บทที่ 6
“ชื่อฉายใช่ไหม”
“ค่ะ หนูชื่อจันทร์ฉาย เอ่อ... คุณท่านเรียกฉายก็ได้ค่ะ”
จันทร์ฉายตอบด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ยิ่งเมื่อเห็นสายตาราวกับแม่เสือของคุณแม่สงกรานต์มองมาหญิงสาวก็ยิ่งเกร็ง
“เรียกคุณพ่อเถอะไหน ๆ ก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“...”
หญิงสาวไม่ตอบทำเพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้คุณพ่อของสงกรานต์เท่านั้น
“คุณสา... คุณก็เลิกมองหนูฉายได้แล้ว ดูสินั่นนั่งตัวเกร็งแล้ว” คุณพ่อของชายหนุ่มหันมาพูดกับภรรยาตัวเอง
คุณสา หรือ สารภี คือชื่อของคุณแม่ของสงกรานต์ที่กำลังทำหน้าเหมือนแม่เสือจ้องมองหญิงสาวอยู่ตอนนี้
ส่วนคุณพ่อของสงกรานต์ท่านมีชื่อว่า โกเมศ หรือ เมศ ชายวัยกลางคนที่มีนิสัยใจดีและเข้าอกเข้าใจผู้เป็นลูกชายที่สุด
“หน้าตาสะสวยดูมีการศึกษาทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองท้อง”
จึก!
ประโยคคำถามเดียวของคุณแม่สงกรานต์กลับทำให้จันทร์ฉายรู้สึกหน้าชา เพียงคำถามเดียวกลับทำให้เธอรู้สึกจุกอก จะให้เธอบอกกับท่านได้อย่างไรว่าเธอไม่ได้ตั้งใจท้อง แต่ที่ท้องเพราะพลาด แล้วใครเขาจะไปเชื่อ
ดวงตาของจันทร์ฉายไหวระริก
“คุณแม่ครับ!”
สงกรานต์ปรามคุณแม่ตัวเองเสียงต่ำ พร้อมมองท่านด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก
“ที่ถามเพราะเห็นว่าหน้าตาดี อายุน่าจะยังน้อย มาท้องตอนนี้แล้วความฝันหรืออนาคตที่เธอใฝ่ฝันล่ะจะทำยังไง ไม่ได้ถามเพราะต้องการจะต่อว่าสักหน่อย เราก็ไม่ต้องมองแม่ด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะตาสง”
คุณสารภีพูดยาว ในส่วนแรกท่านต้องการพูดกับจันทร์ฉาย ส่วนประโยคหลังท่านต้องการพูดกับลูกชายตัวดี
จันทร์ฉายยิ้มบางแต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของคุณแม่สงกรานต์อยู่ดี หญิงสาวกำลังคิดถึงอนาคตของเธอ สิ่งที่เธอใฝ่ฝัน
จันทร์ฉายยอมรับว่าการที่เธอท้องมันทำให้ชีวิตเธอสะดุด อะไรหลาย ๆ อย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด แต่ว่าการที่เธอท้องก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำสิ่งที่คิดหรือความฝันของตัวเองให้เป็นจริงไม่ได้นี่
“เอาเถอะถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร”
“ฉายตอบได้ค่ะ”
“...” คุณสารภีไม่ได้พูดอะไร ท่านเพียงมองสบตากับหญิงสาวอย่างรอคอยเท่านั้น
“ฉายยอมรับนะคะว่าฉายท้องในขณะที่ตัวฉายยังไม่พร้อม รวมถึงการที่ฉายท้องทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตของฉายรวนไปหมด แต่ว่าถึงฉายจะท้องก็ไม่ได้หมายความว่าฉายจะทำสิ่งที่ฉายต้องการไม่ได้”
“เธอกำลังจะบอกว่าเธอจะทำสิ่งที่คิดและคาดหวังในระหว่างที่เธอท้อง”
“ใช่ค่ะ ถึงมันจะเหนื่อยหน่อยแต่ฉายก็จะทำมัน”
หญิงสาวตอบพร้อมแววตาสุกสกาวทำเอาคุณสารภีลอบพยักหน้าให้กับความคิดและคำพูดของเธอ
“แต่หนูฉายทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของตาสงไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ คือเรื่องนั้น... ฉายเขียนจดหมายลาออกเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอพูดพร้อมกับปรายสายตามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อย
“ว่าไงนะ! เขียนเมื่อไหร่ ตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้”
สงกรานต์ที่เพิ่งรู้ว่าคนตัวเล็กเขียนจดหมายลาออกก็โวยวายเสียงดังพร้อมทั้งหันไปมองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“หมายความว่ายังไงที่ลาออก” ครั้งนี้เป็นคุณสารภีที่ถาม
ตอนแรกจันทร์ฉายไม่คิดจะตอบคำถามของสงกรานต์ ทว่าเมื่อคุณแม่ของเขาถามขึ้นทั้งยังมีสายตามองมาด้วยความอบอุ่นแต่ว่ากดดันของคุณโกเมศพ่อของชายหนุ่มแล้วล่ะก็ เธอจะไม่พูดก็คงไม่ได้
“ว่าไงฉาย!”
สงกรานต์ถามย้ำ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะพูดมันออกมา
“ฉายลาออกตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองตั้งท้องค่ะ แต่จดหมายน่าจะยังไปไม่ถึงพี่สง เพราะฉายบอกพี่มดที่เป็นเลขาของพี่สงว่าให้ยื่นจดหมายลาออกของฉายนี้เมื่อตอนที่ฉายกลับต่างจังหวัดแล้ว”
เธอตอบสงกรานต์ ก่อนจะหันไปมองผู้ใหญ่ทั้งสองท่านแล้วพูดต่อว่า
“ที่ฉายลาออกเพราะฉายต้องการกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับตายายที่ต่างจังหวัดค่ะ และทำสิ่งที่ฉายอยากทำหรือความฝันของฉายเล็ก ๆ ที่นั่น กับครอบครัวที่ฉายเหลืออยู่ทั้งสองคนรวมถึงลูกของฉายที่กำลังจะเกิดมา” เธอพูดพร้อมกับก้มหน้ามองท้องของตัวเองที่ตอนนี้ยังแบนราบอยู่
“กลับต่างจังหวัดนี่คงไม่ได้คิดจะหอบเอาหลานของฉันกลับไปโดยไม่บอกไม่กล่าวตาสงหรอกนะ”
คุณสารภีพูดพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาไม่พอใจปนกับไม่ยินยอม
ได้ยังไงกัน นี่มันหลานคนแรกของท่านนะ หลานที่เกิดจากลูกชายของท่าน ไม่ใช่หลานที่เกิดจากเครือญาติหรือลูกพี่ลูกน้อง ถึงจะยังไม่แน่ชัดในสถานะความสัมพันธ์และความรู้สึกของทั้งสองคน แต่ท่านก็ไม่มีวันยอมให้เธอเอาหลานของท่านหนีหายไปแน่ ๆ
จันทร์ฉายยิ้มแห้งก่อนจะตอบออกมา ซึ่งคำตอบของเธอก็ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตกใจไปตาม ๆ กัน เพราะต่างก็ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดแบบนี้
“ค่ะ ฉายต้องการแบบนั้นจริง ๆ ฉายไม่ต้องการให้พี่สงมารับผิดชอบ ฉาย ไม่อยากให้ความผิดพลาดที่เกิดจากการดูแลตัวเองไม่ดีของฉายมาฉุดรั้งพี่สงไว้ ฉายอยากใช้ชีวิตในแบบของฉาย ที่สำคัญพี่สงไม่ได้รักฉาย ฉายเลยไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงหรือภาระให้กับพี่สงค่ะ”
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะหนูฉาย ตาสงเป็นคนทำเราท้องตาสงก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องนี้หนูฉายค่อยคุยกับตาสงอีกครั้ง แต่พ่อยังยืนยันว่าพ่อไม่ยอมให้หนูฉายทำอย่างที่หนูฉายคิดแน่ ๆ”
“จะคุยไรกันอีกคุณ ไม่รู้ล่ะ นี่มันหลานคนแรกของฉัน ตาสงทำได้ก็ต้องรับผิดชอบได้อย่างที่คุณเมศบอก เธอจะมาพาหลานฉันหนีไปไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ยอม”
ทั้งคุณโกเมศและคุณสารภีต่างคัดค้านความคิดของจันทร์ฉายจนหญิงสาวหน้าเสีย ส่วนชายหนุ่มอย่างสงกรานต์ที่ตอนแรกหน้าตึงเพราะคำพูดของจันทร์ฉายก็หลุดยิ้มด้วยความสมใจกับคำพูดของผู้เป็นพ่อและแม่
“เพราะแบบนี้แหละครับผมถึงพาฉายมาที่นี่ เธอจะได้อยู่ในสายตาของคุณพ่อและคุณแม่รวมถึงแม่บ้านในระหว่างที่ผมไปทำงาน จะได้หนีกลับบ้านไม่ได้ และอีกข้อคือคุณแม่จะได้ดูแลและแนะนำฉายได้ถูกว่าอะไรควรทานไม่ควรทานรวมถึงข้อระวังต่าง ๆ”
สงกรานต์พูดในขณะที่จันทร์ฉายก็นั่งขบเม้มริมฝีปากแน่น มองเพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่า เจ้าตัวยังไม่คิดล้มเลิกความตั้งใจที่จะพาลูกไปจากเขา!
ใจของสงกรานต์อย่างสั่งสอนเธอใจจะขาดถ้าไม่ติดว่าท้องอ่อน ๆ อยู่ละก็
พ่อจะฟาดให้!
“ไม่รู้ล่ะ ก่อนหน้านี้เธอจะคิดยังไงฉันไม่รู้และไม่ว่า แต่ตอนนี้มาอยู่ที่นี่แล้วและฉันรับรู้แล้วว่าเธอท้อง เธอก็ต้องอยู่กับฉันที่นี่ ฉันไม่ยอมให้เธอพาหลานหนีฉันไปหรอกนะ ไปตาสงพาจันทร์ฉายขึ้นไปพักก่อน กำลังท้องกำลังไส้ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ”
“ครับคุณแม่”
สงกรานต์ตอบรับคำอย่างยินดี ก่อนที่จะประคองคนที่ดื้อเงียบอย่างจันทร์ฉายขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องนอนของตน