๘ โง่ เซ่อ บ้าเพราะว่ารัก (๑)
๘
โง่ เซ่อ บ้าเพราะว่ารัก
น้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดหายตามเลยสักนิด เนตรนภายังคงนอนอยู่ห้องนั่งเล่นของบ้านเช่นเดิมพร้อมแววตาที่เหม่อลอยถึงจะเป็นเช้าของวันต่อมาแล้วก็ตาม ขอบตาที่เคยสดใสหมองคล้ำ ดวงตาบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
ผ่านไปเพียงแค่วันเดียวก็เหมือนว่าเธอได้กลายร่างเป็นอีกคนที่ตัวเองไม่รู้จักเลยสักนิด ทำไมถึงได้เสียใจมากขนาดนี้อาจเป็นเพราะคนที่รักและไว้ใจหักหลังนั่นเอง..
เขาไม่เชื่อเธอเลยหรืออย่างไร เวลาที่ใช้ร่วมกันมันไม่มีความหมายสำหรับเขาเลยใช่ไหมถึงได้ทำขนาดนี้ หัวใจมันบีบรัดไปหมดก่อนที่ความคิดเบื้องลึกจะร้องเตือนให้เธอตื่นจากความฝันร้ายกาจนี่สักที จะมัวนอนร้องไห้มันจะได้อะไรขึ้นมา
ลองสู้สักตั้งเพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเองสิ คิดดังนั้นร่างบางก็ลุกขึ้นแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกพลังกายพลังใจแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินมาแต่งหน้ากลบร่องรอยความเสียใจจนใบหน้าหวานกลับมาเป็นดังเดิม
ทว่าแววตาที่เคยสดใสกลับหม่นแสงจนน่าใจหาย
จุดมุ่งหมายของเนตรนภาไม่ใช่สมุทรธารา ดีไซน์ทว่าเป็นบ้านของคุณอากร พิชิตสมุทรเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ หญิงสาวต้องการไปอธิบายความจริงให้ท่านเข้าใจหรือไม่ก็เพื่อขอโอกาสจากสงครามอีกครั้ง บางทีเขาอาจจะเชื่อหล่อนก็ได้
คิดดังนั้นยิ้มให้ตัวเองในกระจก “สู้นะน้ำ เธอต้องทำได้” ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมทิ้งงานอันเป็นรายได้หลักของตัวเองเด็ดขาด
ร่างบางเดินออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นแท็กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทางคือย่านดังอันเป็นแหล่งรวมที่อยู่ของบรรดานักธุรกิจและบรรดาคนมีชื่อเสียงทั้งหลาย
ระหว่างทางมือเล็กกุมกันแน่นทั้งยังชื่นเหงื่อเพราะตื่นเต้น ที่เธอรู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหนก็เพราะติดตามคุณอากรมาตั้งแต่เรียน อยากเห็นบ้านของสถาปนิกชื่อดังว่าเป็นอย่างไรทำให้ได้รู้ไปด้วยว่ามันตั้งอยู่ที่ใด สะดวกต่อการไปมากแค่ไหน
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อถึงหน้าบ้านที่มีรั้วสูงล้อมรอบทั้งต้นไม้สูงใหญ่ปิดบังเธอก็สูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนลงจากรถ
เมื่อยืนมองอยู่หน้ารั้วก็อยากจะวิ่งกลับบ้านเสียเหลือเกินรู้ดีว่าใจยังไม่พร้อมเท่าไหร่ แต่มาขนาดนี้จะให้หนีก็ไม่ใช่วิสัยของตัวเองจึงเดินไปกดกริ่ง รอสักพักก็มีแม่บ้านวิ่งมาเปิดประตูเล็กพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มรับแขกจนเธอรีบยิ้มกลับ
“มาหาใครคะ”
“ฉันชื่อเนตรนภาเป็นสถาปนิกของสมุทรธารา มาขอพบคุณอากรค่ะ” เวลาเช้าขนาดนี้เชื่อว่าท่านคงยังไม่ออกไปไหน
“รอสักครู่นะคะ” กำลังจะเดินเข้าไปข้างในก็ถูกปิดประตูใส่หน้าเสียก่อนเนตรนภาจึงต้องรออยู่ข้างนอกทั้งที่จริงอยากเข้าไปสำรวจข้างในให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งใจจะขาด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นแค่พนักงานตัวเล็กไม่ได้ใหญ่โตให้เขาต้องต้อนรับอย่างดี
เธอรออยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ จนพระอาทิตย์เริ่มส่องแสงแรงมาแผดเผาก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ร่างบางถอนหายใจหลายสิบรอบมองไปที่ประตูอย่างรอคอยด้วยความหวังแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนข้างในจะมาเปิด
“หรือว่าคุณอากรจะไม่อยู่บ้าน” พึมพำเสียงเบาแล้วหันไปมองกล้องวงจรปิดหน้าบ้านส่งยิ้มพร้อมโบกมือให้อย่างร่าเริงทั้งที่ข้างในไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกสักนิด เธอหวังว่าจะมีใครมองและเห็นว่าหน้าบ้านมีคนรู้อยู่รีบมาเปิดประตูให้สักที
ทว่ารอแล้วรอรอดก็ไม่มีสักคนออกมาจากบ้าน.. หรือว่าเขาจะไม่อยู่กันนะ แต่นี่มันวันเสาร์ไม่ใช่หรือ
ถ้าเป็นสงครามมาเปิดก็คงดี คิดแล้วก็ได้แต่นั่งยองย่อเอาหน้าซบลงบนเข่าอย่างหมดแรง โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เธอภาวนาให้ออกมาหานั้นกำลังมองร่างบางผ่านกล้องวงจรปิดภายในห้องนอนของตัวเองอยู่
ดวงตาคมจ้องคนที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยแววตาเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกใด..หรือบางทีก็คงปกปิดมันเอาไว้ดีเหลือเกินแม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม
แอ๊ด
เสียงเปิดประตูทำให้คนที่ก้มหน้ารีบลุกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มหวานก็พบว่าคนที่ต้องการเจอมากที่สุดกำลังยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนแล้ว วินาทีที่สบตาเขาเธออาจจะเป็นบ้าก็ได้ที่เห็นว่าคนร้ายกาจเมื่อวานยังเป็นพี่สงครามแสนอ่อนโยนคนเดิมจนเผลอมองเขาอย่างหลงใหล
“พี่ครามคะ”น้ำเสียงและแววตาที่เนตรนภามอบให้ยังคงไม่เปลี่ยนจนชายหนุ่มต้องเสหลบ
“คุณมีธุระอะไร” เขาไม่ได้เชิญเข้าบ้านกลับถามตรงประเด็นจนคนที่ไม่ได้เตรียมคำพูดมาคิดอะไรไม่ออก
“น้ำไม่ได้บอกข้อมูลพวกนั้นให้เขาจริงๆ นะคะ น้ำผิดที่แอบทำงานให้ไทยโหลดแต่งานพวกนั้นก็ไม่ได้กระทบกับบริษัท” รู้ดีว่ามันเป็นการแก้ตัวเพราะตามข้อตกลงในสัญญาว่าจ้างก็บอกชัดเจนว่าห้ามทำงานให้บริษัทอื่นที่อยู่ในสายงานสถาปนิก
เขายกยิ้มมุมปากรู้สึกสมเพชคนตรงหน้าที่พยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองพ้นผิดทั้งที่ความจริงมันก็เห็นอยู่ชัดเจนแล้ว
“คุณจะบอกว่าคุณไม่ผิดใช่ไหม” จะพูดคำนั้นก็ไม่เต็มปากเพราะเธอก็ผิดที่แอบทำงานอื่นเนื่องจากต้องการเงินมารักษามารดาที่ป่วย
“คือน้ำก็ผิดที่ทำงานให้ไทยโหลด แต่ว่าน้ำไม่ใช่คนเอาความลับของบริษัทไปขายนะคะ พี่ครามเชื่อน้ำเถอะนะ” เธอค่อยยกมือขึ้นจะแตะแขนเขาทว่าชายหนุ่มกลับปัดออกอย่างแรงราวรังเกียจนักหนา
และใบหน้าหวานก็ซีดลงทันทีเมื่อเจอปฏิกิริยาเช่นนี้
“วันจันทร์ผมจะรอใบลาออกของคุณ ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน” ยื่นคำขาดทันทีโดยไม่ทบทวนอีกครั้ง ในเมื่อหลักฐานที่เขาหามามันชัดขนาดนี้ทำไมต้องฟังคำแก้ตัวของคนผิดด้วยเล่า ถึงจะใช้ชีวิตผูกติดกับเนตรนภามาหลายเดือนแต่เขาก็จำต้องเด็ดขาดในเรื่องบริษัท
ผิดก็ว่าไปตามผิดไม่มีผ่อนปรนเด็ดขาด
“พี่ครามขา..น้ำไม่ได้ทำจริงๆ” ว่าเสียงสั่นทั้งน้ำตาเอ่อคลอทว่าเขาไม่อยู่ฟังเดินเข้าไปข้างในบ้านทันทีปล่อยให้ร่างบางยืนมองรั้วพร้อมน้ำตาที่ไหลเป็นสาย
เธอผิดมากเลยอย่างนั้นหรือ ทำไมไม่ฟังเหตุผลกันบ้าง.. ขอแค่เขารับฟังสักนิด คงไม่เสียใจขนาดนี้
“พี่ครามใจร้าย” เอ่ยเสียงเบาก่อนจะเดินจากไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าวมากกว่าเดิม เธอไม่น่ามาหาเขาให้เจ็บช้ำมากกว่าเดิมเลย
“อ้าว คุณ” ร่างบางเดินออกจากซอยบ้านเขาก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกก็พบผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของสงคราม
แฟนตัวจริงไม่ใช่แค่คนคั่นเวลาหรือของปลอมเช่นเธอ
“จะไปไหนคะ” อีกฝ่ายขับรถเบ้นซ์ราคาแพงทั้งสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ชาตินี้ทั้งชาติหล่อนคงไม่มีปัญญาซื้อ
“กลับบ้านค่ะ” ถึงจะไม่ชอบหน้าหญิงสาวตรงหน้ามากแค่ไหนแต่จำต้องเก็บอารมณ์เอาไว้แล้วตอบกลับเสียงนิ่งพร้อมเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“ให้เดย์ไปส่งหน้าปากซอยไหมคะ ถ้าเดินไปก็ไกลอยู่นะ” นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังมีน้ำใจอีกด้วย ผู้หญิงแบบนี้สินะที่คู่ควรกับสงคราม
“อ่ะ สักครู่นะคะ” เสียงโทรศัพท์ดังจากกระเป๋ากางเกงของคนตรงข้ามเธอจึงรีบหยิบมารับพร้อมใบหน้าแต้มรอยยิ้มหวาน
“ค่ะคราม เดย์ใกล้จะถึงบ้านคุณแล้ว โอเคค่ะ ค่ะ” เนตรนภาเข่นยิ้มอย่างสมเพชตัวเองที่ไปคาดหวังกับสงคราม เขาไม่ใช่พี่ครามคนเดิมของเธออีกแล้วทว่ามีแฟนสาวที่เพียบพร้อมครอบครองทั้งหัวใจ
ยังจะคาดหวังอะไรจากชายหนุ่มได้อีกหรือ
“ไปค่ะเดี๋ยวเดย์ไปส่ง” เห็นหญิงสาวเศร้าทั้งยังเหมือนเดินร้องไห้ก็สงสารจึงเอ่ยอาสาด้วยความหวังดี
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” แต่เนตรนภาก็ปฏิเสธแล้วเดินหนีไปทันทีไม่อยากอยู่มองอีกฝ่ายให้รู้สึกสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าเหตุใดสงครามถึงเลือกผู้หญิงคนนั้นที่มีพร้อมทุกอย่าง เหมาะสมกันทุกประการ
ต่างจากเธออย่างลิบลับที่เป็นแค่คนเดินดินธรรมดาไม่ได้มีฐานะให้เขาเชิดหน้าชูตาได้ ที่เข้ามาหาก็เพราะล้วงความลับและได้เล่นสนุกกับเธอเท่านั้น
“ฮึก” สะอื้นไห้เมื่อนึกถึงความจริงที่ต้องเผชิญ ทั้งความรักและหน้าที่การงานพังลงไม่เป็นท่า เพียงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของหล่อน
คิดว่าจะเจอความรักที่ดีอย่างหวังแต่สุดท้ายก็เป็นแค่คำลวงเท่านั้น เขาไม่ได้รักจริงแค่มาล้วงเอาความลับแล้วตีจากอย่างรวดเร็ว
คำว่ารักที่เคยมอบให้กันก็เป็นเพียงลมปาก ไม่ได้รู้สึกจริงอย่างที่พูดสินะ..ต่างจากเธอที่รักเขาด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และถึงสงครามจะทำขนาดนี้มันก็ยังคงภักดีต่อชายหนุ่มไม่เปลี่ยน ทำไมถึงโง่เง่าขนาดนี้กันนะเนตรนภา
วันหยุดผ่านไปด้วยความว่างเปล่า ร่างบางแทบไม่ลุกทำอะไรเอาแต่นอนอยู่ด้วยความเศร้าสร้อยจนเช้าวันจันทร์ที่สงครามยื่นคำขาดเอาไว้มาถึงโดยที่หล่อนยังคงแต่งตัวไปทำงานเหมือนเดิม ในเมื่อไม่ผิดก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องออก
เนตรนภาไปทำงานเช้ากว่าทุกวันและตอกบัตรเข้างานปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าข่าวลือเรื่องของเธอกลับแพร่สะพัดไปทั่วตึกแล้วทำให้แต่ละสายตาจับจ้องพร้อมหันไปซุบซิบกันหลังจากที่หล่อนเธอผ่าน
“ภพ มาเช้าจังเลย”
“คุณน้ำปิง” นั่งลงโต๊ะประจำของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเอ่ยทักเพื่อนซึ่งนั่งโต๊ะข้างกันราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมทำหน้าตื่นแบบนั้นล่ะ มีอะไรเหรอ” เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีจึงทำเพียงส่ายหน้า
“เปล่าครับ” เนตรนภาเปิดคอมพิวเตอร์และงานที่คั่งค้างขึ้นมาทำต่อทว่าไม่นานก็มีเสียงน่ารำคาญตะโกนดังทั่วห้อง
“อ้าว ได้ยินว่าโดนไล่ออกแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังเสนอหน้ามาทำงานล่ะ” ยังเป็นคนเดิมที่กล้าพูดจาสุนัขไม่รับประทานใส่หล่อนจนเนตรนภาต้องสูดลมหายใจระงับความโกรธเอาไว้ก่อนจะตวัดสายตาไปมอง
“พอดีงานเยอะเลยต้องเคลียร์งานค่ะ ไม่ได้ว่างมาสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นเหมือนบางคน” คำพูดของเธอไม่ได้กระทบใจคนฟังอีกแล้วเพราะถือว่าเหนือกว่าจึงได้หัวเราะร่ากับเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน
“เหรอจ๊ะน้องน้ำปิง ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำงานซะนะ ก่อนจะไม่ได้ทำอีกนาน ฮ่าๆ” ร่างบางแทบจะลุกขึ้นไปตบคนตรงหน้าถ้าไม่ใช่เพราะปภพจับเอาไว้ก่อน
“อย่าครับคุณน้ำปิง” โกรธจนตัวสั่นแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เธอพยายามบังคับลมหายใจแล้วทำงานในส่วนของตัวเองต่อไปจนกระทั่งคุณสันติสุขเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม