมาขับเพลง นางรำนับสิบกรีดกรายเรียงเป็นแถวเข้ามาในกระโจม
ลักษมินทร์จับมือเล็กที่ประดับด้วยแหวนและสร้อยโยงเชื่อมไปหากำไลนาคขึ้นมากุมไว้ นางกำนัลศรีบุษย์แต้มสีบนเล็บของนาง และวาดลวดลายตามนิ้วเรียวเป็นเถาวัลย์บุปผชาติสำหรับเจ้าสาวดูแปลกตา น่าสนใจยิ่งสำหรับเขา ราชสำนักฐิรังกาไม่นิยมสีสันฉูดฉาดหรือลวดลายละเอียดรกตาแบบนี้ แต่มองไปมองมาก็สวยประณีตไปอีกแบบ หญิงสาวก็ช่างตัวบางๆ เล็กๆ พอดีกับตักเขาราวกับเด็ก ส่วนโค้งเว้าพองามไม่ทะลักล้นอย่างสาวฐิรังกาผู้ร้อนแรง ลักษมินทร์ยิ้มน้อยๆอย่างพึงใจ
ดารานั่งอยู่ในอ้อมแขนกว้างของเขาราวกับตุ๊กตา ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อยขณะที่เจ้าชายหนุ่มเริ่มถอดแหวนและกำไลออกจากมือนางอย่างระมัดระวัง ผิวสีทองแดงของเขาตัดกับผิวสีน้ำผึ้งผ่องของนางดูงดงามน่าประหลาด ขณะที่เขาค่อยๆลูบไล้ไปตามลวดลายดอกไม้บนมือของนางด้วยความสนใจ เสียงเพลงจากพิณศรีบุษย์เล่นทำนองนุ่มนวล ดารารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อหลังจากที่ลักษมินทร์ประคองไล้มือนางอย่างทนุถนอมอยู่นาน คล้ายจะทำความรู้จักอย่างเงียบๆ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงไออุ่นและเส้นเลือดที่เต้นเป็นจังหวะบนฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้านจากการจับดาบและสายบังเหียนม้า
ในที่สุดมือของนางก็หยุดสั่น เช่นเดียวกับร่างที่เอนหลังพิงกับแผ่นอกของเขา... จะเป็นยักษ์หรืออะไรก็ช่าง ดารามั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่ถูกจับกินเป็นแน่
เจ้าชายทั้งสามมองลักษมินทร์ที่ง่วนอยู่กับหญิงสาวในอ้อมอกราวกับโลกทั้งใบมีเพียงนางแล้วก็สรวลแก่กันเป็นเชิงรู้ทัน ไม่บ่อยนักที่ลักษมินทร์จะต้องใจใคร ปกติสองพี่น้องทั้งกฤตพรตและลักษมินทร์ผู้เป็นโอรสของพระมเหสีฝ่ายซ้ายออกจะเคร่งขรึมนิยมศึกษาตำรับตำรามากกว่าจะเที่ยวบันเทิงเริงใจทางเนื้อหนัง ในทางตรงกันข้าม รามราเมศและสิงห์ศัตรุตโอรสของพระมเหสีฝ่ายขวานั้นช่ำชองในการรบ รื่นรมย์กับสุรานารีชั้นเลิศอันเป็นรางวัลสงคราม ดังนั้น ภาพลักษมินทร์นั่งเชยชมมือเรียวอยู่นานสองนาน และลอบจุมพิตผมด้านหลังของหญิงสาวบนตักเงียบๆ จึงเรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากทุกคนได้ไม่ยาก
ไม่นานหลังจากลักษมินทร์ถอดเอาเครื่องประดับทั้งหลายแหล่บนมือและแขนนางออกหมดแล้ว เจ้าชายหนุ่มก็ถอดแหวนไพลินวงน้อยออกจากนิ้วก้อยของตน นำมาสวมให้ที่นิ้วกลางของดาราตามธรรมเนียม ดารารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว สีของมันน้ำเงินเข้มสดเป็นประกายดั่งมหาสมุทร ดั่งนภา... บางสิ่งเอ่อล้นขึ้นมาตื้นตันอยู่ในอก
ชั่วชีวิตของจัณฑาลคนหนึ่ง ดาราไม่เคยได้รับของขวัญจากใครมาก่อนเลย และแน่นอนไม่เคยได้สวมไพลินเม็ดงามถึงเพียงนี้ นางไม่มีตัวตน ไม่สลักสำคัญ ไม่มีความหมายกับใครทั้งนั้น ที่ผ่านมามีแต่คอยปรนนิบัติรับใช้ แต่งตัวใส่เครื่องประดับให้เจ้าหญิงอรอุมา ไม่เคยอาจเอื้อมแม้แต่จะแอบลองใส่เพชรพลอยเอง นอกเสียจากที่โดนจับใส่ปลอมเป็นเจ้าหญิงอย่างวันนี้ ทว่าไพลินที่สถิตบนนิ้วของนางสวยยิ่งกว่าอัญมณีเม็ดไหนๆที่เคยเห็นมา เจียระไนเป็นทรงกลมสมบูรณ์ ส่องแสงวิบวับเหมือนดาวดวงหนึ่ง... และตอนนี้ดาราก็รู้สึกราวกับว่านางได้เป็นเจ้าหญิงจริงๆ!
ดาราหันไปสบตากับลักษมินทร์ ก้มลงกราบขอบคุณที่อกเขา เจ้าชายหนุ่มยิ้มให้นาง ก่อนจะประคองดวงหน้าสาวน้อยขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง เขาเอียงใบหน้าไปข้างๆเล็กน้อยในองศาที่พอเหมาะ แล้วนัยน์ตาสีนิลคมก็ปิดลง