บทที่ 4 ห่วงใย
“เชิญครับคุณแนนนี่”
“เพราะแกคนเดียวที่ทำให้พอร์ชทิ้งฉัน”
“ถ้าคุณแนนนี่ไม่กลับก็ตามใจนี่ครับกระเป๋า”
“หยุดนะนายเปาแกเป็นแค่ลูกน้องของพอร์ชอย่าสะเออะมาตีเสมอฉัน คอยดูนะฉันจะให้พอร์ชไล่แกออก” นิวารินตวาดใส่คนยนิทของแฟนหนุ่มที่ไม่เคารพเธอทั้งที่เป็นแฟนของเจ้านาย
“งั้นเรียกแท็กซี่กลับเองนะครับ” ปรีชาไม่กลัวจะถูกไล่ออกเพราะเจ้านายของเขามีเหตุผล
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เปา ไปส่งฉันที่คอนโดด้วย” นิวารินกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถแล้วโยนกระเป๋าเดินทางใบเล็กใส่ปรีชาด้วยความโมโหและยังจิกเรียกปรีชาว่าไอ้
ปรีชามองนิวารินและมองคนขับรถก่อนจะปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งคู่กับสมิตคนขับรถที่สนิทกันดีเพราะทำงานร่วมกันเรียกว่าเป็นคู่หูของเขาก็ได้ถึงแม้สมิตแกจะไม่ได้จบปริญญาตรีแต่แกก็จบปวส.สายวิชาชีพช่างยนต์แล้วถูกเรียกตัวมาช่วยขับรถตั้งแต่พฤทธิ์กลับมาทำงานเพราะเจ้าสัวติรภพเห็นว่าหน่วยก้านดีจึงส่งไปเรียนการต่อสู้เบื้องต้นและยิงปืนเพื่อให้ช่วยดูแลหลานชายของท่าน
“ไหวมั้ยเปา หึหๆๆ..” สมิตถามคู่หูรุ่นน้องขำๆ
“ไหวไม่ไหวก็ต้องไหวมั้ยพี่เขียว ผมล่ะหนักใจแทนคุณพอร์ชจริงๆถ้าได้เป็นเจ้านายอีกคนผมคงตกงานแน่ครับ” ปรีชาตอบสมิตหรือพี่เขียวแล้วถอนหายใจ
“ทนมาได้ตั้งนานแล้วจะทนต่อไปอีกไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิจริงมั้ย” เขาก็ทนเหมือนกับปรีชาหากทำอะไรไม่พอใจนิวารินก็จะเหวี่ยงวีนใส่พวกเขาทันทีแต่ไม่ทำต่อหน้าเจ้านาย
“ครับพี่ ไปส่งเธอที่คอนโดนะครับ”
ฝ่ายพฤทธิ์ก็ตรงไปโรงพยาบาลทันทีพอถึงก็ขึ้นไปห้องพักของปู่ด้วยความเป็นห่วงเพราะท่านอายุแปดสิบกว่าแล้วยังแข็งแรง ส่วนย่าเสียไปเมื่อสิบปีก่อนจึงเหลือปู่คนเดียว
“ก๊อกๆๆ..”
“คุณพอร์ชมาได้ยังไงครับ” นายไสวถามหลานชายของเจ้านายที่ยืนตรงหน้าเพราะเจ้านายห้ามไม่ให้ใครบอกหลานชาย
“ผมบินมาครับ แล้วปู่เป็นยังไงบ้างครับลุงไหว”
“ดีขึ้นแล้วครับ ท่านเจ้าสัวความดันสูงทำให้หน้ามืดจะเป็นลมครับ”
“แล้วคนทำให้ปู่เป็นแบบนี้ไปหนแล้วครับ มาเยี่ยมปู่บ้างมั้ยครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยความไม่พอใจแล้วเดินเข้าไปในห้องพักของปู่ที่นอนพักผ่อนอยู่
“เสียงดังอะไรกันเจ้าพอร์ช” เจ้าสัวรนภพแกล้งว่าหลานชายก่อนที่จะถูกหลานชายบ่นตัวเอง
“ปู่ก็ดูแข็งแรงดีนี่ครับ รู้อย่างนี้ผมอยู่เที่ยวต่อดีกว่า” คนเป็นหลานพูดกวนปู่แต่สายตามองด้วยความรักและเป็นห่วงท่าน
“ก็ดีสิ เผื่อแกจะมีเหลนให้ปู่เลี้ยงสักคนหรือว่าไม่มีน้ำยาล่ะ” คนเป็นปู่ก็ปากดีไม่ยอมแพ้หลานชายที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกจึงรักเหมือนลูกมากกว่าหลานเพราะลูกชายกับลูกสะใภ้จากไปเพราะเครื่องบินตกก็ยิ่งทำให้ท่านรักหลานทั้งสองมากแต่ท่านไม่ได้ลำเอียงเพราะรักหลานเหมือนกันทุกคนแค่ไม่ได้ใกล้ชิดเหมือนพัชรวลัยกับพฤทธิ์เท่านั้น
“น้ำยาน่ะมีแต่ยังหาแม่ของลูกไม่ได้เลยปู่ เอาไว้ผมหาได้เมื่อไหร่ปู่ได้อุ้มเหลนแน่ครับ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ปู่อาจจะตายก่อนเห็นเหลนก็ได้”
“พี่พู่ไง อีกไม่กี่เดือนพี่พู่ก็แต่งงานแล้วครับ ดีไม่มีป่านนี้แอนดี้เสกเหลนปู่เข้าท้องพี่พู่แล้วก็ได้ครับ” พฤทธิ์พูดถึงพี่สาวกับพี่เขยที่ตอนนี้จดทะเบียนสมรสกันแล้วแต่อยู่ด้วยกันก่อนแต่งมานานแล้ว
“ไอ้เจ้านี่ พูดถึงพี่ถึงเชื้อให้มันดีไหน่อยสิใครมาได้ยินเข้าจะคิดยังไง” ถึงแม้หลานสาวจะอยู่ก่อนแต่งกับแฟนหนุ่มแต่แอนดี้ก็เข้าตามตรอกออกตามประตูให้พี่แม่มาสู่ขอนานแล้วแต่หลานสาวของท่านยังไม่อยากแต่งงานและเมื่อต้นปีก็พากันมาบอกท่านว่าพร้อมจะแต่งงานแล้วจึงหาฤกษ์งามยามดีให้และอีกสี่เดือนก็จะแต่งงานแล้ว
“ไม่มีใครว่าหรอกปู่ ว่าแต่คู่กรณีของปู่ไม่มาเยี่ยมเหรอครับ”
“ปู่ไม่ให้แม่พู่บอกใครน่ะ”
“ทำไมครับปู่ อาโมต้องการอะไรอีกทุกวันนี้ที่ได้ไปยังไม่พอใจอีกหรือไงกัน” พฤทธิ์พูดถึงอาสาวที่ถูกสามีจูงจมูกเพื่อตำแหน่งประธานบริษัทและก่อหวอดภายในบริษัทแต่เขาควบคุมได้จึงมาพาลกับปู่ว่ารักเขากับพี่สาวมีอะไรก็ยกให้ทั้งที่ตัวเองไม่มีความสามารถเองแต่อยากนั่งตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งประธานบริษัทเขาก็ได้มาเพราะความสามารถ ส่วนสามีและลูกทั้งสองของอาสาวทั้งสองคนก็ไม่เอาถ่านนอกจากรอกินเงินกงสี ต่างจากอาคนเล็กที่เป็นรองประธานฝ่ายบริหารและภรรยากับลูกทั้งสองก็ทำงานตามความสามารถไม่มีใครมีปัญหายกเว้นอาคนรองที่เรียกร้องไม่หยุด
“ก็เรื่องเดิมๆนั่นแหละ แต่คราวนี้มาขอให้ตาเก้าเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารฝายการตลาดแต่ไม่มีประสบการณ์ปู่กลัวมันจะมาป่วนงานในบริษัทมากกว่า” เจ้าสัวรนภพพูดถึงหลานชายอีกคนอย่างระอาเพราะทำอะไรก็ไม่สำเร็จและท่านก็ลงทุนให้ทำธุรกิจนับสิบก็ไม่ประสบความสำเร็จและจะมาขอทำงานในบริษัทในตำแหน่งใหญ่และสำคัญอีกท่านจึงไม่รับปากเพราะมันเป็นหน้าที่ของหลานชายทำให้ลูกสาวไม่พอใจโวยวายใส่ท่านจนความดันขึ้นทำให้ต้องมานอนโรงพยาบาล
“ถ้านายเก้าอยากทำงานก็ให้มันมาคุยกับผมดีกว่าครับ ทางบริษัทของเรามีแบบทดสอบให้พนักงานทำเพื่อเลือกตำแหน่งหน้าที่ให้อย่างเหมาะสมครับ” แต่สำหรับกวีเขาแน่ใจว่ามันไม่เหมาะกับงานในบริษัทเลย แต่ถนัดเรื่องดื่มกินเที่ยวเมาหัวราน้ำเท่านั้น
“ปู่บอกไปแล้วถึงได้เป็นแบบนี้ไง แกก็หาตำแหน่งลอยสักตำแหน่งให้มันหน่อยมันอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่เดี๋ยวปู่จัดการให้เองไม่งั้นมันก็ไม่จบสักที” เจ้าสัวพูดอย่างเหนื่อยใจเพราะลูกสาวคนรองขยันหาเรื่องปวดหัวมาให้ทานบ่อยๆ
“ครับปู่” แม้เขาใอยากทำแต่เพื่อความสบายใจของปู่จึงจำใจต้องทำและจะให้คนประกบตัวมันอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ก่อความวุ่นวายในบริษัท
“แล้วนี่แฟนแกไม่มาด้วยรึเจ้าพอร์ช”
“ไม่มาครับ”
“แล้วคนนี้คิดจริงจังถึงขั้นไหนล่ะ”
“ไม่รู้ครับ ก็ดูกันไปเรื่อยๆก่อนถ้าไปกันไม่ได้ก็แยกทางกันเดินเท่านั้นเองครับ”
“แกเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร แต่แฟนแกเป็นผู้หญิงเธอจะเสียหายได้และตระกูลของเธอก็กว้างขวางไม่น้อยเลยนะ
“ผมกับแนนตกลงคบหากันโดยไม่มีพันธะผูกพันกันและเราเป็นแค่แฟนกันยังไม่ได้เป็นคนรักกันครับ ส่วนความสัมพันธ์ไปไกลแค่ไหนผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ” เขาคิดว่าไม่สามารถไปต่อกับนิวารินได้เพราะสามเหตุจากเรื่องปู่เข้าโรงพยาบาลแล้เธอไม่เห็นความสำคัญทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“ถ้าไม่คิดจริงจังกับเขาก็อย่ายื้อไว้ให้เขาเสียเวลากับชีวิตที่เขาอาจจะเจอคนที่ดีกว่าเรา”
“ที่จริงผมคบใครก็คิดจริงจังนะครับปู่ แต่บางทีการกระทำของพวกเธอทำให้ผมรับไม่ได้อย่างแนนเขาเห็นเรื่องเที่ยวสำคัญกว่าทุกอย่างและผมไม่ต้องการผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยาและแม่ของลูก จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ยอมรับครับ” เขายอมรับว่าเห็นแก่ตัวเพราะคนที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทองแต่ขอแค่มีจิตใจดีรักครอบครัวและสามารถดูแลครอบคัวได้และเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ก็พอแล้ว
“เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเจ้าพอร์ช แต่เอาเถอะเรื่องคู่ครองของแกปู่จะไม่ยุ่งไม่ว่าแกจะรักใครชอบใครปู่ก็จะรักด้วย” เพื่อความสุขของลูกหลานท่านให้ตัเดสินใจเรื่องคู่ครองเองเหมือนหลานสาวคนโตที่ถึงเวลาพร้อมจะสร้างครอบครัวก็มาบอกท่านด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับปู่ แล้วนี่หมอจะให้ออกโรงบาลเมื่อไหร่ครับ”
“น่าจะพรุ่งนี้แหละ แกก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ที่นี่มีไสวดูแลปู่คนเดียวก็พอแล้ว”
“งั้นผมกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวผมจะกลับมานอนเป็นเพื่อนปู่นะครับ” พฤทธิ์บอกปู่ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปไม่ฟังท่านพูดอะไรแล้วไปคุยกับหมอเรื่องอาการของปู่และหมอก็ยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมากนอกจากความดันสูงเท่านั้น
“แกแน่ใจนะไอ้หมอ”