บท
ตั้งค่า

๒ คิดไปเองหรือเปล่า (๒)

ร้านกาแฟคือสถานที่คุยงานเพราะลูกค้าว่างแค่ช่วงนี้เท่านั้นและอยู่แถวนี้พอดีจึงได้นัดสถาปนิกเพื่อแก้ไขงานอีกครั้งทั้งที่เนตรนภาอธิษฐานให้งานผ่านกว่าสิบรอบเห็นจะได้

เพียงเดินเข้ามาหลายสายตาก็จับจ้องไปที่ชายหญิงหน้าตาดีทันที หล่อนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาวเขนยาวมีระบายตรงปลายเสื้อสวมทับด้วยกางเกงยีนส์สีเข้มรัดรูปจนเห็นเรียวขายาว สวมรองเท้าส้นสูงสีดำพื้นแดงคู่โปรด ข้างกันนั้นคือหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนพร้อมสูทสีเข้มตัวใหญ่กว่าลำตัวและกางเกงสแลคสีเข้ม ดูดีจนต้องเหลียวหลังมอง

“นั่งไหนเหรอ” ทั้งสองคนรับรู้สายตาที่มองแต่เพราะชินแล้วจึงไม่ได้สนใจเท่าไหร่

“เอ่อ ตรงนั้นแล้วกันค่ะ” ชี้ไปที่โต๊ะติดกระจกก่อนจะเดินไปนั่งรอลูกค้าที่โทรมาบอกว่าอาจจะมาช้าสิบนาทีเพราะรถติดยังไม่ขยับถึงจะอยู่ใกล้ร้านมากแค่ไหนก็ตาม

“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” เมื่อมาครบแล้วจึงได้เอ่ยแนะนำสถาปนิกคนใหม่ให้รู้จักพร้อมคุยงานทันที เนตรนภาค่อนข้างมืออาชีพตรงไหนแก้ก็จดเอาไว้โดยเร็วพลางเอ่ยถามอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น

ใช้เวลาเป็นชั่วโมงในที่แห่งนั้นก่อนที่จะเอ่ยลากันด้วยรอยยิ้มและคาดหวังว่าครั้งหน้าขอให้แบบที่ได้รับการแก้ไขผ่านเสียที งานจะได้เดินหลังจากที่ต้องมาแก้สี่ครั้ง เมื่อลับหลังอีกฝ่ายแล้วร่างบางก็ค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“เหมือนรอดจากความตายเลย” พึมพำออกมาเสียงเบาแต่สงครามได้ยินจึงอมยิ้มพลางเอ่ยถาม

“มันขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอเผลอพยักหน้าตามความเคยชินเมื่อมีคนพูดด้วย

“ใช่ค่ะ” จนได้สติจึงรีบส่ายหน้าพลางทำตาโตจนสงครามต้องหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูกับการกระทำของหล่อน

“น้ำทำไมชอบทำตัวน่ารักจัง” มาอีกครั้งกับการถูกชมโดยซึ่งหน้าแล้วเธอทำตัวไม่ถูก มือไม้มันเกะกะไปหมดไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน

“กลับเถอะค่ะ ฉันต้องไปทำงานต่อ” หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไปทันทีปล่อยให้ชายหนุ่มควักเงินมาจ่ายค่าน้ำแล้วค่อยตามออกไปทีหลังพร้อมรอยยิ้มประดับริมฝีปากจนสาวแถวนั้นมองเหลียวหลัง

“คนเมื่อกี้พระเอกใหม่ช่องไหนหรือเปล่า” ซุบซิบกันเป็นเสียงเดียวเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่น่าจะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป และผู้หญิงคนที่มาด้วยกันก็สวยเสียเหลือเกิน เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

เมื่อขึ้นมาบนรถด้วยความเหนื่อยและเครื่องปรับอากาศที่เย็นกว่าปกติทำให้ร่างบางเผลอหลับไปจนกระทั่งมาตื่นเมื่อรถจอดสนิทเพราะถึงที่หมายแล้ว

“อื้อ ถึงแล้วเหรอ” บิดขี้เกียจพลางมองรอบข้างก็พบว่ามันเป็นสวนสาธารณะไม่ใช่บริษัทสมุทรธารา ดีไซน์

“นี่คุณพาฉันมาที่ไหน”

“ต้นไม้ขึ้นเต็มขนาดนี้ น่าจะป่าอเมซอนนะคุณ” ร่างบางหันมาค้อนใส่เขาวงโต

“แล้วทำไมพามาที่นี่คะ ฉันต้องกลับไปทำงานนะ”

“กลับไปคุณก็คิดงานไม่ออกหรอก มาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้สมองปลอดโปร่งก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ดับเครื่องยนต์เปิดประตูออกไปข้างนอกทันทีโดยทิ้งเสื้อสูทเอาไว้ในรถก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอก

เนตรนภาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคงไม่อาจเปลี่ยนใจเขาได้จึงค่อยเปิดประตูเดินตามหลังมาด้วยใบหน้าติดจะบูดบึ้งจนคนมองอมยิ้มมุมปากเพราะมันช่างน่ารักเหลือเกินในความรู้สึก เหมือนลูกเป็ดตัวน้อยโดนขัดใจแล้วเดินตุปัดตุเป๋ไปตามทาง

“มานั่งนี่สิ” เขาคว้ามือหล่อนให้นั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ตัวยาวและไม่เพียงเท่านั้นยังโอบไหล่เล็กให้ชิดกายอีกต่างหาก

“คุณสงคราม” ร้องอย่างตกใจพลางหันไปมองเขาซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ เพราะใบหน้าของหล่อนห่างจากเขาไม่ถึงคืบ ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจที่เป่ารดจนต้องเบือนหน้าหนีทันที

“เรียกแล้วไม่พูดแบบนี้ มีความผิดนะครับ” เสียงของเขาทุ้มนุ่มชวนฟังไหนจะทำให้ใจสั่นแปลกๆ

“ถามจริงๆ นะคะ ที่คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร” ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าชายหนุ่มต้องการอะไรกันแน่ถึงได้มาใกล้ชิด พยายามทำตัวสนิทสนมทั้งที่เจอกันได้ไม่นาน ถึงจะพยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองแต่มันก็อดไม่ได้จนต้องถามเขาตรงๆ เพื่อจะได้ไม่คิดเกินเลยแล้วเจ็บคนเดียวหากชายหนุ่มไม่ได้มีใจตรงกัน

“ผมคิดว่า..ผมชอบคุณ” คำพูดตรงไม่อ้อมค้อมทำให้หญิงสาวชะงักงันกับความจริงใจของเขา ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถูกบอกรักกลางที่สาธารณะ และค่อนข้างโชคดีที่คนไม่เยอะให้ได้อายไปมากกว่านี้

และเพียงได้สบดวงตาคมก็ทำเอาใจสั่นสะท้านไปทั้งดวง ไม่คิดเหมือนกันว่าแววตาทรงเสน่ห์ของเขาจะทำให้หล่อนแทบละเมอได้ขนาดนี้ เจอผู้ชายหน้าตาดีมาก็เยอะแต่เหตุใดสงครามจึงได้แตกต่างออกไปจากทุกคน

หรือที่เขาเรียกกันว่าความรักมันจะเป็นแบบนี้

ผู้ชายที่คุณรักมักจะดูดีในสายตาของเราเสมอ

“ฉัน” ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพราะแทบควานหาเสียงของตัวเองไม่เจอ

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมชอบน้ำจริงๆ” เขาย้ำพร้อมคว้าข้อมือเล็กมากุมเอาไว้ท่ามกลางบรรยากาศแสนสบายที่ลมพัดเอื่อยๆ ไม่ได้ร้อนมากเหมือนทุกวันแต่สิ่งที่ร้อนคือใจดวงน้อยของหล่อนมากกว่า

มันแทบจะเผาไหม้ตัวเองเสียให้ได้

“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณล้อเล่น”

“ถ้าอย่างนั้น เรามาลองคบกันดูไหม” เขารุกอย่างรวดเร็วทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวต้องเบรกชายหนุ่มไว้ก่อน

“มันเร็วไปไหมคะ” ร่างสูงส่ายหน้าทันที

“ไม่มีคำว่าเร็วกับความรักที่ผมมอบให้น้ำหรอก” สงครามยกยิ้มเพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นแก้มนวลแดงปลั่งก่อนจะลูบใบหน้าหวานแผ่วเบาแต่เนตรนภาก็สะดุ้งราวโดนของร้อน

“เรายังไม่ได้เป็นแฟนก็ได้ ลองศึกษากันดูก่อนน้ำจะได้ตัดสินใจว่าผมดีพอสำหรับน้ำไหม” หล่อนคิดหนักเมื่อเจอคำพูดจาแสดงเจตจำนงที่แน่วแน่ขนาดนี้ ไม่อยากปฏิเสธใจตัวเองเพราะลึกๆ แล้วก็แอบชอบเขาเช่นเดียวกัน

มันเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วที่ดึงดูดกันตลอดเวลา เพียงพบหน้าเขาวันแรกก็ทำเอาเธอเก็บไปเพ้อได้เป็นวันเหมือนหญิงใจง่าย

“ถ้าอย่างนั้น..ก็ได้ค่ะ ลองศึกษากันดู” คำตอบรับนั้นเรียกรอยยิ้มประดับใบหน้าคมก่อนจะคว้าร่างบางมากอดเอาไว้จนจมอก สูดดมกลิ่นหอมของกลุ่มผมนุ่มสลวยเข้าไปเต็มปอดแล้วค่อยผละให้หล่อนได้หายใจ

“ผมดีใจที่น้ำอนุญาต”

“ดีใจซะเว่อร์เลย ปล่อยได้แล้วค่ะเดี๋ยวคนเห็น” ตีแขนหนาพยายามจะผละออกแต่เขาก็ยังคงกอดเอาไว้หลวมๆ ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระอย่างใจหวัง

“คุณสงคราม”

“ห่างเหินจังเลย” เอ่ยด้วยความไม่ชอบใจกับสรรพนามที่หล่อนใช้เรียกตนเองเท่าไหร่นัก

“แล้วจะให้น้ำเรียกว่าอะไร” ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงได้เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเร็วนัก อาจเพราะชินที่สงครามเรียกเธอก็เป็นได้

“เรียกว่า..พี่สงครามได้ไหม” อายุที่ห่างกันทำให้เขาใช้เป็นประโยชน์ในการบังคับให้หล่อนเรียก

“คุณอายุเท่าไหร่กัน” ถามกลับโดยไม่ยอมปล่อยผ่านง่ายๆ

“หลอกถามอายุกันเหรอ ผม 31 ปีแล้วนะครับ” เขายอมบอกตามตรงไม่ได้ปิดบังเพราะไม่ช้าก็เร็วหล่อนต้องรู้อยู่ดี

“โอ้โห เรียกคุณลุงไม่ดีกว่าเหรอคะ” เอ่ยเย้าเสียงหวานพร้อมหัวเราะจนเขารู้สึกหมั่นไส้ต้องจับที่จมูกโด่งได้รูปแล้วบิดไปมาเล็กน้อยทำให้ได้รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ศัลยกรรมจมูกแน่นอน

“เกินไปครับน้องน้ำปิง” เธอหัวเราะเสียงใส

“เกินไปเหรอคะพี่สงคราม” ไม่รู้ทำไมว่าเสียงของหล่อนถึงได้น่ารักทำเอาใจแทบละลายได้ขนาดนี้ จนต้องกอดร่างเล็กให้แน่นแทบหลอมรวมเป็นหนึ่ง

“รัดแน่นเกินไปแล้วนะคะ” บอกเขาแต่ก็ไม่ได้พยายามถอยห่างเหมือนเดิม

“ไม่เห็นแน่นเลย ที่จริงผมอยากกอดน้ำให้แน่นกว่านี้อีก” เธอหลุดยิ้มออกมาเมื่อฟังน้ำเสียงทุ้มเอ่ยถึงความต้องการของตนเอง

ชายหนุ่มร่างสูงเวลาทำอะไรหวานๆ ก็ดูน่ารักเหมือนกัน ตอนที่เจอครั้งแรกเขาแทบไม่เผยรอยยิ้มให้ได้เห็น เหมือนผู้ร้ายในละครที่เอาแต่ทำหน้านิ่งขรึมทว่าพอได้รู้จักแล้วกลับมอบแต่รอยยิ้มให้ทั้งยังคำพูดคำจาแสนหวานอีก

หล่อนหลงเขาเสียแล้ว

“เรากลับไปทำงานกันเถอะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นรอ” เขาส่ายหน้าก่อนจะปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระ

“ตอนนี้เราก็ทำงานอยู่นะ” เธอขมวดคิ้วทันทีไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อ

“งานอะไรคะ”

“ก็โปรเจคใหญ่ไง เขาบอกว่าสร้างริมแม่น้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็พาน้ำมาหาแรงบันดาลใจ” เธอมองตามเขาแล้วพบว่าเบื้องหน้าคือบึงขนาดใหญ่ที่มีน้ำสีเขียวมรกต ลมพัดเอื่อยพร้อมเสียงใบไม้กระทบทำให้ร่างบางเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะเหยียบลงบนทุ่งหญ้ากว้างซึ่งมีต้นไม้ใหญ่น้อยให้ร่มเงาเต็มไปหมด

ความสดชื่น กลิ่นดินกลิ่นหญ้าทำให้ความคิดที่เคยว่างเปล่าค่อยเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เธอยิ้มอย่างดีใจก่อนจะกอดชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ อย่างเต็มรัก

“ขอบคุณนะคะที่ชี้ทางให้น้ำ” ตอนนี้ภาพร่างตึกสูงค่อยเด่นชัดในความรู้สึกของเธอ

“หือ ชี้ทางอะไรกัน เปล่าสักหน่อย” ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่หล่อนรู้ดีว่าสงครามต้องการช่วยให้โครงการนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและบริษัทสมุทรธารา ดีไซน์จะต้องได้งานนี้ เธอจะทุ่มสุดตัวชนิดที่แทบถวายหัวให้งานใหญ่ของ SOP Group

แน่นอนว่าสมุทรธาราจะต้องได้รับเงินกว่าเจ็ดสิบล้านอย่างแน่นอน

“กลับบ้านกัน” สามทุ่มครึ่งเหล่าสถาปนิกต่างเดินออกจากห้องประชุมหลังเคร่งเครียดกับงานมาทั้งวัน แต่ดูเหมือนจะพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสียแล้วเมื่อมีไอเดียของเนตรนภาเสนอมา ทุกคนเห็นดีเห็นงามและเริ่มร่างแบบเพื่อให้หัวหน้าตรวจ

สงครามไม่ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มโปรเจคครั้งนี้แต่เขารอรับร่างบางกลับบ้านและเมื่อเห็นเธอเดินออกมาก็เข้าไปดักหน้าพร้อมเอ่ยด้วยประโยคง่ายๆ แต่เขย่าหัวใจดวงน้อยได้เป็นอย่างดี

“นึกว่ากลับแล้ว” ไม่คิดว่าเขาจะอยู่รอดึกขนาดนี้ทำเอาหัวใจที่เคยแห้งแล้งชุ่มชื่นอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองเขานิ่งด้วยประกายสดใสทั้งที่ใบหน้าเหนื่อยล้า

“กลัวคนแถวนี้กลับบ้านไม่ไหว ผมเอากระเป๋ามาให้แล้ว” ชูกระเป๋าทำงานของหล่อนก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือเล็กมาจับไว้ก่อนเดินไปที่จอดรถด้วยกันโดยมีสายตาของหนุ่มแว่นมองตามอย่างละห้อย

เขาเฝ้ามองเพื่อนร่วมงานคนนี้มานานแต่ไม่เคยได้ครอบครองใจสักครั้ง ทว่าสงครามเพิ่งมาได้ไม่ถึงสัปดาห์กลับดูเหมือนจะไปกันได้ดี

คนหน้าตาดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel