๔ นอกใจ (๑)
๔
นอกใจ
ผ่านไปกว่าสัปดาห์แล้วที่เรนิตาติดต่อแฟนหนุ่มไม่ได้ เขาไม่ค่อยรับโทรศัพท์มีบ้างที่ตอบข้อความ เหตุผลคือยุ่งกับงานซึ่งหล่อนก็พยายามเข้าใจ ไม่กวนหรือทักเวลาทำงานเพราะตนเองก็กำลังยุ่งกับละครที่เขียนบทเพิ่งเสร็จเช่นเดียวกัน
เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเพื่อพบจักษุแพทย์แล้วถามเกี่ยวกับการรักษาหรือใช้ชีวิตประจำวัน ในเมื่อให้ตัวเอกรับบทเป็นหมอตาจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดมากหน่อย ลองอ่านบทอีกครั้งเพื่อหาข้อบกพร่องหรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผล
ละครค่อนข้างแฟนตาซีเมื่อนางเอกหลุดเข้าไปในโลกคู่ขนาน พบว่าตนเองจากที่เคยร่ำรวย ไม่ต้องทำอะไรก็มีกินมีใช้ไปตลอดชาติ กลายเป็นหมอจักษุ เป็นคนจิตใจดีมีเมตตาทั้งที่ความจริงนั้นห่างไกลจากคำว่าใจดีเหลือเกิน นางเอกเป็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจตนเอง มีพ่อเป็นรัฐมนตรี แม่เป็นหม่อมหลวง ไม่เคยต้องทำงานบ้านเอง ถนัดชี้นิ้วสั่งพอมาอยู่ในโลกที่ต้องทำเองทุกอย่างก็ปรับตัวไม่ได้
พยายามทุกวิธีทางจะกลับไปโลกของตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจากแฟนเก่าในอีกโลก ที่พอมาอยู่ในโลกคู่ขนานเขากลับเป็นสามีของเธอ แทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะตัดสินใจคบกับคุณครูโรงเรียนรัฐบาลเงินเดือนไม่กี่หมื่นแทนที่จะเป็นนักธุรกิจรายได้ล้านบาทต่อเดือน
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดและหล่อนต้องอาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้ให้ได้
“ตอนถ่ายทำอย่าลืมให้หมอมาช่วยดูรายละเอียด” ประชุมครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อบทเสร็จเรียบร้อยแต่ก็ยังเหลืออีกหลายด่านให้ฝ่าฟัน ทั้งดูสถานที่ในการถ่ายทำ ติดต่อฝ่ายต่างๆ จัดแจงคิวนักแสดง และที่สำคัญคือหานางเอกที่เหมาะกับบทนี้
ทางบริษัทอยากปั้นนางเอกใหม่ซึ่งหล่อนพยายามค้านเนื่องจากบทละครเรื่องนี้คนที่เล่นต้องเข้าถึงอารมณ์ มีชั้นเชิงในการเล่นควรเลือกนางเอกที่ผ่านงานละครมามาก ทว่าทางผู้ใหญ่ก็ไม่ฟังยื่นความต้องการมาให้หล่อนต้องทำตามเท่านั้น
แล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ที่ฝีมือเข้าขั้น เชื่อว่าหากใครเล่นบทนี้จะต้องดังแน่นอน ในเมื่อบทส่งให้แสดงฝีมือขนาดนี้
“เราติดต่อทางโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ” ลูกน้องรายงานเธอจึงพยักหน้า เปิดดูรายละเอียดอื่นๆ ค่อยปิดประชุมอย่างรวดเร็ว วันนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ทุกคนจะได้กลับบ้านเร็วไม่ต้องอยู่ดึกหรือโต้รุ่งอีกแล้ว
ร่างบางเข้าไปเก็บของในห้องตนเอง พลางกดโทรออกหาคนรักจนในที่สุดเขาก็ยอมรับสายสักที เกือบจะตะคอกใส่แล้วหากไม่ระงับอารมณ์ไว้ได้ก่อน
‘ครับต้า’ เสียงทุ้มราบเรียบแต่หัวหล่อนกำลังร้อนด้วยความโมโห กำมือแน่นแล้วค่อยคลายออก
“พี่ทีมยุ่งมากเหรอคะ” ผ่อนลมหายใจเสียงเบาแล้วถามด้วยความอยากรู้
ก่อนหน้าที่จีบกันขยันไปรับไปส่งเหลือเกิน พอเป็นแฟนกลับหายหน้าหายตานึกว่าตายแล้วเสียอีก ถ้าคบกันนานกว่านี้หล่อนคงด่าให้หูชา
‘ใช่ครับ พี่บอกแล้วไงว่ามีโปรเจคใหญ่’ ใช่ว่าเรื่องนั้นหล่อนจะไม่รู้ พยายามเข้าใจเขาด้วยซ้ำแต่ก็ยังมีคำถามว่าไม่มีเวลาถึงขั้นโทรคุยสองหรือสามนาทีไม่ได้เลยหรืออย่างไร
“ค่ะ ต้าก็ลืมไปเลยว่าพี่มีโปรเจคใหญ่ ยุ่งมากจนรับสายแฟนไม่ได้ ขอโทษที่รบกวนเวลาแล้วกันนะคะ” ใส่อารมณ์เข้าไปเต็มที่ไม่กลัวแล้วว่าชายหนุ่มจะมองอย่างไรในเมื่อตอนนี้มันน้อยใจจนไม่สามารถระงับเอาไว้ได้จึงพูดประชด
‘ไม่งอนนะ ถ้างานเสร็จพี่จะไปรับไปส่งเหมือนเดิม’ ป้อนคำหวานที่ตอนนี้เรนิตาไม่มีอารมณ์จะฟังมันสักนิด อยากถอนหายใจใส่เขาแต่ยั้งตัวเองเอาไว้ได้
คำว่าเหมือนเดิมมันจะมีอยู่จริงใช่ไหม
“ค่ะ พี่ทีมไปทำงานเถอะ เดี๋ยวต้าก็จะรีบกลับบ้านแล้ว” ตัดสายทันทีให้เขารู้ว่าตอนนี้หล่อนโกรธมากเพียงใด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มาง้อเหมือนกัน
ถอนหายใจพลางคิดว่าอายุปูนนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ หากคุณย่ารู้คงโดนเอ็ดแน่
“เฮ้อ คิดถูกไหมเนี่ยที่เลือกคนนี้” ชีวิตรักของเธอดูไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไหร่ คบกับใครก็ไม่ค่อยยืนยาว มากสุดก็สามปีก่อนฝ่ายชายจะไปแต่งงานกับหญิงคนอื่นเพราะทำฝ่ายนั้นท้อง ช็อคกับเรื่องนี้จนเก็บเนื้อเก็บตัวหลายวัน เฝ้าถามว่าตนเองทำอะไรผิดถึงต้องเจอเรื่องเจ็บปวดแบบนี้ตลอดเวลา
พอนึกว่าจะเจอรักแท้ก็ได้กลิ่นแปลกๆ เสียแล้ว ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังจะนอกใจ
ซึ่งหล่อนภาวนาเหลือเกินไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะคราวนี้เธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายเดินจากไปเฉยๆ แน่ มันต้องตายกันไปข้าง!
อาหารเช้าถูกเสิร์ฟบนโต๊ะแสนหรู โดยคนทำคือชายหนุ่มเจ้าของห้องก่อนที่ร่างหนาจะถูกโอบกอดจากข้างหลัง พอหันมาก็พบใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ หล่อนไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางทว่ายังดูน่ารักสดใสจนต้องละจากอาหารมาหอมแก้มคนที่กกกอดทั้งคืน
เมื่อคืนเริ่มต้นด้วยการจุมพิตและจบลงบนเตียง ฝนหยุดไปนานแล้วแต่พวกเขาทั้งสองยังคงกอดรัดกันอยู่ราวไม่อยากแยกจาก สุดท้ายไม่ใช่เพียงรอบเดียวที่พิธานแสดงความรักต่อหญิงสาว พวกเขามีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันกว่าค่อนคืน
และชายหนุ่มก็แสนจะภูมิใจที่เป็นคนสอนบทเรียนรักครั้งแรกให้แก่เธอ...
“กลิ่นหอมมากเลยค่ะ” เงยหน้าขึ้นไปพูดกับเขาพลางโอบรอบเอวสอบ เบียดตัวเข้าหาร่างสูงเล็กน้อยอย่างเขินอาย เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้
เพิ่งมีแฟนมาคนเดียว ทั้งเขายังรักชอบเพศเดียวกันอีกจึงไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันเลยสักครั้ง
พิธานคือผู้ชายคนแรกที่ได้สัมผัสร่างกายทุกสัดส่วนของหล่อน และเพิ่งได้รับรู้ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน กลายเป็นว่ายึดติดไปเสียแล้ว
สถานะไม่ชัดเจนแต่กลับรุดหน้าไปไกลเกินกว่าจะเลี้ยวกลับได้แล้ว คงต้องเดินหน้าต่อ
“น่ากินมากใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวผมจะจัดใส่จานแล้วเสิร์ฟคุณผู้หญิงถึงที่เลยครับ” พาหล่อนไปนั่งยังเก้าอี้ก่อนจะเดินมาตักอาหารใส่จาน แล้ววางตรงหน้าร่างบางที่รออย่างใจจดใจจ่อ เธอไม่ได้กำลังฝันแต่มันคือความจริงที่เกินกว่าฝันเสียอีก
ใครจะคาดคิดว่าหนุ่มนักบริหารผู้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวอื่นๆ จะมาอยู่ตรงหน้า พอได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของอีกฝ่ายมาบ้างแต่คิดว่าตนเองเอาอยู่ จะทำให้หลงจนไปไหนไม่ได้เลยคอยดูสิ
เสียงโทรศัพท์ของกิรนันท์ดังขึ้นจึงต้องผละไปรับ มีสายตาคมมองตามแล้วหันมาสนใจอาหารเหมือนเดิม หล่อนเห็นชื่อเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยโชว์ขึ้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อยกดเลื่อนรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“ว่าไงอ้อม” ติดต่อกันบ้างเป็นบางครั้ง ตอนที่เข้าบริษัทโฆษณาก็ได้เพื่อนคนนี้คอยเป็นธุระจัดการทุกสิ่งอย่างให้
‘พรุ่งนี้ว่างไหม จะนัดมาเจอกันสักหน่อย’ เงียบไปสักครู่
พรุ่งนี้ไม่มีงานที่ไหนนอกจากนัดกับพิธานเอาไว้เรื่องประชาสัมพันธ์สินค้าตัวใหม่ แต่ก็เป็นช่วงค่ำไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ว่างทั้งวันยกเว้นตอนค่ำ”
‘ดีจังเลย จะนัดมาพบปะสังสรรค์ที่ร้านเดิม เจอกันตอนบ่ายนะ ต้าก็ว่างแค่ช่วงบ่ายเหมือนกันไม่รู้จะไปไหน’
ได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นก็ชะงักทันที แล้วค่อยถามเสียงไม่มั่นคงทั้งในใจภาวนาให้อีกฝ่ายไม่มาร่วมด้วย เพราะมีหลายครั้งที่พวกเธอนัดกันกินข้าวแต่เรนิตาติดงานไม่เคยว่างเลย
“ต้าว่างเหรอ” อยากให้คำตอบเป็นอย่างที่ใจคิด แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่
‘ว่าง เห็นบอกว่าอยากเจอเพื่อนพอดี ยังไงพรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะ’ อีกฝ่ายวางสายไปแล้วแต่หล่อนยังคงถือโทรศัพท์ค้างอย่างใช้ความคิด
อยู่ดีๆ ก็กลัวขึ้นมาจับหัวใจ ถึงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ในความสัมพันธ์ของพิธานกับเรนิตาว่าเป็นมากกว่าคนรู้จักหรือเปล่า เธอเองไม่กล้าถามชายหนุ่มเพราะกลัวคำตอบจะสร้างความเจ็บช้ำให้แก่ตนเอง จึงเลือกที่จะอยู่ในโลกที่แสนสุข
มีเพียงเธอและเขาสองคน
“มากินข้าวได้แล้วครับคนสวย” เสียงเรียกจากห้องอาหารปลุกร่างบางให้ตื่นจากภวังค์ หมุนตัวกลับไปหาชายหนุ่มทันที ลืมเรื่องทุกอย่างทิ้งมันไว้ข้างหลัง ให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน ส่วนตอนนี้ต้องตักตวงความสุขไว้เยอะๆ
“เป็นไง น่ากินไหม อืม...ว่าแต่ต้องถามก่อนอยากกินข้าวเช้า หรืออยากกินพี่” สรรพนามชวนเขินเรียกสีเลือดให้ไหลมารวมกันที่แก้มนุ่มเป็นอย่างดี
หล่อนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบทีเล่นทีจริง “ถ้ากินพี่ล่ะคะ” ดวงตาคมมีแววกรุ่มกริ่ม
“ก็จะโทรลางานแล้วอยู่ให้กี้กินทั้งวันเลยไงครับ จะกินจริงหรือเปล่า หรือแค่หยอกให้อยาก” โน้มใบหน้าลงไปใกล้ร่างบาง พลางจ้องเข้าไปในตากลมโตที่น่าหลงใหล
เหมือนเขาติดอยู่ในวังวนเสน่หาที่ยากจะหาทางออกเจอ
“กินข้าวดีกว่าค่ะ กินคุณแล้วไม่อิ่ม”
“หือ ใครว่าไม่อิ่ม ลองกินแล้วหรือยัง” ว่าจบก็จับร่างบางลุกขึ้นแล้วนั่งแทนที่หล่อน ค่อยคว้าเอวเล็กให้ลงมานั่งตักก่อนจะกอดเอวหล่อนให้แน่น
“คุณทีม ทำอะไรคะ” ตกใจจนหน้าเหวอ หันไปถามเขาเสียงไม่จริงจังนัก
“ก็อยากมีคนนั่งตัก ไม่ได้เหรอครับ” อ้อนเสียงหวานทำราวเป็นหนุ่มเพิ่งหัดรัก
เกยคางไว้บนไหล่เล็ก เล่นเอาคนไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยท่าทางแบบนี้ต้องเม้มปากแน่น ทำไมพิธานทำอะไรก็ดีไปหมดแบบนี้นะ หล่อนหลงเขาเสียแล้ว
หลงจนยอมมอบความสาวให้แก่ชายหนุ่ม..
“กินข้าวเถอะค่ะ” หาเรื่องตัดบท กลัวว่าตัวเองจะละลายกลายเป็นน้ำไปตรงนี้หากทนฟังคำหวานที่อีกฝ่ายป้อนไม่หยุด
“แล้วผมจะกินยังไง”
“เดี๋ยวป้อนนะคะ” แล้วห้องอาหารก็เต็มไปด้วยความหวานของคนทั้งคู่ พิธานหลงลืมไปเสียสนิทว่าตนเองไม่ใช่คนโสด ขณะที่กิรนันท์เองก็ไม่ยอมรับรู้ว่าชายหนุ่มเป็นของใครหรือเปล่า ในเมื่อตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ต่างมีความสุข
ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ…