๕ ข่มอารมณ์ (๒)
“หือ ไปทะเลเหรอคะ” หลังจากที่ทำงานหนักมากกว่าสองเดือนกับโปรเจคใหญ่ อีกสามวันข้างหน้าก็จะถึงการนำเสนอรอบแรกแล้วทำให้เธออดตื่นเต้นไม่ได้เพราะจมอยู่กับงานนี้นานทั้งยังทุ่มเทจนแทบไม่มีเวลานอน
“ใช่ ผมได้บัตรที่พักฟรีมาจากเพื่อน สนใจไหม” ขณะที่กำลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกันสงครามก็เอ่ยขึ้นจนคนตรงข้ามเริ่มยิ้มออก
“สนค่ะ แต่ว่างานยังเยอะอยู่เลย” หล่อนชอบทะเลเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่คิดจะปฏิเสธยิ่งได้ไปกับคนรู้ใจก็ไม่อยากจะพลาดทว่าเมื่อคิดถึงงานที่กองเป็นภูเขาก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนเรียนว่าหนักแล้วออกมาทำงานหนักกว่าอีก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วยเคลียร์” ตอนนี้สงครามกลายเป็นคนโปรดของคุณสันติสุขด้วยการทำงานที่แสนจะเพอร์เฟคทั้งยังนำเสนอได้ดี มีความรอบคอบ ฝีมือเข้าขั้นยอดเยี่ยมจนเธออยากรู้เหลือเกินว่าบริษัทไปหาผู้ชายที่ดีครบขนาดนี้มาจากที่ไหน
แต่คนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็นเธอที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของสงคราม
“พูดแล้วนะ ห้ามคืนคำด้วย” ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“ไม่คืนอยู่แล้วครับ” ได้ยินเท่านั้นเธอก็ฉีกยิ้มกว้างตักข้าวเข้าปากพลางเคี้ยวอย่างมีความสุข ไม่ได้ไปเที่ยวหรือพักผ่อนนานแล้วเพราะภาระงานที่หนักอึ้งทั้งยังมารดาซึ่งป่วยอยู่เนตรนภาจึงต้องสละเวลาส่วนตัวเพื่อดูแลครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวของหล่อน
สุดท้ายท่านก็จากไปและเธอก็ต้องทำงานเพื่อหาเงินใช้หนี้ที่กู้ยืมมารักษาท่านจนกระทั่งหมดโดยเร็ว แน่นอนว่าไม่ใช่งานจากบริษัทสมุทรธาราเพียงที่เดียว..แต่มันยังรวมถึงไทยโหลด ดีไซน์ บริษัทคู่แข่งอีกด้วย
คืนนั้นหญิงสาวแทบไม่ได้นอนเพราะมัวแต่เลือกเสื้อผ้าจะไปเที่ยวจนร่างสูงต้องลากมากดลงบนเตียงนุ่มพร้อมกอดเอาไว้แน่นกระทั่งผล็อยหลับไปทั้งสองคน พอเช้าวันต่อมาก็ลุกขึ้นเอากระเป๋าขึ้นรถแล้วขับไปยังที่หมายซึ่งเป็นรีสอร์ทติดชายหาดค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“โอ้โห สวยมากเลยค่ะ” ระหว่างทางคนตัวเล็กตื่นเต้นเอาแต่คุยเป็นคุ้งเป็นแควกระทั่งถึงที่พักจึงลงจากรถแล้วถอดแว่นกันแดดชมความงามของทะเล
บ้านพักตรงหน้าเป็นบ้านพักสองชั้นโดนด้านล่างฉาบปูนสีขาวในขณะที่ชั้นสองเป็นไม้เนื้อละเอียดมีระเบียงไว้สำหรับพักผ่อนและมองทิวทัศน์ บริเวณบ้านล้อมรอบไปด้วยพุ่มไม้และดอกไม้สีสันสวยงาม ทั้งยังมีโต๊ะเก้าอี้ขนาดกลางไว้สำหรับทำอาหารรับประทานร่วมกัน
“ชอบใช่ไหม” เขาถือกระเป๋าทั้งสองใบเข้าบ้านปล่อยให้ร่างบางเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามมา
“ชอบมากๆ เลยค่ะ” และเมื่อเดินผ่านประตูใหญ่หน้าบ้านก็เป็นห้องโถงใหญ่โดยมีโซฟารูปตัวแอลวางไว้ตรงข้ามกับโทรทัศน์จอแบน
“น้ำชอบก็ดีแล้ว” ไม่รู้ว่าทำไมเธอจึงได้รู้สึกรักเขามากขนาดนี้จนต้องเดินเข้าไปกอดพลางสูดกลิ่นหอมจากกายหนาเข้าเต็มปอด
“ขอบคุณนะคะที่ชวนมา” มือหนายกขึ้นโอบรอบเอวเล็กก่อนจะกดจมูกลงที่ศีรษะของอีกฝ่ายโดยที่ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความรู้สึกทั้งที่แววตาสั่นไหวอย่างไม่แน่ใจ
แต่ในเมื่อเดินหน้ามาไกลขนาดนี้แล้วคงไม่อาจหันหลังกลับไปได้
“ขึ้นไปดูข้างบนดีกว่า” เขาผละออกจากหญิงสาวพร้อมเอ่ยชวนด้วยท่าทีปกติจนเธอไม่เอะใจสักนิดว่าบางทีการมาทะเลครั้งอาจเป็นความสุขครั้งสุดท้ายก็ได้
“ค่ะ” พยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นห้องปล่อยให้ชายหนุ่มยืนอยู่ห้องรับแขกเพียงลำพังแล้วถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
ตอนเริ่มเขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะจับคนผิดมาลงโทษ แต่ทำไมตอนนี้ใจมันถึงวูบโหวงทั้งยังเอนเอียงตลอดเวลาอย่างนี้ ในเมื่อลงแรงไปแล้วก็ต้องได้กำไรคืนมาไม่ใช่หรือ เขาจะไม่ยอมเสียแรงเปล่าโดยไม่ได้ผลตอบแทนแน่นอน
หลังจากเก็บของเข้าห้องแล้วเธอก็ลงมาเดินเล่นริมชายหาดซึ่งอยู่ติดับบ้านพักทันที ถ่ายรูปจนหนำใจก็วิ่งเอาเท้าไปแตะน้ำพอให้ได้สดชื่นบ้างไม่กล้าเอาลงทั้งตัวกลัวจะดำ อีกทั้งแดดร้อนขนาดนี้ผิวจะไหม้เสียก่อน
“อ้าว น้ำนั่นเอง” ไม่รู้ว่าฟ้าชังหรือสวรรค์กลั่นแกล้งกันแน่ถึงได้มาพบกับคนที่ไม่ต้องการเจอหน้ามากที่สุดอย่างฉันทิตได้
“โลกมันกลมจังเลยนะ” ร่างสูงค่อยเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำเอาคนมองขนลุกซู่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้มาคนเดียว และแน่นอนว่าเรื่องที่หล่อนรู้จักกับชายหนุ่มของบริษัทคู่แข่งจะแพร่งพรายให้คนอื่นรู้ไม่ได้
“ฉันไม่ทำงานให้คุณ คุณไปเถอะค่ะ” พยายามบอกปัดแล้วจะเดินหนีแต่อีกฝ่ายกลับคว้าแขนไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้คุยกันเลย ไม่ทำก็ไม่ทำ ผมไม่ว่าอะไรสักหน่อย” นอกจากฝีมือเธอที่เข้าตาเขาแล้วหน้าตาของเนตรนภายังตรงใจอีกด้วย หากไม่ติดว่าตัวเองมีคนรักที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทไทยโหลด ดีไซน์ก็คงจีบหล่อนมาเป็นแฟน หน้าตาสะสวยขนาดนี้ใครจะอดใจไหว
“เลิกตามฉันสักทีเถอะค่ะ” ปลดแขนตัวเองออกแล้วบอกเขาเสียงแข็ง
“ผมไม่ได้ตามคุณสักหน่อย พอดีมาออกแบบบ้านให้รีสอร์ท อย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไปสิ” ในเมื่อเขาว่าแบบนั้นเธอจึงหันหลังเตรียมกลับเข้าบ้านแต่ยังไม่ทันก้าวไปไหนร่างสูงของหนุ่มคนรักก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“มีอะไรกันเหรอ” น้ำเสียงเขาราบเรียบไม่ได้แสดงความไม่พอใจแต่ตอนนี้เนตรนภามือไม้เย็นเฉียบจะเป็นลมเสียให้ได้
“สวัสดีครับ ผมฉันทิตเป็น..เพื่อนรุ่นพี่ของน้ำปิงครับ” เธอแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้เมื่อฉันทิตเว้นว่างสถานะไว้นานเกินไปและก็ต้องถอนหายใจเพราะความลับของเธอยังไม่ถูกเปิดเผย
“ผมเป็นแฟนน้ำครับ” ร่างสูงเลือกจะไม่บอกชื่อของตัวเองแล้วตอบกลับพลางจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้านิ่ง
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ขอตัวนะครับ” ใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเย็นชาจะซ่อนอารมณ์ร้อนที่แทบจะแผดเผาบ้านทั้งหลังให้มอดไหม้ไว้มากเพียงไหน เขาโอบเอวเล็กเข้ามาแนบชิดตัวก่อนพาหล่อนเดินเข้าบ้านปิดกั้นการสนทนากับชายหนุ่มที่ไม่น่าไว้ใจคนนี้
อีกอย่างสงครามรู้ดีว่าฉันทิตคือใครและทำงานให้ใคร..
“พี่ครามคะ” เมื่อเข้ามาภายในบ้านเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำยังไม่สามารถทำให้ใจที่ร้อนระอุลดลงได้ ถึงมือเล็กจะแตะบนแขนเขาก็ตาม
“ผมขออยู่คนเดียว” เขาปล่อยเธอแล้วทำท่าจะผละออกไปแต่ร่างบางก็กอดเอวเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“พี่โกรธน้ำใช่ไหม” ถามตามตรงไม่อยากเสียเวลาเดาทว่าสงครามกลับไม่ตอบอะไรยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“มันไม่มีอะไรนะคะ เขาแค่เข้ามาทักทายแปบเดียวเอง พี่ครามอย่าโกรธน้ำเลยนะ” ออดอ้อนเสียงหวานแล้วขยับกายเข้าไปชิดมากกว่าเดิมทั้งที่ตอนนี้ก็แทบไม่มีอากาศจะผ่านได้อยู่แล้ว
“ผมขอโทษที่อารมณ์เสียใส่น้ำ ผมแค่หวงน้ำ” ในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วยอมรับอย่างจำนนเพราะไม่ว่าจะหาเหตุผลใดมาค้านก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงจากใจ
สุดท้ายเขาก็แค่..หึงเธอ
“ยอมรับง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอคะ” หลังจากที่ฟังเขาก็ยิ้มออกมาทันทีแล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นปกติ
“ดีจัง” หล่อนพึมพำแล้วก็ไม่ยอมปล่อยเขาเสียทีจนชายหนุ่มต้องเปลี่ยนเป็นอุ้มคนตัวเล็กขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวพร้อมเดินขึ้นบนห้องนอนใหญ่ที่จัดของเข้าตู้เรียบร้อยแล้ว
“น้ำเดินเองได้ค่ะ”
“แต่ผมอยากอุ้ม” ในเมื่อเขาแสดงเจตนาที่แรงกล้าผ่านทางแววตาแบบนี้คนตัวเล็กก็ไม่โวยวายอะไรยอมตามน้ำจนกระทั่งอีกฝ่ายปล่อยเธอลงบนเตียงกว้างสีขาวแล้วค่อยขึ้นมาคร่อมอยู่ด้านบนเกลี่ยผมที่ปรกใบหน้าหวานออก
“น้ำมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” ไม่รู้ว่าทำไมแววตาคมถึงได้ดูเลื่อนลอยขนาดนี้ทั้งที่อยู่ใกล้กันแต่กลับรู้สึกเหมือนห่างไกล เธอไม่เห็นตัวเองในดวงตาคู่นั้นเลยจนเริ่มใจหายทว่าก็ต้องยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ ตอบเขา
“ไม่ค่ะ”
“แน่ใจนะ” หล่อนพยักหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปกปิดความผิดในใจด้วยรอยยิ้มแสนหวาน
“ค่ะ” ตอบโดยไร้ซึ่งความหนักแน่นในน้ำเสียง
“ผมรักน้ำนะ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นแทบไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำรักจากปากเขาเป็นครั้งแรกบนเตียงในบ้านพักริมทะเลเช่นนี้ จากที่ยิ้มเพียงเล็กน้อยหล่อนก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะคล้องแขนที่ลำคอหน้าแล้วโน้มใบหน้าเขาลงมาให้ใกล้กว่าเดิม
“น้ำก็รักพี่ครามค่ะ” เมื่อเธอบอกความในใจเขาก็ปิดริมฝีปากเล็กด้วยความอ่อนโยนก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงภายในเวลาเพียงหนึ่งนาทีจนคนใต้ร่างแทบตามไม่ทัน ร่างกายที่ร้อนผ่าวแห่งไฟปรารถนาผลักดันสองหนุ่มสาวให้แนบชิดกันมากยิ่งขึ้นจนไม่สนใจว่าพระอาทิตย์จะตรงศีรษะหรือกระทั่งเสียงท้องร้องประท้วงก็ไม่อาจหยุดยั้งได้
จนร่างบางสลบอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งปล่อยให้สงครามจ้องใบหน้าหวานนิ่ง เขากัดฟันข่มความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อหล่อนแล้วซ่อนมันให้ลึกสุด
จะทำการใหญ่จะเอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผลไม่ได้
อย่างไรเสียคนผิดก็คือคนผิด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้..