บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 บุกถึงห้อง

จิลลังเลเมื่อคนที่มาเคาะประตูคือหมอคณาธิปที่ถือถุงบางอย่างมาด้วย แม้ว่าจะถอดชุดกาวน์ออกแล้วแต่เขาก็ยังดูหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแลค ซึ่งเป็นแบรนด์เนมทั้งตัวก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นมา

“จะส่องอีกนานไหมหรือต้องให้พังประตูเข้าไปถึงจะยอมเปิด”

จิลคิดผิดไปเสียแล้วที่ให้มิ้นท์กลับบ้านไปก่อนเพียงเพราะอยากนอนพักผ่อน แต่เมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตูเธอก็แทบจะหมดแรงและใจสั่นไม่หยุดจนต้องหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความตื่นเต้นและค่อย ๆ เปิดประตูให้เขา

“กว่าจะเปิดได้นึกว่าต้องรอถึงพรุ่งนี้เสียอีก กินข้าวหรือยัง”

“คะ?”

“เฮ้อ สมองเลอะเลือนไปหมดแล้วสินะ หลีกไปสิจะได้เอาของเข้าไปมันหนักนะเร็ว ๆ เข้า”

“ของ… เอ่อ”

“ผมหิวข้าว แล้วก็รู้ว่าคุณคงขึ้นมาแล้วนอนเลยจนไม่ได้หาข้าวกิน ยานั่นต้องกินหลังอาหารทันทีก็เลยซื้อมาเผื่อ”

“ซื้อมาเผื่อเหรอคะ”

ปริมาณที่บอกว่าซื้อมาเผื่อที่มีทั้งโจ๊กสองถุง ข้าวต้มและข้าวกล่องอีกสองสามกล่อง ยังมีผลไม้สดกับขนมปังถุงใหญ่และถุงของร้านสะดวกซื้อใต้คอนโดอีกถุงใหญ่ แต่หมอคินน์กลับบอกว่าซื้อมาเผื่องั้นเหรอ

“ให้เอาวางตรงไหน”

“เอ่อ เอาวาง…โอ๊ย!”

เธอกำลังจะหมุนไปหาโต๊ะแต่ก็เกิดจุกที่ช่องท้องจนคณาธิปที่เหลือมือแค่ข้างเดียวต้องรวบเธอเอาไว้และยกขึ้นมาพร้อมกับพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน

“ระวังหน่อยสิตอนนี้ท้องน้อยอาจจะยังเจ็บอยู่ จะเดินก็ต้องระวัง เดินเบา ๆ อย่าหันเร็ว ๆ แบบนี้แค่บอกมาก็พอที่เหลือผมจัดการเอง”

“เอ่อ… วางที่โต๊ะก็ได้ค่ะเดี๋ยวจิลเปิดไฟให้”

เธอค่อย ๆ คลายออกจากอ้อมกอดของเขา เมื่อหมอคินน์หันไปมองเธอที่สวมเพียงเสื้อกล้ามบางสีขาวและกางเกงขาสั้นไม่ถึงคืบเพราะอยู่บ้านก็แทบจะหิวขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเขาไม่ได้หิวข้าวที่เผลอซื้อมาเยอะ ๆ นั่นหรอก

เมื่อเธอเดินไปเปิดไฟก็หันมาเตรียมจานชามเพื่อจะนำไปใส่ของที่เขาซื้อมา แต่หมอคินน์กลับเดินมาดึงเธอออกมาจากเคาน์เตอร์ครัวและพาไปนั่ง

“อยู่เฉย ๆ เถอะเดินยังแทบไม่ไหวเดี๋ยวผมจัดการเอง”

จิลรู้สึกใจสั่นไม่หยุดเมื่อคนที่เธอเคยเฝ้าฝันว่าจะมีสักครั้งที่ได้ทำแบบนี้กลับกลายเป็นเขาที่ทำแทน อีกทั้งยังเป็นห้องของเธออีกด้วย ทำไมถึงไม่ยุติธรรมเลย

เธอแอบมองแอบชอบเขามาตั้งนานแต่เขากลับไม่สนใจ แต่เวลาแค่คืนเดียวที่เธออยากจะตัดใจเขากลับขโมยหัวใจเธอไปได้อีกครั้ง

“ทำไมคุณหมอถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่คะ”

“ประวัติผู้ป่วย คุณคงไม่คิดว่าผมมีไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำใช่ไหม อย่างน้อยผมก็รู้ว่าควรจะทำอะไรเวลาไหน”

เขาเลือกจะเทโจ๊กให้เธอเพราะมันย่อยง่ายและดีต่อคนป่วยอย่างเธอ เมื่อโจ๊กหอม ๆ วางลงตรงหน้าจิลก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เพราะเธอพึ่งกินข้าวต้มไปเพียงชามเดียวที่มิ้นท์ซื้อมาให้ช่วงเที่ยง

“กินโจ๊กนะ อาหารอ่อน ๆ จะได้กินยาน้ำอยู่ในตู้เย็นใช่ไหม”

“ค่ะ”

“อย่าดื่มน้ำเย็นมากจะดีกว่า มันไม่ค่อยดีกับมดลูกเท่าไหร่ดื่มน้ำอุณหภูมิปกติจะดีที่สุด”

“แต่โจ๊กนี่มันร้อนนะคะ”

“เรื่องมากจริง ๆ”

แม้ว่าจะบ่นแต่เขาก็ผสมน้ำที่ไม่เย็นเกินไปแล้วมาวางให้เธอก่อนจะจัดจานผลไม้และกล่องข้าวของตัวเองมานั่งกินกับเธอ

“มองอะไร กินโจ๊กไปนั่นแหละดีแล้วย่อยง่ายหน่อยจะได้หายเร็ว ๆ ยังมีไข้รุม ๆ อยู่ไม่ต้องมองเลยกะเพรานี่รสจัดยังกินไม่ได้เข้าใจไหม”

จิลไม่เถียงแต่ก็ไม่กล้าถามว่าเขามาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้ทั้ง ๆ ที่เธอกับเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน อีกอย่างแม้ว่าคลินิกของหมอคินน์จะอยู่ใกล้ ๆ แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องมาหาเธอ และที่สงสัยมาก ๆ ก็คือ…

“ทำไมคุณถึงขึ้นมาข้างบนได้ล่ะคะ”

“ง่ายจะตายไปก็แค่โชว์บัตรประจำตัวของแพทย์ แล้วบอกว่ามาตรวจผู้ป่วยแค่นี้เขาก็ให้ขึ้นมาแล้ว”

“นี่มันวิธีบ้าอะไรกันเนี่ย สงสัยต้องแจ้งนิติบุคคลสักหน่อยแล้ว”

“บ่นอะไรอีกล่ะผมไม่ได้มาชวนคุณทะเลาะนะ แล้วก็เรื่องเมื่อคืนนี้ ผมมีอะไรจะคุยกับคุณถึงได้มาหา เอาไว้กินเสร็จค่อยว่ากันเถอะ”

จิลหันไปกินโจ๊กของตัวเองแต่ก็กินไม่หมด ทำเอาหมอคินน์ถึงกับทำหน้าดุใส่เธออีกครั้ง

“กินเข้าไปอีก ทำไมไม่กินขิง”

“มันเผ็ด จิลไม่ชอบ”

“แต่มันมีประโยชน์ กินเข้าไป”

“ไม่เอาค่ะอิ่มแล้ว”

“กินอย่างกับแมวดมแบบนี้จะมีแรงได้ยังไง ตัวคุณเล็กอย่างกับลูกแมวกินเข้าไปอีก”

“ไม่เอาแล้วค่ะจิลอิ่มแล้วจริง ๆ”

เธอหันไปมองสีหน้าดุของเขาถึงกับรีบหลบสายตา คณาธิปเองก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องมานั่งคะยั้นคะยอให้ผู้หญิงคนหนึ่งกินข้าวเพื่อจะได้กินยาได้แบบนี้ แต่เขารู้สึกผิดเมื่อตรวจเธอและเจอสภาพแบบนั้น

มันทำให้จิตสำนึกของเขาตื่นขึ้นเพราะทั้งหมดเป็นเพราะความใจร้อนและเอาแต่ใจของเขา ดังนั้นพอเลิกงานจากคลินิกจึงรีบซื้ออาหารที่มีประโยชน์และมาที่คอนโดของเธอทันที

“ถ้างั้นนั่งรออยู่นี่ ถุงยาได้ให้มาอยู่ที่ไหน”

“อยู่ในห้องค่ะเดี๋ยวจิลเข้าไปเอา…”

“ไม่ต้องผมไปเองนั่งเฉย ๆ เถอะขอร้องล่ะอย่าวุ่นวาย”

“วุ่นวาย” นี่เขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า ที่นี่เป็นห้องของเธอและเขาเป็นแขก อีกอย่างตั้งแต่เดินเข้ามาก็แทบจะไม่ให้เธอขยับไปไหนเลยนอกจากนั่งที่โต๊ะทานข้าว

ไม่นานเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องและเดินเอาถุงยาออกมาเตรียมเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบมอง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนคณาธิปก็ยังหล่อไม่ลดลงเลยจริง ๆ

“นี่ยาของวันนี้ รีบกินสิน้ำอยู่นี่”

“ขอบคุณค่ะ”

จิลรับยากับน้ำที่ที่หมอคินน์เอามาให้กินจนเสร็จเขาจึงทยอยเก็บอาหารบนโต๊ะไปวางที่ล้างจาน จิลพยายามจะบอกเขาว่าเธอจะทำเองแต่เขากลับบอกให้เธอนั่งลง

“ถ้าคุณไม่นั่งผมจะคิดว่าคุณมีแรงมากพอที่จะทำเรื่องอื่นนอกจากจะคุยกับผมอย่างเดียว คิดว่าคงเข้าใจที่ผมต้องการจะพูดใช่ไหม”

“แต่ว่าจิลนั่งเฉย ๆ มานานแล้วนี่คะ แบบนี้มันจะไม่ค่อยดีนะคะอีกอย่างนี่ก็เป็นห้องของจิลด้วย”

คณาธิปหันมาจ้องเธอด้วยสายตาดุอีกครั้ง จิลแพ้สายตานั่น เธอไม่ชอบเลยแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ถูกเขามอง เธอรู้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้คงทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างถึงได้มาที่นี่

แต่ในตอนนี้จิลไม่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์ที่ยุ่งยากนี้อีก เธอไม่เหมือนกับสาว ๆ ของเขาที่เอาไว้นอนด้วยแก้เบื่อ จึงอยากจะถอยออกมาก่อนที่ตัวเธอเองจะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้

“ทานผลไม้หน่อยสิ”

“แต่ว่าจิล...”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะแค่อิ่มจนกินไม่ไหวต่างหาก”

“งั้นก็แช่เอาไว้ก่อน”

เขาเดินเอาผลไม้ไปแช่ในตู้เย็นและเดินมาหาเธอ จิลที่ถูกเขาพยุงลุกจากเก้าอี้ก็ตกใจอีกครั้ง

“จิลลุกเองได้ค่ะ”

“งั้นหาที่คุยกันหน่อยสิ โซฟานั่นได้ไหมจะได้นั่งสบายหน่อย”

“ค่ะ”

เธอเดินไปกับเขาที่พยุงไปโดยไม่จำเป็นสักนิด ห้องของจิลแม้ว่าจะเล็กและมีแค่ห้องนอนเดียว แต่ก็มีบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านหลังเล็ก ๆ จนคณาธิปที่อยู่แต่คอนโดใหญ่ ๆ รู้สึกอบอุ่น

“คุณหมอมีอะไรจะคุยกับจิลเหรอคะ”

“เมื่อคืนนี้ผมต้องขอโทษคุณด้วยที่ใจร้อนทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ วันนี้ผมตรวจแล้ว แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากแผลภายนอกแต่ผม…”

“จิลไม่ได้ต้องการให้คุณหมอรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นค่ะ เรื่องเมื่อคืนนี้เป็นแค่อุบัติเหตุ ที่จริงจิลเองก็ผิดที่เมาด้วยดังนั้นให้มันจบแค่นี้เถอะนะคะ”

“อะไรนะ! นี่คุณต้องการแบบนี้จริง ๆ น่ะเหรอชมชนก”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel