บท
ตั้งค่า

ไม่อยากโง่

เพลงรัก....

"เพลงขอกอดคุณย่าสักครั้งได้มั้ยคะ" เป็นครั้งแรกที่ฉันขอกอดคุณย่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยขอกอดท่านเลยเพราะฉันกลัวว่าท่านจะรังเกียจ

"ทำไมแกถึงอยากกอดฉันล่ะทั้งที่ฉันไม่เคยรักและเอ็นดูแกเลย"

"เพราะคุณย่าคือคุณย่าของเพลงยังไงล่ะคะถึงคุณย่าจะไม่รักเพลงแต่เพลงก็รักคุณย่ามากๆ"

"ขอบใจนะที่แกยังเห็นฉันเป็นย่าทั้งที่ฉันทำไม่ดีกับแกสารพัดตั้งแต่แกเข้ามาอยู่ที่นี่"

"เพลงไม่เคยถือโทษโกรธคุณย่าเลยสักครั้งเพลงรักและนับถือคุณย่ามาตลอดค่ะ"

"อืมมมขอบใจมาก"

"ถ้าอย่างนั้นเพลงขอกอดคุณย่านะคะ" ฉันถามคุณย่าอีกครั้งแต่ท่านนิ่งไม่ตอบอะไรเอาแต่มองหน้าฉันจนฉันคิดว่าท่านคงไม่อยากให้ฉันกอด ท่านอาจจะรังเกียจฉันอยู่

"แต่ถ้าคุณย่ารังเกียจเพลงก็ไม่เป็นไรค่ะ"

"ฉันจะไปรังเกียจแกทำไมถ้าแกอยากกอดฉันก็มาสิ" 

"ขอบคุณนะคะคุณย่าเพลงรักคุณย่านะคะ ฮึก ฮึก ฮือออ ฮือออ" ฉันกอดคุณย่าทั้งน้ำตาเพราะนี่เป็นครั้งแรกและคงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้กอดท่าน

"ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ"

"ค่ะคุณย่า" หลังจากกอดท่านจนพอใจแล้วฉันก็ก้มกราบลาท่านอีกครั้งเพราะฉันต้องไปจริงๆแล้ว

"เพลงขอกราบลาคุณย่าตรงนี้เลยนะคะคุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะคะ" ฉันก้มกราบคุณย่าทั้งน้ำตาถึงท่านจะไม่เคยรักฉันแต่ฉันก็เคารพรักท่านเพราะท่านคือย่าของฉัน จากนั้นฉันก็ไปลาคนอื่นๆยกเว้นพี่แพรวที่คงไม่อยากเจอหน้าฉัน ฉันเดินเข้ามาในครัวเพราะตอนนี้ทุกคนกำลังทานข้าวกันอยู่ พอฉันเดินเข้าไปทุกคนก็มองมาที่ฉันแล้วมองที่กระเป๋าเดินทาง

"เพลงลาแล้วนะคะทุกคน" ฉันบอกทุกคนพร้อมกับยกมือไหว้ลาจากนั้นก็เดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็ก พอถึงประตูรั้วฉันก็ได้หันกลับไปมองอีกครั้ง ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีใครต้อนรับฉันแต่ฉันก็มีความรู้สึกผูกพันกับที่นี่

"ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วสินะ" ฉันพูดกับตัวเองแล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตา

ฉันปาดน้ำตาแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาจนถึงสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้านฉันหาที่นั่งพักเหนื่อยเพื่อหลบแดดเพราะตอนนี้มันเป็นเวลากลางวันซึ่งอากาศค่อนข้างร้อน  ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีได้แต่มองซ้ายมองขวา ฉันอดสะท้อนใจไม่ได้เหมือนฉันต้องเผชิญโลกตามลำพังเพียงคนเดียวไม่มีใครให้พึ่งพิงไม่มีแม้แต่บ้านจะอยู่ ถามว่าทำไมฉันไม่ไปอยู่กับพี่พีทพี่ธารที่เชียงใหม่ฉันรู้ว่าถ้าฉันขอไปอยู่ด้วยพี่ๆทั้งสองคนย่อมยินดีและเต็มใจให้ฉันไปอยู่ด้วยอย่างแน่นอนแต่ก็อย่างที่ฉันเคยบอกว่าฉันเกรงใจพี่ๆทั้งสองคนเพราะพี่พีทเพิ่งเริ่มสร้างตัวสร้างครอบครัวกับพี่ธารฉันไม่อยากไปเป็นภาระพวกพี่ๆฉันคิดว่าฉันต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ อีกอย่างพี่พีทต้องเริ่มจากศูนย์เพราะตอนที่พี่พีทย้ายออกไปคุณย่าไม่ให้อะไรพี่พีทเลยซึ่งพี่พีทก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรทั้งที่มีสิทธิ์ในมรดกของคุณพ่อขนาดคุณลุงพ่อของพี่ธารจะยื่นมือเข้ามาช่วยโดยการให้เงินพี่พีทกับพี่ธารมาตั้งตัวแต่พี่พีทก็ไม่ขอรับพี่พีทบอกว่าอยากสร้างทุกอย่างด้วยตัวของพี่พีทเอง พี่พีทอยากให้พี่ธารภูมิใจในตัวพี่พีทว่าพี่พีทจะสามารถทำให้พี่ธารมีความสุขและไม่ลำบาก ตอนนั้นฉันเห็นพี่ธารร้องไห้พี่ธารพูดว่าพี่ธารเชื่อว่าพี่พีททำได้แน่นอน ฉันที่ได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกปลื้มใจและซึ้งใจในความรักของพี่ๆทั้งสองคนมากพวกเขารักกันด้วยใจจริง และอีกเหตุผลสำคัญที่ฉันไม่ไปอยู่กับพี่ๆที่เชียงใหม่ก็เพราะฉันสอบเข้าเรียนที่มหาลัยKได้ถ้าฉันย้ายไปเชียงใหม่ฉันก็ต้องสละสิทธิ์ฉันก็เลยตัดสินว่าจะดิ้นรนด้วยตนเองดู ส่วนเรื่องที่ฉันถูกไล่ออกจากบ้านฉันก็จะยังไม่บอกเพราะกลัวทั้งสองจะเป็นห่วง 

ปี๊นนน ปี๊นนนน เสียงแตรรถดังลั่นถนนจนฉันตกใจรีบหันไปดูปรากฏว่าเป็นรถของพี่ไทม์  เขาเปิดกระจกรถลงแล้วมองมาที่ฉันซึ่งเขาจอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนพอแน่ใจว่าเป็นพี่ไทม์ฉันก็รีบหันหลังหลบฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันโดนไล่ออกจากบ้านไหนจะใบหน้าของฉันอีกที่มีแต่รอยแดงอีก ฉันไม่อยากตอบคำถามของพี่ไทม์และอีกอย่างฉันไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่เป็นใจพี่ไทม์เดินลงมาจากรถแล้ววิ่งข้ามถนนมาหาฉันฉันจะหนีก็ไม่ทันเพราะเขาวิ่งมาเร็วมากฉันก็เลยรีบเอากระเป๋าเดินทางไปซ่อนไว้หลังพุ่มไม้ไม่ให้เขาเห็นเพราะกลัวว่าเขาถาม

"มานั่งทำอะไรตรงนี้" พี่ไทม์ถามฉันแต่ฉันก็ยังคงหลบหน้าก้มหน้าเพราะอายสภาพหน้าตัวเองที่มีแต่รอยบวมช้ำ

"เอ่อคือเพลง..รอเพื่อนค่ะ" ฉันโกหกพี่ไทม์ว่ารอเพื่อนทั้งที่ฉันไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคนถามว่าทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนนั่นเป็นเพราะทุกคนรู้ว่าฉันเป็นลูกเมียน้อยทุกคนก็ตั้งแง่รังเกียจไม่มีใครอยากคบเป็นเพื่อนซึ่งฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็อยู่คนเดียวนั่งคนเดียวกินข้าวคนเดียวมาตลอดซึ่งฉันก็ผ่านมันมาได้แม้จะเหงาบ้างก็ตาม

"แล้วทำไมต้องก้มหน้าก้มตาเหมือนหลบหน้าพี่ ไหนเงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อยดิ๊"

"ไม่..โอ๊ย!!" ฉันไม่ทันได้ปฏิเสธก็ต้องร้องด้วยความเจ็บเมื่อพี่ไทม์จับคางฉันเพื่อให้ฉันเงยหน้าขึ้น

"หน้าไปโดนอะไรมาทำไมมันแดงแล้วก็บวมขนาดนี้" 

"คือเพลงคือ....เพลงเดินชนประตูค่ะ" ฉันรู้ว่าคำตอบมันโง่มากเขาคงไม่เชื่อแต่ฉันคิดอะไรตอนนี้ไม่ทันจริงๆ

"คิดว่าพี่กินหญ้าแล้วมีเขาบนหัวหรือยังไง" 

"เปล่านะคะ คือเพลงเดินชนประตูจริงๆ ค่ะ"

"เอาที่เพลงสบายใจก็แล้วกัน ว่าแต่รอเพื่อนนี่เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายล่ะ" ฉันไม่เข้าใจคำถามของพี่ไทม์ว่าทำไมถึงถามแบบนี้

"ทำหน้างงทำไม"

"เพลงไม่เข้าใจความหมายที่พี่พูดค่ะ"

"ที่พี่ถามว่าเพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายมารับก็เพราะว่า..ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงพี่ก็จะได้สบายใจแต่ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายพี่คง..เสียใจ"

"พี่ว่าอะไรนะคะเพลงได้ยินไม่ชัด??" ฉันได้ยินเขาพูดว่าเสียใจแต่ฉันต้องถามย้ำเพราะคิดว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินแบบนั้น

"ทำไมชอบทำหน้าเหมือนคนไม่ค่อยฉลาดอยู่เรื่อย" ฉันรู้ว่าพี่ไทม์ด่าฉันว่าโง่เพียงแต่เขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆก็เท่านั้นเองซึ่งฉันก็ยอมรับว่าโง่จริงๆนั่นแล่ะโง่ที่แอบรักเขาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เคยสนใจ

"เพลงก็คงโง่อย่างที่พี่พูดนั่นแล่ะค่ะ"

"พี่เลิกกับแพรวแล้วนะ" จู่ๆพี่ไทม์ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"พี่ไทม์บอกเลิกพี่แพรวเหรอคะ"

"อืมม"

"พี่ไม่เสียดายเวลาเหรอคะคบกันมาตั้งนาน"

"เสียดายดิทำไมจะไม่เสียดายคบกันมาตั้งหลายปีแต่เสียดายของพี่ก็คือเสียดายเวลาที่คบกันถึงพี่กับแพรวจะอยู่ห่างกันแต่พี่ก็ไม่เคยนอกกายนอกใจแพรวเลยสักครั้งแต่ดูสิ่งที่แพรวทำกับพี่ดิพี่ไม่อยากโง่เป็นควายอีกต่อไปพี่ก็เลยบอกเลิก"

"พี่แพรวเสียใจมากเลยนะคะ"

"แล้วไงในเมื่อเรื่องนี้แพรวเป็นคนผิดทำไมพี่ต้องทนคบต่อเป็นเพลงๆอยากคบกับคนที่หลอกเราเห็นเราเป็นควายหรือเปล่าล่ะ" ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเพราะคงไม่มีใครอยากโง่ยอมให้คนที่ตัวเองรักหลอกหรอกแต่บางที.....อาจจะมีก็ได้คนที่ยอมโง่เพื่อคนที่เรารัก

............................

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel