๖ น้ำผึ้งอาบยาพิษ (๒)
สงครามอาจมีแฟนแล้ว หรือเลวร้ายสุดคือแต่งงานมีครอบครัวและเธอต้องตกเป็นน้อยเขา เนตรนภารับไม่ได้เด็ดขาดหากเป็นแบบนั้นก็คงต้องเลิก ทว่าใจกลับเอนเอียงเมื่อคิดถึงยามอยู่กับร่างหนาแล้วหล่อนมีความสุขเหลือเกิน
ชายหนุ่มมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด สร้างความสุขทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เธออาจจะคิดมากไปเองเขาคงเครียดเรื่องครอบครัว
“อย่างี่เง่าสิน้ำ” เตือนตัวเองไม่ให้คิดมาก เธอคงอ่อนไหวเพราะใกล้ช่วงประจำเดือนจะมามากเกินไปจนต้องหันไปมองปฏิทินซึ่งติดข้างผนัง
“เดี๋ยวก่อนนะ” หยุดชะงักก่อนจะเดินไปเปิดปฏิทินแขวนย้อนหลังกลับพบว่าตัวเองไม่เป็นประจำเดือนมาสองเดือนแล้ว!
นี่มัน..หายนะชัดๆ
“ไม่จริงหรอก” พยายามกล่อมตัวเองไม่ให้คิดมาก บางทีอาจจะเพราะเครียดกับงานก็ได้ เคยเกิดการคลาดเคลื่อนของประจำเดือนอยู่ครั้งถึงสองครั้ง อย่าตื่นตูมไปก่อนเลยน่าน้ำปิง กล่อมตัวเองพลางค่อยยิ้มออกมาแล้วปาดน้ำตาที่ไหลเปื้อนใบหน้าทันที
เธอต้องเข้มแข็ง อย่าเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่เอาแต่คิดไปเอง หากสงสัยอะไรค่อยถามเขาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
แต่เธอไม่รู้ว่าพรุ่งนี้และวันต่อมาสงครามจะไม่โผล่ที่บริษัทเลยสักวัน โทรไปก็ปิดเครื่อง บ้านเขาหล่อนก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน กลายเป็นว่ากระวนกระวายอยู่ทั้งวันจนปภพต้องถามด้วยความสงสัย
“คุณน้ำปิงเป็นอะไร” เมื่อเห็นว่าเพื่อนเหม่อจึงถามด้วยความสงสัยเพราะปกติเนตรนภาไม่เคยเป็นแบบนี้
“หือ อ้อ เปล่า พอดีคิดงาน” เธอหันมาบอกพร้อมยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงก็เผลอจ้องโต๊ะฝั่งตรงข้ามที่เคยมีสงครามนั่งอยู่แล้วได้แต่คิดว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ทำอะไรถึงขาดการติดต่อแบบนี้
“ไปกินข้าวเที่ยงกัน จะได้ไปประชุมพรุ่งนี้ต้องเสนองานแล้ว” หนุ่มแว่นชวนเพราะเห็นว่าหล่อนยังนั่งอยู่ที่เดิมทั้งที่ทุกคนกำลังพักเที่ยง
“ไม่หิว ไปกินเถอะ” หันมาจมกับงานต่อและปภพก็ไม่ได้เซ้าซี้ให้มากความปล่อยร่างบางนั่งทำงานเพียงลำพัง แต่เมื่อลับหลังเขาดวงตากลมโตก็เหม่อลอยอีกครั้ง เธอไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันว่าทำไมถึงเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานได้
ถึงจะพยายามตั้งสมาธิกับการออกแบบบ้านตรงหน้าก็ได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็ต้องกลับมาคิดถึงเรื่องของสงคราม ตาเผลอมองโทรศัพท์ทุกๆ หนึ่งนาทีหวังว่าเขาจะโทรมาบ้างแต่ก็ไม่มีการติดต่อใดเลยจนต้องถอนหายใจ
ความรักมันเป็นแบบนี้เอง ยามอยู่ด้วยกันก็สุขใจ ยามห่างไกลก็คิดถึง มีเรื่องเล็กน้อยเกิดขึ้นก็พลอยทำให้คิดมาก ล่าสุดเธอกับเขามีปากเสียงกันถึงจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดชายหนุ่มจึงทำตัวห่างเหินทว่าเธอยังต้องการปรับความเข้าใจอยู่ดี ใครจะผิดหรือถูกนั่นไม่สำคัญเลยสักนิด
ขอแค่ให้เห็นหน้าเขา ได้พูดคุยกันก็พอแล้วในตอนนี้
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงเพราะต้องนำเสนองานต่อหน้าผู้บริหารของ SOP Group และโครงการนี้มีมูลค่ามหาศาลจนเกิดความกดดันต่อสถาปนิกทุกคน เนตรนภาแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทสีชมพูและกางเกงสแลคสีเข้ากันพร้อมส้นสูงนำโชคมักใส่ประจำยามมีงานใหญ่
เหล่าสถาปนิกของสมุทรธาราพากันขึ้นรถตู้บริษัทไปยังสถานที่นัดหมายคือห้องประชุมขนาดใหญ่ของโรงแรมในเครือ SOP Group ถือเป็นโรงแรมระดับห้าดาวมีคนเข้าพักเป็นชนชั้นระดับสูงหรือไม่ก็ต่างชาติซึ่งมีรายได้มากพอจะจ่ายค่าห้องครึ่งหมื่นต่อคืน
“ทำไมไม่รับนะ” ระหว่างที่เตรียมนำเสนอเนตรนภาก็แอบโทรหาสงครามเพื่อขอกำลังใจแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเช่นเคย ราวกับว่าเขาโยนโทรศัพท์ออกนอกโลกอย่างนั้นแหละ
“ไปกันครับ” ปภพเดินมาหาหล่อนแล้วเรียกไปยังห้องประชุมใหญ่เพื่อนำเสนอโครงการทว่ายังไม่ทันจะได้เดินเข้าห้องก็พบฉันทิตมาพร้อมกับสถาปนิกอีกสามคน เขามองเธอพร้อมยกยิ้มก่อนก้าวเข้ามาหาพลางสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“วันนี้ขอให้โชคดีนะครับ” เนตรนภารีบบอกปัดทันทีไม่ต้องการเป็นจุดสังเกต
“เช่นกันค่ะ” หล่อนคว้าแขนของปภพเดินเข้าไปข้างในปล่อยให้คนมองตามยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ทั้งแววตาแพรวพราวที่เธอไม่ทันจะได้เห็น
เขากำลังจะก้าวเข้าไปห้องก็ต้องหยุดเมื่อมีชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตามายืนขวางเอาไว้ก่อนจะจ้องด้วยแววตานิ่งทว่าทำเอาฉันทิตต้องชะงักทั้งรู้สึกขนลุกซู่ไม่กล้าแม้แต่จะมองกลับ
“หวังว่าจะได้เห็นงานดีๆ จากคุณนะครับ” ไม่รู้ว่านั่นเป็นประโยคให้กำลังใจหรือเปล่าแต่ดูจากดวงตาคมแล้วเขาก็จำต้องยิ้มพลางเอ่ยด้วยเสียงยินดี
“ขอบคุณครับ” ฉันทิตเดินเลี่ยงไปไม่ได้พูดคุยต่อเพราะจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เหมือนคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน จนต้องสะบัดศีรษะไล่เรื่องกวนใจออกไปเพราะจากนี้เขาต้องทำงานหนักให้ได้โปรเจคยักษ์ครั้งนี้มา
เพียงแค่เข้ามาในห้องบรรยากาศก็กดดันจนหายใจไม่ทั่วท้อง เนตรนภาที่ผ่านการนำเสนองานมาเยอะกลับรู้สึกเหมือนว่านี่เป็นครั้งแรก มือเล็กชื้นเหงื่อจนต้องจับเอาไว้แน่นก่อนจะลุกขึ้นยืนสวัสดีลูกค้าที่เป็นถึงประธานบริษัทในเครือ SOP Group
“ไม่ต้องตื่นเต้น เอาแบบสบายๆ” ท่านอายุเยอะแต่ยังดูหนุ่มแน่นทั้งเป็นกันเองจนคลายความกังวลลงได้บ้าง
“ให้ไทยโหลดพรีเซ้นก่อนแล้วกัน” เอกสารที่เตรียมมาของบริษัทคู่แข่งถูกแจกจ่ายให้ทุกคนในที่ประชุมทันที และเมื่อเนตรนภาเปิดอ่านก็แทบสิ้นสติเมื่อพบว่าบางส่วนของภาพร่างเหมือนงานของพวกเธอไม่มีผิด! เพียงแค่ปรับแต่งเล็กน้อยเท่านั้น
“สวัสดีครับทุกท่าน ผมฉันทิตจะเป็นคนพาทุกท่านในที่แห่งนี้ไปชมกับคอนโดมิเนียมสุดหรูที่ไม่เหมือนใคร เราจะเริ่มตั้งแต่ด้านหน้าเลยนะครับ” โปรเจคเตอร์ฉายขึ้นให้เห็นภาพใหญ่จนเนตรนภาตกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
รั้วที่เธออุตส่าห์คิดแทบตายและพยายามหาข้อมูลถูกอีกฝ่ายฉกชิงไปอย่างหน้าด้าน อยากลุกขึ้นมาประท้วงแต่ก็ไม่อาจทำได้ มือเล็กจิกเข้าหากันระงับอารมณ์โกรธจ้องคนตรงหน้าด้วยแววตาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ
เธอมองคนในบริษัทที่ยังคงนิ่งไม่มีท่าทีตกใจก็นึกสงสัย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่เธอให้ความสนใจคือฉันทิตมากกว่า เขาไปเอาแบบมาได้อย่างไร และเมื่อนำเสนอไปเรื่อยๆ ก็พบว่าหลายจุดที่เหมือนกันทั้งตรงล็อบบี้ เพ้นเฮ้าสุดหรู สระว่ายน้ำชั้นบนและร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นไทยและโมเดิร์นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
นี่ไม่ใช่แค่เหมือนแล้วแต่เป็นการคัดลอกจับวางเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธแทบจะลุกขึ้นไปฉีกชายหนุ่มให้เป็นชิ้น รอจนกระทั่งการนำเสนอจบและทุกคนต่างปรบมือให้พร้อมรอยยิ้มก็เคียดแค้นในใจ
“เชิญสมุทรธาราครับ หวังว่าจะมีแนวคิดที่แตกต่างนะ” ผู้บริหารเอ่ยพลางยิ้มแย้ม
“ผมชอบให้สูสีกันมากกว่าทิ้งนำไม่เห็นฝุ่น” อีกคนสมทบและนั่นสร้างความกลุ้มใจให้เนตรนภาเหลือเกิน หญิงสาวมือเท้าเย็นเชียบเพราะว่าแบบของบริษัทตนเหมือนกับไทยโหลด ดีไซน์หลายอัน ลอบกลืนน้ำทั้งที่เหนียวหนืดไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรได้แต่มองเพื่อนคนอื่น
“ขอตัวสักครู่ครับ” ณภัทรหรือปิ๊ก รุ่นพี่สถาปนิกที่มีฝีมือร้ายกาจค้อมศีรษะให้ประธานบริษัทก่อนจะเดินมาจับแขนเนตรนภาให้ออกไปข้างนอกทันทีจนเธอเองก็ไม่อาจต้านทานได้เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจ
“มีอะไรพี่ปิ๊ก” ออกมาข้างนอกหล่อนก็ถามด้วยความสงสัยทั้งร้อนใจเนื่องจากต้องนำเสนองานแล้ว
“ขอโทษนะน้ำ แต่เบื้องบนสั่งไม่ให้แกเข้าประชุมด้วยว่ะ” ตอนนี้เธองงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าไม่ให้เข้าประชุมด้วยนั้นคืออะไร ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับหล่อนด้วยทั้งที่ตั้งใจทุ่มเทให้โปรเจคนี้มาตลอด
“ทำไมล่ะพี่” อีกฝ่ายส่ายศีรษะ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่ารอข้างนอกเถอะนะ” ในเมื่อพูดกันขนาดนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้เล่า ถึงจะสงสัยและคับข้องใจก็ไม่อาจโวยวายกลางโรงแรมซึ่งเป็นที่ของลูกค้าไม่ได้จึงจำต้องเงียบแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ก็ได้ค่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นณภัทรก็รีบเข้าห้องประชุมปล่อยให้ร่างบางเดินไปรอที่ล็อบบี้เพียงลำพังด้วยความรู้สึกแสนอึดอัด ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับหล่อนด้วย แล้วฉันทิตไปเอาผลงานนั้นมาจากที่ไหน
ในขณะที่รอก็นั่งคิดทบทวนด้วยใจกระวนกระวาย มือเล็กประสานกันแน่นทั้งชื้นเหงื่อมองนาฬิกาของโรงแรมแทบทุกสองนาที อยากรู้ใจจะขาดว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง ผลงานจะถูกกรรมการตำหนิหรือไม่ในเมื่อบางส่วนเหมือนไทยโหลดเสียขนาดนั้น
อยากลุกขึ้นยืนแต่ก็กลัวว่าจะล้มเนื่องจากไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ทั้งเมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย ทำไมเวลาเพียงสามสิบนาทีถึงนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์อย่างนี้ กระทั่งประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกเธอก็รีบลุกขึ้นไปค้อมศีรษะให้ผู้บริหารหลายท่านที่เดินคุยกันออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีท่าทีพึงพอใจต่องาน
“ภพ เป็นยังไงบ้าง” เดินไปจับแขนเพื่อนแล้วถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นทาง SOP Group มีท่าทางตอบรับที่ดี
“ผ่านไปได้ด้วยดี” ชายหนุ่มมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดจนเนตรนภาสงสัย
“จริงเหรอ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ยังไม่ทันจะได้ตอบคนที่เหลือก็เดินเข้ามารวมกลุ่มด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก
“กลับบริษัทกันเถอะ” ณภัทรที่เป็นหัวหน้างานครั้งนี้เอ่ยเสียงขรึมก่อนจะเดินนำหน้าไปขึ้นรถตู้ ปล่อยให้เนตรนภาสงสัยในท่าทีของแต่ละคน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ตั้งแต่ที่โดนเชิญให้ออกมารอข้างนอกทั้งที่จริงควรนำเสนอด้วยซ้ำ
ใจมันร้องบอกว่ามีบางสิ่งผิดปกติแต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งถึงบริษัทและทุกคนเดินลงจากรถกดลิฟต์ไปยังชั้นของผู้บริหารระดับสูง แน่นอนว่าชั้นหกคือที่หมายเมื่อประตูเปิดใจของเนตรนภาก็หนักอึ้งเหมือนมีคนเอาหินมาถ่วง รับรู้ถึงลางร้ายที่ใกล้เข้ามา ณภัทรเปิดประตูเข้าไปภายในห้องก็พบกับคุณอากรและชายหนุ่มที่ยืนหันหลังอยู่ข้างท่าน
“เป็นไง งานผ่านไปด้วยดีไหม” ท่านเป็นสถาปนิกชื่อดังที่เดี๋ยวนี้รับงานน้อยเพราะต้องดูแลบริษัทเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มที่แต้มริมฝีปาก
“ดีครับ” เมื่อตอบกลับอีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเอ่ยแนะนำคนข้างกาย
“ผมลืมแนะนำไปเลย นี่ลูกชายของผมจะเข้ามาบริหารบริษัทและเป็นสถาปนิกด้วย” และเมื่อหนุ่มร่างสูงหันมาทุกคนในที่นั้นก็อ้าปากค้างตกใจกันหมด และคนที่หนักสุดน่าจะเป็นเนตรนภาที่แทบล้มทั้งยืนด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับ หลายคนคงรู้จักผมแล้ว ผมสงคราม พิชิตสมุทรครับ” ดวงตาคมพุ่งตรงมาที่เธอซึ่งยืนข้างหลังสุด
สายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงจนเกือบหลงคิดไปว่าตัวเองถูกเผาให้มอดไหม้เสียแล้ว..