ลวงใจมาเฟียคาสิโน บทที่2.
บทที่2.คฤหาสน์เดอร์ลาคัวล์
เกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มที่นิยาดาทนนั่งแบบอึดอัดที่สุด เธอบีบตัวเองให้เล็ก นั่งเม้มปากมาตลอดทาง จู่ๆ ก็รู้สึกวูบในช่องท้องเหมือนรถยนต์วิ่งขึ้นเนินที่อยู่เหนือความกดอากาศ พื้นถนนไม่ได้ราบเรียบเหมือนเคย เหงื่อเธอไหลพลั่กๆ ความกลัวจู่โจมหัวใจอีกครั้งหนึ่ง
“พวกคุณคงไม่ได้พานิมาฆ่าใช่ไหมคะ” ต่อให้กลัวจับใจแต่เธอจะตายทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้
ไม่มีคำตอบเหมือนเคย คนหน้าเหี้ยมยังคงปิดปากสนิท
นิยาดาถอนใจแรงๆ เอนหลังพิงพนักเบาะหนัง ไว้อาลัยให้คราวซวยของตัวเอง เธอไม่ควรขึ้นเรือลำนั้นเลย ไม่ควรโลภมากมาแสวงโชคในต่างแดนตอนนี้เลย
ว่าแต่...คนตายนั่น คือใครกันนะ?
การเดินทางสิ้นสุดลงจนได้ พาหนะที่เธอนั่งมาหยุดสนิท คนหน้าเหี้ยมที่นั่งประกบเธอมาตลอดทางขยับตัวออกจากรถยนต์ นิยาดาผวาตาม เธอชะเง้อมองไปด้านนอกแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง
ปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ความอลังการกับความงามสง่าทำให้นิยาดารู้สึกทึ่ง ศิลปะสมัยก่อนแต่ถูกปรับแต่งให้ร่วมสมัย ไม่อยากนึกถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาให้ดูดีตลอดเวลาสักนิดเลย เจ้าของปราสาทในเทพนิยายนี่ต้องร่ำรวยขนาดไหนกันนะ
“ลงมาสักทีเถอะ จะมองให้อิฐทะลุเลยหรือไงหะ”
เสียงตะคอกดึงสติของเธอกลับคืนมา นิยาดารีบกระโจนลงมาจากรถยนต์ เธอถูกลากเข้าไปด้านหลัง ผ่านพื้นที่ร่มรื่น จนถึงเรือนหลังเล็กริมหน้าผา
ทิวทัศน์ท้องทะเลเบื้องหน้า ทำให้รู้สึกเหมือนชะตาตัวเองกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่พาดอยู่บนปากเหว
เธอทำผิดศีลข้อไหนนะ ถึงได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยขนาดนี้ได้
“อย่าคิดหนีล่ะ เพราะไม่มีใครอยากจับเป็นเธอหรอก เธอควรพยายามหาเหตุผลโน้มน้าวให้เจ้านายของฉันยอมให้เธอมีชีวิตต่อดีกว่า จำไว้...ทางรอดของเธอมีอย่างเดียว สารภาพกับเบนเดอร์ซะว่าใครบงการเธอ”
คำพูดทิ้งท้ายไม่ได้ช่วยให้นิยาดารู้สึกดีขึ้นเลย
นิยาดามึนตึบกว่าเก่า เธอไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิด
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมานอนอยู่ข้างๆ คนตายได้ยังไง
คนเหล่านั้นไม่ได้สนใจเธอจริงๆ เขาปล่อยเธอไว้ในกระท่อมหลังนั้น และแยกย้ายกันไป ใช้เวลาไม่นานก็ไม่มีใครเหลือ ความกลัวตายทำให้นิยาดารั้น เธอพยายามหาทางรอดให้ตัวเอง เริ่มด้วยการสำรวจพื้นที่รอบๆ
กระท่อมหลังนี้อยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ ปลูกชิดริมหน้าผา หันหน้าสู้กับทะเล ที่เห็นลิบๆ นั่นน่าจะเป็นไร่องุ่นทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แถมยังมีป่าทึบอยู่ด้านซ้ายมือ ขนาดของต้นไม้ทำให้นิยาดาขยาดมากขึ้น
ในยุคนี้ราคาไม้แพงยิ่งกว่าทองคำ ต้นไม้ยืนต้นขนาดสองคนโอบแบบนี้ เจ้าของพื้นที่ต้องรวยขนาดไหนนะถึงไม่ยี่หระกับมูลค่าของไม้ยืนต้นเหล่านี้และปล่อยให้ต้นไม้ตั้งตระหง่านสู้แดดสู้ฝนอยู่นานนับสิบๆ ปีได้
“โอ้ย...อยากจะบ้า ใครนะทำกับนิได้”
เธอแหกปากตะโกนลั่น ระบายอารมณ์ด้วยการเตะใบไม้ที่กองสูงถึงตาตุ่มจนกองใบไม้กระจาย
โครกกก...
เสียงท้องร้องโครกคราก นิยาดาเลยยืดตัวยืนตรง เธอหิวจนแสบท้อง พอทบทวนความทรงจำอีกครั้งเธอถึงกับยกมือกุมขมับ เท่าที่จำได้เธอกำลังสาละวนกับการนำอาหารสดออกจากห้องเก็บความเย็นด้านหลังเรือสำราญ เธอได้ยินเสียงแปลกๆ เลยพยายามควานหาที่มาของเสียง จนถึงท้ายสุดของเรือ สถานที่ที่หากไม่มีธุระจริงๆ จะไม่มีใครเฉียดมาใกล้แถวนี้
มีผู้ชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ เขาพูดภาษาฝรั่งเศสที่นิยาดาฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ก็พยายามจับใจความ เธอยกมือตบหน้าผาก ความอยากเสือกแท้ๆ เลยพาตัวเองมาซวย
เธอเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์อันตรายนั่น
เลยกลายเป็นแพะเสียมั้ง ผู้หญิงต่างชาติขึ้นเรือมาทำงานแบบผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีใบรับรองการทำงาน ใช้แรงงานแลกเงินเดือนสูงๆ เป็นค่าตอบแทน
“ใครนะ?”
ผู้โดยสารบนเรือส่วนใหญ่ร่ำรวยทั้งนั้นแหละ เธอไม่รู้จักใครเป็นพิเศษหรอก ทุกนาทีอยู่แต่ในเคบินที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร หมกตัวอยู่ในครัวเกือบทั้งวัน เวลานอนนั่นแหละที่ไม่ได้อยู่ในนั้น ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็แทบไม่มี นิยาดาเป็นคนไทยคนเดียวที่อยู่บนเรือสำราญด้วยละมั้ง การสื่อสารคนส่วนใหญ่ใช้ภาษาถิ่นหรือไม่ก็หนักไปทางฝรั่งเศส เธอกำลังศึกษาพอฟังออกแต่ยังพูดไม่ได้ โชคดีที่เชฟพูดภาษาอังกฤษได้ และความอดทนของเธอถูกใจเชฟ เลยได้งานนี้