๗ มีดล่องหน (๒)
“คราม เดย์เจอผู้หญิงคนเมื่อกี้ในห้องน้ำด้วย เหมือนเขาจะร้องไห้เลย” โฉมนิภา เศวตสวัสดิ์ คนรักของสงครามทั้งยังพ่วงตำแหน่งคู่หมั้นเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ค่อยนั่งลงข้างกายหนามองเขารับประทานอาหารญี่ปุ่นที่หล่อนซื้อมาให้
“ไปดุเขาเหรอคะ” ไม่มีการตอบรับจากสถาปนิกหนุ่มนอกจากใบหน้าที่เรียบเฉย
“เกือบลืมเลย เย็นนี้ต้องไปงานแต่งของเพื่อนเดย์นะคะ คราวนี้ห้ามเบี้ยว” ใบหน้าคมยกยิ้มเล็กน้อยแล้วค่อยตอบรับ
“ผมเคยเบี้ยวด้วยเหรอ” คนฟังได้แต่ถอนหายใจพลางเอามือเท้าสะเอวทำหน้ายักษ์ใส่คนที่ไม่รู้ตัวว่ามักจะผิดนัดเสมอ
“ทุกทีนั่นแหละค่ะ ครั้งก่อนก็ติดงาน ก่อนหน้านั้นก็ลืม ครั้งกระนู้นก็ไปต่างประเทศ อย่าให้เดย์ได้สาธยายเลยคุณสงคราม” เธอทำท่าว่าจะพูดอีกยาวจนสงครามต้องคีบซูชิป้อนใส่ปากเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดจนเสียงเงียบไป เธอยกมือขึ้นตีแขนเขา
“ทำอะไรเนี่ย ถ้าติดคอเดย์จะทำไง อืม แต่อร่อยดีนะคะ ขอกินด้วยสิ” เขาทำเป็นหวงจนเธอต้องตีหลังแล้วพยายามยื้ออาหารที่บอกว่าซื้อมาให้ร่างสูงแต่ตอนนี้เหมือนจะต้องการเองเสียแล้ว เสียงหัวเราะดังก้องห้องทำงานในขณะที่เสียงร้องไห้ของเนตรนภาก็ดังภายในหัวใจเช่นเดียวกัน
ร่างบางเดินเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงออกมาจากสมุทรธารา ดีไซน์โดยไม่มีจุดหมายที่แน่ชัดนัก เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะไปที่ไหนดีจนกระทั่งขึ้นมาบนรถแท็กซี่พร้อมบอกจอดยังสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งหล่อนเคยมากับคนรัก
มันคือสถานที่ซึ่งเขาบอกชอบเป็นครั้งแรก ม้านั่งตัวยาวที่ตอนนี้ไม่มีคนจับจองเธอก็เดินไปนั่งพร้อมเหม่อมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้า ลมพัดเอื่อยๆ ไม่สามารถหอบเอาความชอกช้ำที่มีในใจของหล่อนออกไปได้กลับยิ่งนึกถึงอดีตมากกว่าเดิม
“คุณสงคราม”
“เรียกแล้วไม่พูดแบบนี้ มีความผิดนะครับ”
“ถามจริงๆ นะคะ ที่คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ผมคิดว่า..ผมชอบคุณ”
มันก็เป็นแค่แผนของเขาเท่านั้นที่ต้องการดึงหล่อนเข้าไปในเกมครั้งนี้ เนตรนภายอมรับว่าตัวเองผิดที่ทำงานให้ไทยโหลด ดีไซน์แต่นั่นก็นานมาแล้ว เธอทำเพราะต้องการเงินไปจ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยแพงมหาโหด ถ้าไม่จ่ายตามกำหนดบ้านที่พ่อแม่สร้างก็คงโดนยึดและเธออาจจะไม่มีกระทั่งที่ซุกหัวนอน
ยอมลดศักดิ์ศรีไปทำงานให้บริษัทคู่แข่งก็เป็นตราบาปในใจแล้วเขายังจะโยนความผิดที่หล่อนไม่ได้ก่อให้อีกหรือ สงครามช่างใจร้ายเสียเหลือเกิน
นอกจากไม่รักยังทำร้ายกันอย่างเลือดเย็นไม่ไต่ถามความจริง เชื่อเพียงสิ่งที่เห็นเท่านั้นซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด
“ทำไมไม่ฟังน้ำบ้าง” ถามเสียงเครือแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับนอกจากคนที่เดินผ่านไปมา เนตรนภาปล่อยโฮอย่างไม่อายเมื่อไม่สามารถกักเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ได้
ภาพแห่งช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกันหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดถึงจะพยายามลบออกมันก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน เขาคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้หล่อนรักมากขนาดนี้จนมอบทั้งใจและกายให้ แต่สุดท้ายมันก็ไร้ค่าเพราะอีกฝ่ายมีคนเคียงคู่แล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาหลอกลวงตลอดเพียงเพื่อจับคนร้ายซึ่งเป็นหนอนบ่อนไส้และคนคนนั้นก็คือเธอ..
ยิ่งคิดน้ำตาก็พาลไหลออกมาเรื่อยโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้เลย หัวใจมันปวดไปหมดทั้งอึดอัดในทรวงอกแทบหายใจไม่ออก มันเหมือนว่ากำลังตกลงไปในหลุมดำก้อนใหญ่ที่ไม่อาจจะออกมาได้ต้องอยู่กับความชอกช้ำแบบนี้ไปตลอด
“ฮัลโหล ขอบใจมากที่บอกล่วงหน้า เดี๋ยวฉันจะโอนเงินไปให้ระหว่างนี้ก็เงียบไว้ก่อน” ฉันทิตเดินออกมาจากห้องประชุมก่อนจะกดโทรศัพท์หาคนที่ทำงานให้ตัวเองแล้วเอ่ยเสียงเครียด
เขามีสายที่คอยส่งงานของทางสมุทรธารามาให้ อันที่จริงก็รู้ว่ามันสกปรกทว่าจะทำอย่างไรได้ในเมื่อสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้กระท่อนกระแท่นเหลือเกิน หากไม่ได้งานใหญ่ของ SOP Group ตอนนี้เขาอาจจะได้ออกจากตำแหน่งหัวหน้างานด้วยซ้ำ ทั้งที่กว่าจะขึ้นมาได้ต้องใช้ความสามารถและเข้าหาคนใหญ่คนโต
“รู้ใช่ไหมถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปไม่ใช่แค่ฉันที่ต้องจบกับอาชีพนี้” ไม่ลืมเอ่ยข่มขู่ซึ่งปลายสายก็ตอบรับเสียงสั่น
“ทำให้น้ำปิงเป็นแพะรับบาปไป จะได้ลอยตัว” เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วจึงได้วางสายทันทีพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เพียงเท่านี้ฝ่ายนั้นก็จับมือใครดมไม่ได้และเนตรนภาต้องกลายเป็นคนผิดโดยไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสักนิด
“ขอโทษด้วยนะน้ำปิง ถ้าเธอยอมเป็นเมียฉันก็ไม่ต้องเจออย่างนี้หรอก” เขาพึมพำเสียงเบาก่อนจะหันไปยิ้มให้แฟนสาวที่เดินเข้ามาทักทายยามพักเที่ยงแล้วควงกันออกไปรับประทานอาหารข้างนอกตามความต้องการของเธอ
เย็นวันนั้นเนตรนภาแทบไม่รู้ว่ามาถึงบ้านได้อย่างไร เธอเดินอย่างล่องลอยเข้ามาข้างในก่อนจะวางกระเป๋าที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนทั้งที่ดวงตาแดงก่ำและยังบวมเป่งเหมือนโดนแมลงต่อย แต่ตอนนี้ใครจะสนกันเล่าเมื่อในหัวมีเพียงภาพของสงครามเต็มไปหมด
จะเอาอย่างไรกับชีวิตดีเพราะโดนเสนอให้ยื่นใบลาออกทั้งที่หล่อนไม่ได้มีความผิด ทุ่มเทกับงานครั้งนี้จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเขาก็เห็น แล้วทำไมถึงได้ใจร้ายทำกันลงคอ ตอนนี้ไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีกแล้วเพราะเธอเหนื่อยจะร้องไห้
ทั้งยังรู้สึกว่างเปล่าเหมือนคนไร้ความรู้ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ไม่ได้เปิดไฟให้บ้านสว่างทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหู
“ลุกขึ้นไปอาบน้ำดีๆ” ร่างสูงในชุดผ้ากันเปื้อนเดินมาจับแขนหล่อนแล้วดึงให้ลุกขึ้นนั่งซึ่งคนที่เหนื่อยก็อ้อนให้พ่อครัวเห็นใจ
“พี่ครามขา น้ำทำงานทั้งวันเหนื่อยมากเลย” กอดเอวเขาเอาไว้พลางเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาอย่างออดอ้อนแต่มีหรือที่คนเจ้าระเบียบจะฟังมีแต่แขนให้เธอลุกยืนทั้งที่พยายามขืนตัวเอาไว้ก็ไม่อาจสู้แรงของเขาได้
“อาบน้ำจะได้หายเหนื่อยแล้วมากินข้าวไงครับ” เธอยู่ปากทันทีแล้วถอนหายใจเมื่อหมดทางจะต่อต้าน
“ก็ได้ค่ะ แต่กับข้าวต้องอร่อยๆ มากนะ”
“ผมเคยทำไม่อร่อยเหรอ” เขาถามกลับซึ่งเธอก็นิ่งคิดไปสักพัก
“ไม่เลย พี่ครามทำอะไรก็อร่อยไปหมด” ใบหน้าคมยิ้มเมื่อได้ยินคำยอนั่นแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กไปชำระร่างกายทว่าก่อนจะไปเธอกลับเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจุมพิตที่แก้มเขาค่อยวิ่งขึ้นไปข้างบนปล่อยให้คนโดนลวนลามต้องฉีกยิ้มกว้างเพียงลำพัง
แล้วค่อยหุบยิ้มลงเมื่อคิดได้ว่าตัวเองกำลังจะถลำลงไปในหลุมที่ขุดขึ้นมาเอง
“ฮึก ออกไป ไม่เอาแล้ว” คิดว่าน้ำตาหมดไปแล้วแต่เมื่อภาพในอดีตที่มีร่วมกันผุดขึ้นมาน้ำสีใสก็ยังไหลไม่หยุดจนเธอหายใจแทบไม่ออก
เนตรนภาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วถึงจะสามารถห้ามความเจ็บปวดหรือลบภาพของสงครามออกไปหมด วันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาของเธอเหลือเกิน คิดว่าจะได้นำเสนองานและกรรมการพึงพอใจแต่ทุกอย่างก็ล้มครืนด้วยการที่ถูกตราหน้าว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ จากคนที่เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะทำร้ายได้อย่างสงคราม
สัปดาห์ที่แล้วยังหวานใส่กัน ไปทะเลและมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันอยู่เลย สำหรับเขาแล้วมันเปลี่ยนได้ชั่วข้ามวันอย่างนั้นหรือ..
เขาไม่ได้รักเธอแต่แรกเพราะมีหญิงสาวคนสวยอยู่ข้างกายแล้ว ที่ทำมาทั้งหมดมันก็เป็นแค่แผนหลอกให้ผู้หญิงแสนโง่คนนี้หลงรักเพื่อจะได้สืบหาความจริงนั่นเอง
จะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่ยอมสงครามทุกอย่าง ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะถือมีดมาแทงหัวใจเธอได้อย่างเลือดเย็น
อาวุธที่เขาถือไม่ใช่ดอกไม้อย่างเข้าใจตั้งแต่แรก.. หลงผิดมาเสียตั้งนานเนตรนภา
“เป็นไงบ้างล่ะวันนี้” ก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่แสนร่มรื่นก็ถูกบิดาถามทันทีราวกับว่าท่านรอเวลานี้มาทั้งวัน ร่างสูงคลายเนกไทออกแล้วเอาเสื้อสูทให้แม่บ้านที่มารอรับก่อนจะเดินไปห้องรับแขกพร้อมคุณอากร
“ก็ดีครับ” เขาเพิ่งกลับมาจากงานแต่งของเพื่อนสนิทโฉมนิภาซึ่งอันที่จริงก็แค่ไปนั่งเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรทว่าไม่รู้ทำไมถึงได้เหนื่อยเหลือเกิน
“แกแน่ใจเหรอว่าเขาเป็นคนขายความลับ” เพราะนึกเอ็นดูหญิงสาวอยู่ไม่น้อยในความเก่งกาจเรื่องงานจึงไม่อยากปักใจเชื่อเท่าไหร่นัก
“ผมมีหลักฐานทุกอย่างมัดตัวเธอ พ่อจะดูไหมครับ” ถูกถามบ่อยครั้งจนเริ่มอารมณ์เสียจึงเอ่ยขึ้นเสียงขรึมและแน่นอนว่าบิดาต้องบอกปัดไม่อยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวมึนตึงมากไปกว่านี้ แค่หลายวันที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็แทบไม่ยิ้มจนหลายคนเข้าหน้าไม่ติด
“แกไปพักผ่อนเถอะ” สงครามจึงเดินขึ้นบนบ้านสวนทางกับมารดาที่เดินลงมาพอดีแต่จะเอ่ยทักลูกก็เข้าห้องเสียแล้ว
“ทำไมตาครามอารมณ์เสียง่ายจังคะช่วงนี้” คุณผู้หญิงของบ้านพิชิตสมุทรไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุตรชายคนโตกันแน่จึงถามสามี
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงโดนเหยียบหางมามั้ง” ว่าจบก็โดนภรรยาตีเข้าทันทีแล้วทำสีหน้าไม่พอใจ
“ไปว่าลูกชายของฉันอย่างนั้นได้ไง คุณนี่จริงๆ เลย” คนเป็นสามีโดนเอ็ดเข้าให้ที่บังอาจไปแตะต้องลูกชายสุดที่รักของคุณผู้หญิงเข้าจนท่านต้องหัวเราะพลางส่ายหน้า
“รอลูกสาวผมกลับมาก่อนเถอะ” ท่านมันหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้วหากบุตรสาวกลับมาเมื่อไหร่คงมีพรรคพวกได้ต่อกรกับภรรยาบ้าง
แต่ตอนนี้ก็เป็นห่วงบุตรชายที่ดูเหมือนหุ่นยนต์ขึ้นไปทุกที..