บท
ตั้งค่า

๒ คิดไปเองหรือเปล่า (๑)

คิดไปเองหรือเปล่า

รถเคลื่อนตัวได้ช้ามากเหตุเพราะการจราจรบนถนนติดขัดทำให้เนตรนภาที่ปกติพูดคุยได้เป็นวรรคเป็นเวรกลับนั่งเงียบราวคนเป็นใบ้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียด้วยซ้ำ หล่อนนั่งหลังยืดตัวตรงนิ่งไม่ขยับไปไหนจนสงครามที่แอบมองต้องอมยิ้ม

“หายใจบ้างก็ได้ ผมไม่กัดหรอก” เคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยแล้วเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่สายตาคมยังคงจ้องมองสัญญาณจราจร

“คะ ฉันหายใจอยู่นะ” ตกใจที่อีกฝ่ายพูดด้วยก่อนจะหันไปมองเขาแล้วบอกเสียงแผ่วค่อยเอานิ้วชี้ขึ้นมาอังจมูกพบว่าตัวเองยังหายใจเป็นปกติ

“เห็นคุณนั่งนิ่งผมก็นึกว่าเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณซะอีก” ครั้งนี้เขาผินหน้ามามองหล่อนพร้อมดวงตาทรงเสน่ห์จนลมหายใจเธอติดขัดไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นลูกรักของพระเจ้าหรืออย่างไรถึงได้ปั้นแต่งใบหน้าหล่อเหลาทั้งดวงตาที่เหมือนมีดคมไว้กระเฉาะหัวใจหญิงสาว

“เปล่าสักหน่อย” ว่าพลางทำแก้มพองลมจนร่างสูงอดหัวเราะไม่ได้

“หัวเราะอะไรคะ” เธอถามเขาเสียงเขียวพร้อมแววตาเอาเรื่อง

“ก็ผมเห็นคุณทำท่าแบบนั้นแล้วเหมือนปลาปักเป้าน่ะสิ” ว่าแล้วก็เอามือไปจิ้มแก้มนุ่มทันทีจนคนโดนกระทำชะงักไม่คิดว่าจะถูกถึงเนื้อถึงตัวเร็วขนาดนี้

แต่ที่น่ากลัวกว่าคืออาการสมยอมของเธอโดยไม่เบี่ยงหน้าหลบเลยต่างหาก! เป็นบ้าไปแล้วหรือไงน้ำปิง

“น่ารัก”

ฆ่าเธอให้ตายเสียตรงนี้ยังง่ายกว่าการถูกเขาชมว่าน่ารักพร้อมรอยยิ้มมุมปากแสนร้ายกาจจนแทบควบคุมตัวเองไม่ไหว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คำว่าน่ารักกลายเป็นเหมือนกระสุนที่ยิงเข้ากลางใจเธอ ไม่ได้ทำให้ถึงตายแต่กลับรู้สึกว่าลอยคว้างอยู่ในอวกาศ

“คุณคงชมผู้หญิงคนอื่นบ่อยสินะคะ” พยายามดึงสติตัวเองควบคุมมันแล้วถามเขากลับพร้อมรอยยิ้มจืดเจื่อน

“ไม่นะ น้ำคนแรก” เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกชื่อแทนคำว่าคุณก็ยิ่งทำให้ใจของบางและพร้อมจะเหลวเป็นน้ำได้ทุกเมื่อ

“ฟะ ไฟเขียวแล้วค่ะ” ถ้ารถติดนานกว่านี้กลัวว่าตัวเองอาจจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ พาดหัวข่าวสถาปนิกสาวดับอนาถเพราะเขินจนเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่ทันมันไหลมารวมกันตรงหน้าหมด

รู้สึกเหมือนว่าหน้าไหม้ไปหมดแล้วเพียงแค่คำว่า..น่ารัก

“บอกทางด้วยนะครับ” เขาฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาได้ก่อนจะเลี้ยวตามคำบอกของคนข้างกายจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังเล็กกะทัดรัดอยู่ตรงกลางซอย ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าไหร่นัก

ร่างบางกำลังจะปลดเข็มขัดแต่ช้ากว่าคนขับรถที่เอื้อมตัวมาปลดให้อย่างรวดเร็ว และไม่รู้ว่าแค่การปลดเข็มขัดทำไมมันจะต้องใกล้ชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจจากกายหนาทั้งกลิ่นน้ำหอมแสนละมุนของเขาจนเผลอสูดดมเข้าไปด้วย

“เรียบร้อยครับ” วินาทีที่สองสายตาประสานกันทำให้การหายใจของเธอหยุดชะงักไปชั่วขณะ

“ขะ ขอบคุณค่ะ” รีบเปิดประตูแล้วลงจากรถอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกยามอยู่กับเขาสองคน ใจพาลจะสั่นเอาเสียดื้อๆ เพียงแค่มองดวงตาคู่คม

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ” เขาลดกระจกฝั่งเธอแล้วเอ่ยเสียงทุ้มซึ่งเนตรนภาก็พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านแล้วเข้าไปภายในทันทีปล่อยให้ร่างสูงมองจนลับสายตาค่อนเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้านของหล่อน

ใบหน้าคมเรียบนิ่งราวไร้ความรู้สึกแตกต่างจากเมื่อสักครู่อย่างชัดเจน เขารับสายบิดาทันทีเมื่อเห็นแสงจากโทรศัพท์พร้อมการสั่นที่ค่อนข้างแรง

“ครับพ่อ”

(ได้ข่าวว่าเข้าไปทำงานที่บริษัทแล้วเหรอ)

“ข่าวไปไวจังนะครับ”

(ไม่เห็นแกบอกพ่อก่อน)

“มันค่อนข้างฉุกละหุกครับ เดี๋ยวถึงบ้านผมจะเล่าให้ฟัง” เมื่อตกลงเรียบร้อยเขาก็กดวางสายจากบิดาทันที อันที่จริงสงครามเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นก็ได้ข่าวว่ามีเกลือเป็นหนอนในบริษัททั้งยังจับมือใครดมไม่ได้เสียด้วย

เขาจึงเลือกที่จะลงสนามด้วยตัวเองโดยปิดบังสถานภาพที่แท้จริงเอาไว้..

ความจริงที่ว่าเขาคือลูกชายเจ้าของบริษัทสมุทรธารา ดีไซน์

“นี่ฉันตายแล้วหรือเปล่า” เข้ามาภายในบ้านก็ตบใบหน้าของตัวเองด้วยสองมือทันทีก่อนจะกุมเอาไว้อย่างนั้นยังรับรู้ได้ถึงไอร้อนผ่าว ไม่เข้าใจการกระทำของสงครามเลยสักนิดว่าเหตุใดต้องมาหว่านเสน่ห์ใส่กันทั้งที่แค่เขาอยู่เฉยๆ เธอก็แทบจะตกลงไปในหลุมที่ชายหนุ่มขุดเสียแล้ว

“ยังไม่ตายหรอกน่า แค่เกือบเท่านั้นเอง” กล่อมตัวเองพลางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

แค่วันแรกยังเป็นขนาดนี้ถ้าอยู่ด้วยกันนานจะเป็นขนาดไหน อีกอย่างดูเหมือนว่าแฟนคลับของเขาจะเยอะเสียด้วย เข้ามาวันแรกก็มีหญิงสาวมาแนะนำตัวพร้อมทอดสะพานให้ถึงที่นั่งแล้ว

“เฮ้อ ช่างมัน หาไรกินก่อนดีกว่า” บ้านหลังนี้ถือเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ก่อนท่านจะลาโลกนี้ไป อันที่จริงบิดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วทว่ามารดาเพิ่งเสียไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อปีที่แล้ว ช่วงแรกก็ทำใจไม่ได้ที่ต้องอยู่คนเดียวบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้

แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อชะตากำหนดมาแล้วคนอยู่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป ช่วงที่มารดาป่วยเธอเริ่มทำงานไปพร้อมกับเรียนมหาวิทยาลัย จนปัจจุบันก็ได้ทำงานเพื่อที่จะหาเงินไปใช้หนี้นอกระบบซึ่งยืมมารักษาแม่ยามที่ท่านป่วย ดอกเบี้ยมหาโหดแค่ไหนเนตรนภาก็ไม่เคยบ่นสักคำเพราะตัวเองเป็นคนเลือกเส้นทางนี้ ก้มหน้าทำงานจนในที่สุดก็ปลดหนี้ได้หมดแต่ก็แลกมาด้วย..การทรยศบริษัทของตัวเอง

ชั้นสี่ของบริษัทสมุทรธาราค่อนข้างคึกคักเพราะงานของแต่ละคนกองเต็มโต๊ะ ขนาดสงครามที่เป็นน้องใหม่ยังหัวหมุนไปกับงานของลูกค้าที่สันติสุขแบ่งจากเนตรนภาให้เขาลองทำ ชายหนุ่มทำบ้านสามมิติตามแบบที่ให้มาโดยใช้เวลาอย่างรวดเร็ว

“น้ำ ตอนเย็นนัดประชุมโครงการใหญ่นะ” เป็นอันรู้กันว่าโครงการนั้นคืออะไรหญิงสาวจึงพยักหน้าแล้วเร่งทำงานของตัวเองก่อนจะหยิบกระเป๋าพร้อมแล็ปทอปไว้คุยงานกับลูกค้า

“น้ำจะไปไหน” สงครามเงยหน้าขึ้นมามองจึงเอ่ยถาม

“ไปคุยงานข้างนอก” เพียงเท่านั้นร่างสูงก็กดเซฟงานที่ตัวเองกำลังทำแล้วเก็บของสำคัญก่อนจะเดินไปคว้าข้อมือเล็กจับจูงกันออกไปข้างนอกท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของหญิงสาวทั่วทั้งห้องให้ได้มองตาม

“มันเอาอีกแล้ว” ผกามาศกำมือแน่นมองเนตรนภาด้วยความเกลียด

“อ่อยจนติดเป็นสันดาน ขนาดคุณสงครามเข้ามาใหม่ยังไม่รอด” บึนปากใส่แล้วหันมาสนใจงานของตัวเองทั้งที่ใจมันร้อนรุ่มเหมือนมีไฟมาแผดเผา

อย่าให้ถึงคราวเธอบ้างแล้วกัน

“อะไรของคุณตามมาทำไม” เมื่อถึงหน้าลิฟต์เขาก็กดก่อนจะจับข้อมือร่างบางเข้ามาแล้วกดที่ชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็วและไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระเสียที

“บริการขับรถฟรีไงครับ” หันมาส่งยิ้มให้อย่างขี้เล่น

“แต่ฉันไม่ได้ขอร้องนะคะ”

“เต็มใจครับ” ทำไมคำพูดของเขามันช่างดูเหมือนว่าสงครามกำลังจะจีบเธอ..

ไม่จริงหรอกน่า มันจะเป็นอย่างนั้นได้ไงกันในเมื่อมีผู้หญิงมาชอบเขาตั้งหลายคนแล้วชายหนุ่มจะเลือกเธอได้ยังไงกัน

ไม่มีทาง!

“ปล่อยมือได้แล้วมั้งคะ” เขาก้มมองมือตัวเองที่ยังคงกุมมือหล่อนเอาไว้ก่อนจะค่อยปล่อยออกอย่างแสนเสียดาย

“ขอโทษครับ พอดีจับเพลินไปหน่อย” ไม่มีท่าทีรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อยทำเอาเนตรนภาต้องเสมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาเขาเพื่อกันไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเบี้ยล่างมากกว่านี้

“ไปครับ” ปล่อยได้ไม่นานเมื่อประตูลิฟต์เปิดเขาก็คว้าข้อมือเล็กมาจับอีกครั้งพร้อมพาเดินไปยังรถยนต์คันสีขาวที่เพิ่งนั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน และวันนี้ก็กลับมาประจำตำแหน่งเดิมอีกครั้งกับคนขับรถที่ขับได้นิ่มราวกับอยู่บนปุยเมฆ

“บอกทางหน่อยนะ ผมไม่ค่อยคุ้นทางในกรุงเทพฯ เท่าไหร่” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันทีก่อนจะหันไปถามเขาด้วยความสงสัย

“คุณอยู่ต่างจังหวัดเหรอคะ” สงครามอดยิ้มอย่างเอ็นดูกับคำถามแสนซื่อของเนตรนภาไม่ได้

“เปล่า ผมเพิ่งมาจากต่างประเทศ” ไม่น่าเล่าทำไมบริษัทสมุทรธาราถึงได้รับเขาเข้าทำงานง่ายดายนัก อาจจะแค่สอบสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ

แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่มีประกาศรับสถาปนิกใหม่ไม่ใช่หรือ..แล้วเขาเข้าทำงานได้อย่างไร

..เส้นสาย.. คำนี้เด่นชัดในความรู้สึกของหล่อนและการมองสงครามก็เปลี่ยนไปในทันที เขาไม่ใช่แค่ชายหนุ่มไร้หัวนอนปลายเท้าแน่นอน อย่างน้อยก็คงเป็นลูกหลานของผู้บริหาร

“อ้อ ผมไม่ได้ใช้เส้นสายเข้ามาหรอก เขาทาบทามไว้ตั้งนานแล้วแต่เพิ่งตอบรับ” แสดงว่าฝีมือก็ไม่ธรรมดาน่ะสิ ถึงขนาดที่บริษัทใหญ่ทาบทามให้มาทำงานด้วย ช่างหาได้ยากเหลือเกินจนหล่อนรู้สึกผิดที่ให้เขาทำแต่งานง่าย

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“แต่ตาคุณมันฟ้อง” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ขับรถอยู่มองเห็นได้ไงคะ” ชายหนุ่มจอดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรขึ้นสีแดง

“ผมไม่ได้ใช้ตามอง ผมใช้ใจมอง” คำพูดแสนเลี่ยนแต่ไม่รู้ทำไมว่าเมื่อออกจากปากของชายหนุ่มคนนี้จึงสร้างความจักจี้ที่ให้หัวใจจนไม่กล้าจะมองหน้าเขา

“เลี้ยวซ้ายค่ะ” ในเมื่อสู้เขาไม่ได้จึงเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศเงียบสงัดไปมากกว่านี้ ใบหน้าร้อนวูบวาบราวคนไม่เคยมีรักทั้งที่จริงก็เคยมีแฟนมากับเขาบ้างแล้วแต่เลิกรากันไปเพราะไม่มีเวลาให้ต้องคอยดูแลมารดาที่ป่วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel