บทที่ 8
12:00 น.
ร่างอวบอัดของหญิงวัยกลางคนของคุณสารภีเดินเข้ามาหาสองพ่อลูกที่ยังคุยงานกันอยู่ไม่เลิกที่ห้องรับแขก
“อ้าว นี่ยังคุยงานกันไม่เสร็จอีกเหรอคะสองคนพ่อลูก”
“จริง ๆ เรื่องสำคัญ ๆ ก็เรียบร้อยแล้วล่ะคุณ แต่ว่าที่ยังนั่งคุยกันอยู่เพราะคุยเรื่องรายละเอียดยิบย่อยที่ไม่ควรมองข้ามน่ะ” คุณโกเมศตอบภรรยา
คุณสารภีพยักหน้ารับคำของสามีก่อนจะหันไปพูดกับผู้เป็นลูกชาย “ตาสงไปพาเมียเรามาทานข้าวไป กำลังท้องกำลังไส้ต้องทานให้ตรงเวลา”
“ครับแม่” รับคำคนเป็นแม่เสร็จร่างสูงก็เดินไปยังห้องของเขาที่มีร่างของหญิงสาวนอนอยู่
เมื่อเดินมาถึงห้องดังกล่าวชายหนุ่มก็เปิดประตูเข้าไปก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงเบา ๆ สายตามองคนที่หลับตาพริ้มด้วยความอ่อนโยนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นสายตาที่หญิงสาวไม่เคยเห็นมาก่อน
ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบไล้กรอบหน้าสวยช้า ๆ ก่อนจะหยิบปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าขึ้นทัดหูให้ จากนั้นก็ใช้มือลูบหัวของหญิงสาว เบา ๆ
รอยยิ้มบางปรากฏที่มุมปากหลังจากที่เขาได้นั่งมองหญิงสาวเงียบ ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของตัวเธอทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวต้องก้มตัวไปสูดดมความหอมจากแก้มของหญิงสาวเข้าปอด
“อื้อ!”
จันทร์ฉายครางประท้วงก่อนจะขยับหน้าหนีพร้อมทั้งมุ่นคิ้วอย่างรำคาญจนคนที่กำลังก่อกวนร่างเล็กรู้สึกเอ็นดู
ฟอด!
“อย่าดื้อให้มาก พี่ไม่อยากรังแกเรา”
ชายหนุ่มพูดกับคนที่หลับเบา ๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีอาการคล้ายคนจะตื่นแล้วเขาก็ลุกขึ้นออกจากเตียงก่อนจะทำทีเป็นปลุกเธอ
“ฉายครับ ตื่นได้แล้ว”
“...”
“ฉาย ฉายตื่น”
เสียงทุ้มที่ดังรบกวนอยู่ข้างหู ทำเอาคนโดนรบกวนเวลานอนรู้สึกไม่พอใจ คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันแน่นก่อนจะรับรู้ได้ของการถูกเขย่าตัว
“ฉาย ฉายครับ ตื่นมาทานข้าว”
“อื้อ! พี่สง ?”
เมื่อลืมตาขึ้นหญิงสาวก็กะพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างภายในห้องก่อนจะเรียกชื่อเขาออกมาขณะเดียวกันคิ้วสวยก็ยังขมวดเข้าหากันอยู่มองคนที่ก้มหน้ามาหาตัวเองด้วยสายตาสงสัย
“ไม่ต้องสงสัย ไปครับ ไปทานข้าว”
“...” ทว่าหญิงสาวเหมือนยังเรียกสติของตัวเองมาไม่ครบถ้วน เธอทำเพียงมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น สมองพยายามประมวลคำพูดของเขา
“ถ้ายังไม่ลุกพี่จะอุ้มฉายแล้วเดินลงไปข้างล่างนะ”
หญิงสาวก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี คล้ายกับว่าพอเธอตื่นนอน สติสัมปชัญญะของเธอก็รวนไปหมด
“มะ ไม่ต้อง!” แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินตรงเข้ามาหาทำทีว่าจะอุ้มเธอขึ้นแนบอก หญิงสาวก็รีบเอ่ยห้ามทันที เธอเด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะยกมือลูบหน้าตัวเอง
“งั้นก็ตื่นสิ ไปล้างหน้าจะได้ไปทานข้าว”
“รู้แล้ว! ไม่ต้องย้ำ” พูดจบร่างบอบบางของเธอก็ลงจากเตียงตรงไปเข้าห้องน้ำ
ทิ้งให้สงกรานต์ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจกับอาการของเธอ มองตามร่างบางที่หายเข้าไปในห้องน้ำด้วยสายตาห่วงใย
“มาแล้วก็มานั่งสิมัวยืนกันทำไม”
เสียงของคุณสารภีทำเอาคนที่กำลังเหม่อมองอาหารบนโต๊ะอย่างจันทร์ฉายสะดุ้งหลุดจากภวังค์
“อะ เอ่อ ค่ะ”
หญิงสาวทรุดกายนั่งลงข้างสงกรานต์
จันทร์ฉายกวาดสายตาไปบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ กลิ่นหอม ๆ ของอาหารเรียกความหิวของหญิงสาวได้ดี
“ต้มจืดตำลึงเหมาะกับช่วงที่ท้องอ่อน ๆ แบบนี้ ผักใบเขียวมีประโยชน์ต่อเด็กที่อยู่ในท้องและมีประโยชน์ต่อคนเป็นแม่ กินเข้าไปเยอะ ๆ”
คนพูดคือคุณสารภี หญิงสาวมองตามมือของหญิงวัยกลางคนก่อนจะรู้สึกตกใจเมื่อมือนั้นตักอาหารมาใส่จานข้างของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวบอก
“ฉันเป็นห่วงหลานหรอกเลยทำให้” คุณสารภีพูด จันทร์ฉายจึงทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้ท่านเท่านั้น จากนั้นมื้ออาหารกลางวันของคนทั้งสี่ก็ผ่านไปด้วยความเรียบง่าย
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วจันทร์ฉายจึงมานั่งย่อยบริเวณสวนหลังบ้าน เธอรู้สึกชอบบรรยากาศตรงบริเวณนี้ที่สุด เพราะรู้สึกว่าได้สัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศคล้ายกับบ้านของเธอที่ต่างจังหวัด หญิงสาวยิ้มพร้อมกับมองไปยังสวนผักของบ้านสงกรานต์ด้วยความสบายใจ
ครั้งแรกที่คุณสารภีบอกให้เธอมาเดินย่อยบริเวณหลังบ้านโดยให้สงกรานต์พามาเธอก็รู้สึกว่าไม่อยากมาเท่าไหร่ ทว่าเมื่อมาเห็นแล้วหญิงสาวกลับรู้สึกถูกใจ เธอรู้สึกชื่นชอบบริเวณนี้มากกว่าศาลารับลมหน้าบ้านเสียอีก
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ภายในศาลาเล็ก ๆ ไว้สำหรับหลบแดดอย่างสดชื่น จันทร์ฉายรู้สึกทึ่งในการบริหารจัดการพื้นที่ในบ้านของชายหนุ่มไม่น้อย
แน่ล่ะ อย่างน้อยเธอก็ไม่คิดว่าที่บ้านของเขาจะปลูกผักไว้ทานเองแบบนี้ ไหนจะการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ตรงมุมนั้นอีก ถึงเธอจะไม่ได้เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แต่จากที่มองระยะไกลเธอก็รู้ได้ว่าผลผลิตที่ได้สวยมากแน่ ๆ
“ชอบที่นี่เหรอครับ”
“ค่ะ”
“คุณแม่พี่ท่านชอบปลูกผักไว้ทานเอง ท่านบอกว่าจะไปซื้อตลาดก็ไม่แน่ใจว่าเขาใช้สารเคมีมากน้อยแค่ไหน การได้ปลูกทานเองเราก็มั่นใจมากกว่าว่าเราจะปลอดภัย ถึงจะไม่ได้ปลูกทุกอย่างและมีซื้อที่ตลาดบ้างบางชนิดแต่ก็ยังดีที่เราสามารถลดความเสี่ยงได้บ้าง”
“...”
“เมื่อก่อนพี่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับคุณแม่เท่าไหร่หรอก เพราะพี่คิดว่าจะทำให้มันยุ่งยากและเหนื่อยทำไม แค่จ่ายเงินซื้อทานก็จบแล้ว หากอยากเลี่ยงสารเคมีจริง ๆ เราก็อุดหนุนเกษตรกรหรือร้านค้าที่ขายผักปลอดสารพิษก็ได้ แต่พอมาวันนี้พี่กลับรู้สึกเห็นด้วยกับความคิดและสิ่งที่คุณแม่พี่ทำที่สุด ฉายรู้ไหมครับว่าทำไม”
หญิงสาวเลิกคิ้วก่อนจะถามออกไปว่า “ทำไมคะ ?”
ชายหนุ่มยกยิ้มบางสายตาหลุบต่ำมองหน้าท้องแบนราบของหญิงสาวแล้วพูดออกมาว่า “เพราะมันจะดีต่อลูกของเราที่อยู่ในท้องฉายไงครับ”
“ลูกของเรา... งั้นเหรอคะ ?” หญิงสาวพูดเบาในขณะที่ชายหนุ่มกลับได้ยินชัดเจน
“ครับ ลูกของเรา ถ้าฉายได้ทานอาหารที่มีประโยชน์หลีกเลี่ยงสารเคมีรวมถึงได้ทานของบำรุงที่พี่และคุณแม่จะจัดหามาให้ หลังจากนี้พี่เชื่อเลยว่าฉายและลูกจะต้องแข็งแรงมากแน่ ๆ”
หญิงสาวไม่ตอบเธอเพียงใช้สายตามองออกไปไกลเท่านั้น
“ฉาย... เรื่องที่ฉายพูดเมื่อตอนอยู่ในห้องที่บอกว่าเราจะทำหน้าที่ของพ่อและแม่เท่านั้นอะ”
“...” หญิงสาวใช้สายตาให้เขาพูดต่อ
“พี่ไม่ยอมหรอกนะ ยังไงซะทั้งฉายและลูกก็ต้องเป็นของพี่คนเดียวตลอดไป ฉายเป็นแม่ของลูกพี่ ฉายก็ต้องเป็นเมียพี่ด้วย”
“นี่!”
“นั่นไงขิงยกจานผลไม้มาให้พอดี พี่ว่าฉายทานหน่อยนะ จะได้ดีต่อลูกในท้องด้วย”
สงกรานต์ไม่รอให้หญิงสาวพูดคัดค้านอะไรออกมา เจ้าตัวรีบเดินไปหยิบจานผลไม้จากขิงคนรับใช้ในบ้านที่ถือเดินเข้ามา มาไว้ในมือตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตรงมาหาหญิงสาวและหยิบผลไม้ชิ้นนั้นป้อนเข้าปากเธอทันที
จันทร์ฉายที่กำลังรู้สึกตกใจกับคำพูดของเขาจึงรับผลไม้ชิ้นนั้นเข้าปากอย่างว่าง่ายคิดว่าหลังจากทานหมดชิ้นเธอจะพูดเรื่องนี้กับเขาอีกครั้งว่ามันเป็นไปไม่ได้
ทว่าเมื่อชิ้นแรกที่ทานลงไปหมดลง หญิงสาวก็หยิบแอปเปิลที่เหลืออยู่ในจานทานหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อทานแอปเปิลที่อยู่ในจานหมดแล้วหญิงสาวก็ลืมเรื่องที่จะพูดกับเขาเสียสนิท และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่คิดที่จะรื้อฟื้นหรือทักท้วงอะไรอีก