ตอนที่ 2 ลูกของฉันใครจะมาเอาไปไม่ได้
ตอนที่ 2 ลูกของฉันใครจะมาเอาไปไม่ได้
“นั้นใช่ไหมลูกของราฟีค” เจ้าชายหนุ่มถามเสียงเรียบ แววตาจ้องมองไปยังหญิงสาวนิ่ง แววตาที่เย็นชาคู่นั้นทำให้เพียงฟ้ารู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“ราฟีคไหน ฉันไม่รู้จัก เด็กคนนี้เป็นลูกของฉัน พวกคุณคงมาผิดห้องแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวบอกแล้วกระชับอ้อมแขนกอดรัดร่างน้อยเอาไว้แน่น มองไปยังชายหนุ่มทั้งสองอย่างไม่ไว้วางใจ
“ผมรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณ แล้วก็ราฟีค คุณคงจะไม่ปฏิเสธนะว่าไม่รู้จักเจ้าชายราฟีค” โอมาร์นั่งมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็น เพียงฟ้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ ทำไมเธอจะไม่รู้จัก เธอรู้จักดีเชียวล่ะ เพียงแต่ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครแล้วมาจากไหน แล้วรู้จักเจ้าชายราฟีคได้ยังไง
“ท่านผู้นี้คือเจ้าชายโอมาร์ แห่งราชอาณาจักรบารูบัน พระอนุชาของเจ้าชายราฟีค” เซลิมเป็นผู้ไขความข้องใจของหญิงสาวให้หมดไป เพียงฟ้าโค้งต่ำให้เขาอย่างให้เกียรติ “ถวายพระพรเพคะ”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ที่ผมมาก็มาแบบเงียบๆ เพื่อมารับหลานชายกลับไปบารูบัน”
“ว่าไงนะ!” เธอทำเสียงสูงอย่างตกใจ “ไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันไม่ให้” เพียงฟ้าก้าวถอยหนี เจ้าชายโอมาร์ยืนขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหาเธอ “สภาพอย่างคุณไม่มีทางที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีได้หรอก เขาเป็นถึงองค์รัชทายาทผมคงจะให้อยู่ในสภาพคนยากจนเช่นนี้ไม่ได้ ขอให้คุณเข้าใจด้วย” เขาพยายามพูดเพื่อจะถนอมน้ำใจของอีกฝ่ายอย่างที่สุด
“ไม่เพคะ เบนต้องอยู่กับหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ยกให้ใครทั้งนั้น” เพียงฟ้าส่ายหน้าแล้วเดินเลี่ยงหนีออกมาอีกทาง โอมาร์หันตามมา “เพื่ออนาคตของเขา ราฟีคสั่งเสียผมเอาไว้ก่อนที่จะจบชีวิตลง”
“เขา...เอ่อเจ้าชายราฟีคสิ้นพระชนม์แล้วหรือเพคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงรัวเร็ว
“ใช่ แล้วท่านพ่อก็ต้องการพบหลานชายมาก ท่านต้องการรับหลานชายกลับไปอยู่ด้วยกันในฐานะองค์รัชทายาท” ชายหนุ่มบอกตามความจริง
“ต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะที่หม่อมฉัน ทำตามพระประสงค์ไม่ได้ เด็กคนนี้เป็นของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น” เพียงฟ้าเชิดหน้าขึ้นสูง เธอจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเธอจากเบนลีได้เด็ดขาด โอมาร์อึ้งในความกล้าหาญของหญิงสาวตรงหน้า แต่เขาก็ต้องพาเด็กคนนี้กลับไปบารูบันให้ได้
“ผมเตือนคุณแล้วนะเอริก้า ทำตามที่ผมบอกจะดีกว่า ส่งเด็กคนนั้นมาให้กับเรา แล้วคุณจะมีเงินทองมากมายใช้เท่าไรก็ไม่หมด” เขาเปลี่ยนแผนในการชักจูงใจอีกฝ่าย ถ้าเป็นเอริก้าตัวจริงก็คงตอบตกลงไปแล้ว แต่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ เธอจึงเลือกทำให้สิ่งที่ใจต้องการ “ไม่!” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดี “หม่อมฉันไม่ต้องการเงินทองของฝ่าบาท” เพียงฟ้าขบกรามเข้าหากัน “เงินทองมากมายหม่อมฉันก็ไม่ต้องการ ลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้เป็นแม่ เชิญฝ่าบาทออกไปได้แล้ว ไม่งั้นหม่อมฉันจะเรียกตำรวจมาเชิญพวกฝ่าบาทออกไป” หญิงสาวชี้นิ้วไล่ โอมาร์ถึงกับหน้าบึ้งตึงทันที ไม่เคยมีใครกล้ามาพูดและทำกิริยาหยาบคายกับเขาแบบนี้มาก่อน
“ฝ่าบาท กระหม่อมว่าเรากลับกันก่อนดีกว่านะพระเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” เซลิมเข้ามากระซิบบอกเตือนสติเจ้าชายหนุ่มเอาไว้ โอมาร์จึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา “เอาแบบนี้ก็ได้ ผมจะพาเด็กคนนี้ไปตรวจ DNA ก่อน ถ้าเป็นลูกชายของราฟีคจริงเราค่อยมาคุยกันอีกครั้ง คุณจะยินดีหรือไม่”
“ฝ่าบาทก็ไม่แน่พระทัยอย่างนั้นหรือว่าเป็นหลานชายของฝ่าบาทจริงหรือเปล่า” เพียงฟ้าเลิกคิ้วขึ้น มองอีกฝ่ายอย่างเยาะหยัน
“ใช่ เพราะข่าวคาวโลกีย์ของคุณมันมากเสียจนผมไม่แน่ใจ ถึงราฟีคจะยืนยันก็ตาม ผมต้องการพิสูจน์ให้แน่ชัด ถ้าไม่ใช่ผมก็จะไปทันที” เขาบอกข้อเสนอแนะต่อหญิงสาว เพียงฟ้านิ่งคิด ‘เอาไงดีล่ะเอริก้า ถ้าเธออยู่เธอจะทำยังไง’ หญิงสาวลอบคิดในใจ
“ว่าไง ผมรอคำตอบอยู่ ความจริงผมก็ไม่ต้องบอกคุณก็ได้ เพียงแต่ผมยังให้เกียรติคุณอยู่” เขาบอกเสียงเรียบแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างรอฟังคำตอบ
“ก็ได้เพคะ หม่อมฉันต้องการความยุติธรรม ไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน หม่อมฉันต้องการให้ฝ่าบาทเป็นกลาง ไม่ใช่ใช้ความเป็นใหญ่มาหักหาญน้ำใจผู้หญิงอย่างหม่อมฉัน” เพียงฟ้าเชิดหน้าขึ้นสู้ โอมาร์ยิ้มในคำพูดที่ชาญฉลาดของหญิงสาวตรงหน้า
“ได้ ผมจะทำตามที่คุณพูด ส่งเด็กมานี้สิ ผมจะอุ้มไว้ให้ คุณจะได้ไปแต่งตัวเดี๋ยวหมอที่ผมนัดเอาไว้ก็คงจะมาถึงที่นี่ ถ้ามาเห็นคุณอยู่ในสภาพนี้คงจะไม่เหมาะ” ชายหนุ่มมองกวาดไปทั่วร่างบาง เพียงฟ้าถึงกับหนาวยะเยือกจากสายตาของเขา แต่ก็ยังไม่เชื่อใจอีกฝ่าย จนชายหนุ่มต้องบอกซ้ำอีกครั้ง
“ผมเป็นเจ้าชายนะ ไม่ใช่โจร เชื่อใจผมได้” เมื่อเขายืนยันหนักแน่น หญิงสาวจึงส่งเบนลีให้กับชายหนุ่มอุ้ม ท่าทางของเด็กน้อยจะชอบคนอุ้มไม่ใช่น้อย มือเล็กๆ แตะลงไปที่คางสากๆ ของโอมาร์แล้วตบแปะๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างชอบใจ เพียงฟ้าอมยิ้มอย่างลืมตัวก่อนจะรีบหมุนตัวเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าสุภาพและเรียบร้อยที่สุดขึ้นมา แล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป
อีกไม่ถึง 5 นาที ต่อมาเพียงฟ้าก็เดินออกมาในชุดแซกยาวสีครีมเลยเข่า ผมยาวถูกมัดเอาไว้เป็นหางม้า เผยลำคอขาวเนียนให้กระจ่างตายิ่งขึ้น
“แต่งตัวให้เด็กด้วย เดี๋ยวหมอที่ผมนัดไว้ก็คงจะมา” โอมาร์ส่งเด็กคืนให้กลับหญิงสาว
“เพคะ” เพียงฟ้ารับเด็กน้อยคืนมาแล้วพาไปนั่งลงที่พรมข้างตู้เสื้อผ้าเด็กขนาดเท่าครึ่งหนึ่งของตู้เสื้อผ้าผู้ใหญ่ ก่อนจะเปิดออกแล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมให้กับหลานชาย โอมาร์นั่งมองกิริยาที่หญิงสาวปฏิบัติอย่างลืมตัว ท่าทางที่ยิ้มและหัวเราะกับหลานชายของเขาดูราวกับว่ามีความสุขมาก
“หมอมาแล้วพระเจ้าค่ะ” เซลิมเดินเข้ามารายงาน พร้อมกับหมอวัยกลางคน และพยาบาลสาวอีกหนึ่งคนที่เดินตามกันมาติดๆ เจ้าชายหนุ่มลุกขึ้น
“ผมต้องการรู้ผลการตรวจให้เร็วที่สุด” ชายหนุ่มเอ่ยเหมือนเป็นคำสั่ง ก่อนจะหันไปมองทางเพียงฟ้าที่อุ้มเบนลีเดินเข้ามา ทั้งหมอและพยาบาลมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่เธอก็ไม่หวั่นไหวใดๆ เธอจะไม่แสดงอาการกลัวหรือวิตกกังวลใดๆทั้งสิ้น
“ส่งเด็กมาค่ะ” พยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกเธอพร้อมกับยิ้มหวาน เพียงฟ้าหันไปมองหน้าเขาแล้วก็หันกลับมาส่งเด็กให้กับพยาบาล พยาบาลสาวอุ้มเด็กมานอนลงบนโซฟายาว
“อย่าทำแกเจ็บนะคะ” หญิงสาวทำสีหน้าเป็นห่วง
“ไม่หรอกครับ ผมจะขูดเอาเนื้อเหยื่อบางๆที่ข้างแก้มไปเท่านั้น รับรองครับว่าเด็กจะไม่รู้สึกเจ็บ” ผู้เป็นหมอหันมาบอกหญิงสาวแล้วเดินไปที่พยาบาลและเด็ก
“ท่าทางคุณจะรักลูกมาก แต่ทำไมถึงไม่อยากให้ลูกไปอยู่ในที่ที่มันสบายกว่านี้ล่ะ” โอมาร์ขยับเข้ามาใกล้กับหญิงสาวพร้อมกับเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง
“หม่อมฉันกับเบนอยู่แบบนี้สบายดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร” เธอหันมาตอบกลับเขา
“งั้นเหรอ” เขาทำเสียงสูงหรี่ดวงตาคู่คมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า “ถือว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีใช่ได้ แต่ไม่ฉลาด”
“เอ๊ะ!” เพียงฟ้าหันมามองเขาตาขวาง “อย่าถือว่าเป็นถึงเจ้าชายแล้วหม่อมฉันจะไม่กล้าไล่พระองค์ออกไปจากห้องนะเพคะ”
“หึ หึ ผมสืบมาหมดแล้วว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม่ที่ดีได้” โอมาร์หัวเราะในลำคอแต่น้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยแววแห่งความเยาะเย้ยและตำหนิ
“ถึงหม่อมฉันจะเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ หม่อมฉันก็รักเบนสุดหัวใจและจะเลี้ยงเขาด้วยมือทั้งสองข้างของหม่อมฉัน ไม่จำเป็นต้องยกให้ใคร” หญิงสาวเสียงแข็งขึ้น แต่การปะทะคารมก็จบลงเมื่อหมอและพยาบาลพาเด็กน้อยมาส่งคืนให้กับเพียงฟ้า
“กระหม่อมขอเวลา 2 วันพระเจ้าค่ะ” คุณหมอโค้งต่ำให้ชายหนุ่ม โอมาร์พยักหน้ารับแล้วหันมาทางหญิงสาว “เอาเถอะ รอผลพิสูจน์ก่อน ถ้าเด็กคนนี้เป็นหลานชายของผมจริงๆ ผมจะกลับมาอีกครั้ง แต่ผมจะส่งพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยคุณเลี้ยงเด็กคนนี้ แล้วก็ป้องกันคุณพาเด็กหนีด้วย”
“ไม่จำเป็น” เธอเชิดหน้าขึ้น เซลิมรีบพาหมอและพยาบาลถอยออกไปจากห้องนั้นทันทีเมื่อคิดว่าคงมีการปะทะคารมกันเกิดขึ้นอีก
“จำเป็นและจำเป็นมากด้วย ผมไม่ต้องการให้คุณพาใครเข้ามาที่ห้องนี้ ผมไม่ต้องการให้เด็กคนนี้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสม” โอมาร์หันมามองหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพียงฟ้ากัดริมฝีปากแน่น..นี่เขาคิดว่าเธอมีอาชีพอย่างว่าหรือไง..อีตาเจ้าชายบ้า หญิงสาวลอบคิดในใจอย่างโมโห “ฉัน...” แต่พอหญิงสาวจะอ้าปากพูด เขาก็รีบพูดตัดบทขึ้นก่อน “ทำตามที่ผมบอก อย่างน้อยก็ก็จะได้พักผ่อนบ้าง อีก 2 วัน เจอกัน” พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปดื้อๆ ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวที่มองตามไปปริบๆ
“แอ...แอ...แอ้..” มือเล็กดึงเสื้อของเธอเข้ามากำเอาไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหญิงสาว เหมือนกับจะถามอะไรสักอย่าง เพียงฟ้าก้มลงมองหน้าหนูน้อยแล้วยิ้มกว้างให้ “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ เบนลีคนเก่ง น้าจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเราจากกันได้”
“แอ้..แอ่..แม่ม..แอ่ม” เด็กน้อยชูมือขึ้น หญิงสาวอมยิ้มและรู้ว่าเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนของเธอต้องการอะไร “หิวแล้วล่ะสิ เดี๋ยวเราไปทานข้าวกันนะจ๊ะ” เพียงฟ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเธอจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องหลานชายตัวน้อยให้อยู่กับเธอตลอดไป