ตอนที่ 6 ตรวจภายใน
“แต่ว่า!”
“บอกให้อยู่เฉย ๆ จะเริ่มตรวจแล้ว”
จิลเก็บความอายทั้งหมดลงไปเมื่อเธอหนีอีกไม่ได้แล้ว คนตรงหน้านี้เป็นหมอคินน์ที่เธอพึ่งจะผ่านคืนเร่าร้อนมาด้วยกัน และเธอยังมาตรวจร่างกายเพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานอีก
“ให้ตายเถอะนี่บวมขนาดนี้เลยเหรอ เจ็บไหม”
เสียงอ่อนโยนที่ถามเธอทำเอาหัวใจของชมชนกสั่นอีกครั้ง ก่อนจะตอบเขาไปด้วยเสียงสั่น
“ไม่ค่ะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก มีฉีกขาดเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอักเสบเดี๋ยวผมจะจ่ายยาแก้อักเสบและลดบวมไปให้ ส่วนที่เหลือจะส่งตรวจที่แล็บอีกครั้ง อยากจะถามอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ค่ะ ฉันลงไปได้หรือยัง”
เป็นครั้งแรกที่เขาตรวจเสร็จแต่ยังไม่อยากเดินออกจากห้อง เขายังอยากจะนั่งมองอีกนาน ๆ เหมือนกับพวกโรคจิตที่กำลังนั่งยิ้มให้กับผลงานตัวเอง และต้องตกใจเมื่อเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง
“จิล… เมื่อคืนทำไมถึงหนี”
“หมอคะ หมอตรวจเสร็จก็ควรจะปล่อยฉันไปได้แล้ว”
“อยากให้ปล่อยงั้นเหรอ แล้วเมื่อคืนนี้ใครล่ะที่เรียกให้ผมช่วย ไม่ใช่คุณหรอกเหรอ”
หมอคินน์ถอดหน้ากากอนามัยออกและก้มลงมากระซิบที่ข้างหู จิลรู้สึกเสียววาบไปถึงท้องน้อยเมื่อเขากระซิบเธอ กลิ่นหมากฝรั่งรสบลูเบอร์รี่มิ้นท์ทำเอาเธอรู้สึกหวั่นไหวและเมื่อเขากลับไปที่ขาหยั่งอีกครั้งก็ยิ้มออกมา
“แย่ล่ะสิ พูดแค่นี้ถึงกับเริ่มแฉะเชียวนะ ทำยังไงดีล่ะจิลหรือว่าจะให้ผมช่วยคุณอีกครั้ง”
“หมอคะ เมื่อคืนนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับคุณ ดังนั้นวันนี้ก็ช่วยปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
“อะไรนะ ไม่ใช่ว่าคุณชอบผมหรอกเหรอ”
“คือฉัน “เคย” ชอบคุณแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำมักง่ายกับฉันแบบนี้ได้ ปล่อยค่ะไม่งั้นฉันจะตะโกนเรียกคนให้ช่วย คุณคงไม่อยากเสียชื่อเพราะข้อหาลวนลามคนไข้หรอกนะคะ”
กลายเป็นคณาธิปที่อึ้งไปเมื่อเธอพูดจบ น้ำเสียงเธอแม้ว่าจะสั่นแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เมื่อปล่อยเธอจากเครื่องตรวจและลงมาได้ก็รีบเดินออกจากห้องตรวจไปทันทีเพื่อเปลี่ยนชุด
“จิล เป็นยังไงบ้างทำไมแกตาแดงแบบนั้นล่ะ”
“มิ้นท์ ฉันอยากกลับบ้าน”
“แต่ว่าแกยังไม่ได้เอกสารใบรับรองแพทย์แล้วก็ยาเลยนะ”
“ฉันไม่เอาแล้ว รีบไปจ่ายเงินแล้วกลับกันเถอะ”
“จิลนี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ฉัน…”
“คุณชมชนกคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์เรียกเธอไปพบ จิลจึงได้หันมาบอกเพื่อน
“ฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ แกรออยู่นี่เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
“ก็ได้”
มิ้นท์รู้สึกงงเล็กน้อย แต่เมื่อประตูห้องตรวจเปิดและหมอที่เดินออกมาพร้อมชุดกาวน์สีขาวก็ทำให้เธอตกใจ เพราะคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจของเพื่อนเธอก็คือหมอคณาธิป รุ่นพี่ของจิลนั่นเอง
“เชี่ย โลกนี้มันจะกลมเกินไปแล้ว ขนาดหนีมาคลินิกก็ยังมาเจอเขาเหรอเนี่ย”
เคาน์เตอร์ยา
“คุณหมอให้ยามาตามนี้นะคะ ทานเมื่อมีอาการปวดถ้าหายปวดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องทานจนหมด ทานหลังอาหารนะคะ”
“ขอบคุณค่ะเท่าไหร่คะ”
“เอ่อ ในนี้บอกว่าไม่ต้องชำระค่ะเพราะว่ามีคนชำระแล้ว”
“อะไรนะคะ แต่ว่า…”
“รับยาเสร็จแล้วก็มาคุยกันหน่อยไหมคุณชมชนก”
จิลหันไปก็เห็นคุณหมอที่สวมชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาจนเกือบประชิดตัว พยาบาลเรียกคนไข้คนต่อไปมารับยาและไม่ได้สนใจพวกเขาอีก
หมอคินน์ดึงมือเธอและพาเข้าไปที่ห้องพักแพทย์ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเคสที่ต้องตรวจแล้ว วันนี้เป็นวันหยุดของเขาที่โรงพยาบาลแต่ก็ต้องมาที่คลินิกของตัวเองที่เปิดรับรักษาโรคทั่วไป เมื่อเข้าห้องได้เขาก็ล็อกประตูทันที
“ทำไมถึงต้องมาตรวจ คุณกลัวอะไรงั้นเหรอ”
“ฉันก็แค่… ฉัน...”
“ทำไม หรือว่าคิดจะไปแจ้งความเอาเรื่องผมงั้นเหรอ ที่จริงเรามาคุยกันก่อนดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องถึงกับต้องไปแจ้งความเลยนี่”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่คิดจะไปแจ้งความให้ตัวเองอับอายหรอกค่ะ”
“แล้วยังไง หรือว่าอยากใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ผม เอาเอกสารและใบรับรองแพทย์นี้มาบังคับให้ผมรับผิดชอบคุณงั้นเหรอ”
“คุณหมอคะนี่คุณ… ไอคิวคุณอาจจะสูงจริง ๆ ฉันยอมรับแต่อีคิวของคุณต่ำกว่าเด็กสิบขวบเสียอีก”
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“ฉันบอกไปแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอบคุณนะคะสำหรับค่ายาและค่าตรวจที่จ่ายให้ แต่ครั้งหน้าคงจะไม่รบกวน”
“เดี๋ยวก่อน นี่คุณกำลังจะบอกว่ามาที่นี่แค่ตรวจเฉย ๆ งั้นเหรอ”
จิลนึกโมโหไม่หาย นี่เธอชอบคนแบบนี้เข้าไปได้ยังไง ถ้ารู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้เธอคงถอยนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้หรอก เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อมองเขาให้ชัด ๆ อีกครั้งซึ่งคณาธิปไม่คิดจะถอยเธอจึงหยุด
“ใช่ค่ะ เพราะฉันไม่ทราบว่าจะติดโรคอื่นหรือเปล่า ก็แค่อยากมาตรวจดูเพราะก่อนหน้านี้ฉันเองก็รู้ว่าคุณ “สำส่อน” มากขนาดไหน ก็เลยมาตรวจให้แน่ใจขอตัวก่อนนะคะคุณหมอ”
“อะไรนะ! นี่เธอว่าใครสำส่อน”
เขาโกรธจนตัวสั่นแต่เมื่อหันมาก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปแล้วจากประตูด้านหลัง เธอรู้ดีว่าห้องมีประตูสองฝั่ง ไม่นานเขาจึงได้เดินตามออกไปและเห็นว่าเธอมากับเพื่อนและกำลังเดินกลับไปที่รถ
“สำส่อนงั้นเหรอ ดีนี่จิลเธอกล้าพูดแบบนี้คงคิดมาแล้วสินะว่าจะเป็นศัตรูกับฉัน อย่ามาออดอ้อนให้รับผิดชอบทีหลังก็แล้วกัน”
เขาตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว นอกจากแผลบวมภายนอกเธอก็ไม่มีอันตราย แต่เมื่อคืนนี้เขาคงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ถึงได้ทำเสียจนเธอแทบจะเดินไม่ไหวแบบนั้น ซึ่งหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีอาการแบบนี้ แต่เธอที่เป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน เมื่อเจอของเขาที่ทั้งใหญ่และอารมณ์ที่เร่าร้อนเมื่อคืนก็ทำให้เธอมีอาการแบบนี้
“อยู่แถวนี้หรอกเหรอ”
เขารีบวิ่งไปเอาประวัติของเธอมาดูทันที ซึ่งโชคดีที่มีทั้งเอกสารบัตรประชาชนและที่อยู่ปัจจุบัน
“คอนโดใกล้ ๆ นี่เอง ชั้นห้าห้องห้าสองสอง”
คอนโดจิล
“จิล เมื่อกี้ฉันเห็นอีตาหมอของแก อย่าบอกนะว่าแกให้เขาตรวจ”
“ใช่ เป็นเขาจริง ๆ ซวยชะมัดเลยทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนนะว่าเขาจะมาเปิดคลินิกอยู่ใกล้ ๆ นี่ด้วย”
“ฉันว่าแกคงหนีเขาไม่พ้นแล้วล่ะ อยู่ที่ทำงานแล้วก็มีคลินิกอยู่ใกล้ขนาดนี้ แกจะเอายังไงต่อ”
“ฉัน…”
“แกยังชอบเขาอยู่สินะ ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนนี้แกคงไม่ยอมให้เขาทำ”
จิลไม่ปฏิเสธ เพื่อนเธอเองก็รู้ดีว่าเธอก็คงดีใจไม่น้อยที่ได้คุณหมอที่ชอบเป็นคนแรกของตัวเอง พวกเธอแม้ว่าจะมีหัวที่ทันสมัยแต่ครั้งแรกก็ขอให้กับคนที่พึงพอใจมากที่สุด ซึ่งนับว่าจิลเองก็ไม่ได้คิดเสียใจที่ครั้งแรกของเธอเป็นคุณหมอคณาธิป
“ฉันอยากนอนพักแล้ว ขอบใจนะมิ้นท์ที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไร แกอยู่คนเดียวได้แน่นะ”
“สบายมาก ฉันไปก่อนนะ”
จิลเดินขึ้นห้องเหมือนกับคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเข้ามาในห้องได้ก็ล้มตัวลงนอนทันทีโดยที่ไม่ทันได้กินยาที่หมอสั่งด้วยซ้ำไป ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงที่เพื่อนของเธอกลับไป
กว่าจิลลุกขึ้นมาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว เธอจึงคิดจะไปหาอะไรกิน แต่จังหวะนั้นเองที่เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นซึ่งเธอก็ส่องไปดูจึงได้เห็นว่าเป็นใคร แต่ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่จริงน่า! ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”