๔ นอกใจ (๒)
เรนิตารีบเคลียร์งานในส่วนของตัวเอง ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาถึงได้รีบหยิบกุญแจรถยนต์เดินไปยังโรงรถของบริษัท เธอขับออกไปตามที่นัดหมายเพื่อนไว้ เบี้ยวมาหลายครั้งแล้วเนื่องจากติดงาน ทว่าวันนี้พอจะปลีกตัวได้จึงคิดมาสังสรรค์กับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย
ช่วงนั้นปณาลีและนีรนาราไปเรียนต่อต่างประเทศ มีเพียงหล่อนที่อยู่ไทยและเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาลคนเดียวถึงได้มีเพื่อนอีกกลุ่ม รถติดจนต้องนั่งถอนหายใจหลายรอบ ส่งข้อความไปบอกคนที่รอว่าอาจจะช้าเล็กน้อย
พอไฟเขียวจึงรีบบึ่งไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งมาจอดยังชั้นวีไอพีของห้างชื่อดังแห่งหนึ่ง ล็อครถเรียบร้อยค่อยสะพายกระเป๋าหนังจระเข้ราคากว่าแปดแสนบาท ชอบที่ความทนทานและสามารถใช้ได้กับทุกชุด ทั้งยังดูภูมิฐานอีกด้วย
เดินเข้าไปภายในร้านด้วยใบหน้าเรียบสนิทเป็นปกติ และทุกคนก็ชินเสียแล้ว เห็นเพื่อนนั่งพูดคุยกันเฮฮาจึงเดินเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่าง
“อ้าวต้า กำลังพูดถึงพอดีเลย” มองเพื่อนซึ่งนั่งตรงข้ามพลางยิ้มให้เล็กน้อย
“พูดว่าอะไรล่ะ” วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลง กวาดสายตามองเพื่อนแล้วมาหยุดยังคนที่นั่งเยื้องกันอย่างกิรนันท์
“ไม่เจอนานเลยนะกี้” ทักขึ้นก่อนเพราะไม่ค่อยเห็นหน้าอีกฝ่าย พวกเธอมักจะนัดพบกันอยู่บ้างหากว่างและทุกครั้งก็ไม่เคยเห็นกิรนันท์ อาจเนื่องจากทำงานบริการผู้คนบนเครื่องบินจึงยากที่จะหาเวลามาพบปะ
“นั่นสิ แกไม่ค่อยมากินข้าวกับพวกฉันเลย” อีกคนสมทบทันที
“ตอนนี้ว่างแล้ว” ตอบเสียงเบาแล้วยกน้ำส้มขึ้นจิบ บริกรทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟเพราะได้สั่งไว้ก่อนหน้าที่เรนิตาจะมาถึง
“ทำงานเป็นครีเอทีฟอยู่บริษัทเดียวกับอ้อมใช่ไหม ดีจังเลย”
“ใช่ อยากลองทำงานใหม่ๆ ดูบ้างน่ะ” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร เสียงโทรศัพท์ของเพื่อนดังขึ้นทุกสายตาจึงจับจ้อง เป็นของสาวครีเอทีฟซึ่งค้อมศีรษะขอโทษแล้วค่อยลุกขึ้นไปรับสาย
“แกว่าใคร ฉันว่าแฟนแน่ๆ” ลับหลังร่างบางคนที่เหลือจึงถามไถ่กันทันทีด้วยแววตากรุ่มกริ่ม ยกเว้นเรนิตาที่ยังนิ่งเงียบ หล่อนไม่ต้องการรู้เท่าไหร่ ไม่ค่อยสนใจกับชีวิตของเพื่อนในกลุ่มที่ไม่สนิท
“ฉันก็ว่าแฟน วันก่อนฉันเห็นกี้ที่คอนโดด้วย น่าจะไปหาแฟนแหละ” ทุกคนฟันธงกระทั่งเจ้าของเรื่องกลับมาด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ
“ใครโทรมาน่ะ” กระเซ้าทันที
“แฟนหรือเปล่า” รีบถามทำเอาแก้มนวลขึ้นสีเข้มด้วยความเขินอาย ยังไม่ได้บอกใครถึงสถานะระหว่างกัน
“อ่ะ พูดเรื่องแฟน แกเป็นไงบ้างต้า เห็นว่าคบกับหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย อิจฉาจริง”
ยังไม่ทันที่กิรนันท์จะได้ตอบทุกคนก็หันเหไปสนใจสาวนักบริหารเสียก่อน หล่อนหั่นสเต็กแล้วเอาเข้าปากค่อยเคี้ยวอย่างละเลียดหลังจากนั้นจึงตอบพลางอมยิ้ม
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เรียบๆ ไม่หวือหวา” เพื่อนส่ายหน้าไม่เชื่อ ความสนใจถูกผละจากกิรนันท์เล่นเอาคนอยากอวดทำหน้านิ่ง
มันเป็นแบบนี้มาเสมอ เรนิตาคือจุดสนใจของกลุ่ม หากจะทำอะไรก็ต้องถามความคิดเห็นก่อน เอาใจใส่อีกฝ่ายเสมอทำราวกับเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างนั้นแหละ คิดแล้วก็ไม่ชอบใจจนต้องลงที่อาหาร
ทว่าต้องตาโตกับคำถามของเพื่อนในกลุ่มที่เอ่ยกับลูกสาวนักการทูต
“แกคบกับคุณพิธานทายาทของ PNP Corporation ใช่ไหม” สาวสวยผู้ได้รับสมยานามว่านางร้ายของรุ่นอมยิ้มเล็กน้อย ในขณะที่ครีเอทีฟสาวมือไม้อ่อนแรง ค่อยเงยหน้ามองเพื่อนแล้วรอลุ้นกับคำตอบ
ทั้งที่ก่อนหน้าก็สงสัยแต่พยายามไม่เชื่อ พิธานจะคบกับเรนิตาได้อย่างไรในเมื่อชายหนุ่มชอบเธอ เราผ่านค่ำคืนแสนหวานมาด้วยกัน ชายหนุ่มป้อนคำหวานและสนใจหล่อนตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้หรอก
มันไม่จริง...
“อือ กำลังคบกัน”
โกหก!
มือเรียวกำมีดแน่น จ้องไปยังคนที่ยิ้มหน้าบาน หากทำได้ก็อยากลุกขึ้นไปเขย่าไหล่แล้วถามว่ามันจริงเท็จแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำได้คือนั่งร่วมวงสนทนาที่สร้างความเจ็บปวดให้จนจบ แล้วค่อยแยกย้ายกันไปทำธุระของตนเอง
กิรนันท์เลือกไปคอนโดที่ตนเองเพิ่งจากมา พยายามโทรหาพิธานแต่สายไม่ว่าง หล่อนรอที่ล็อบบี้กระทั่งเห็นร่างสูงเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แต่พอเห็นหญิงสาวมีสีหน้าบึ้งตึงก็ค่อยปิดริมฝีปากลงรวดเร็ว
“เป็นอะไร โกรธใครมาเหรอ” จากที่ประชุมอยู่พอเห็นข้อความหล่อนก็รีบมาหาทันที ตอนนี้ร่างสูงค่อนข้างใส่ใจเธอจนหลงลืมแฟนสาวตัวจริง
“เราขึ้นไปคุยบนห้องเถอะค่ะ” มือหนาคว้ามือเล็กมาจับเอาไว้แล้วพากันขึ้นไปบนห้อง อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
มาถึงห้องสุดหรูเขาก็คว้าร่างบางมากอดเอาไว้ พร้อมกดจูบอย่างโหยหา ไม่รู้ทำไมถึงได้ติดสัมผัสของหล่อนนัก ขนาดทำงานยังคิดถึงใบหน้าหวานของกิรนันท์
เธอทำเสน่ห์ใส่เขาหรือเปล่านะ...
“อื้อ” มือเล็กพยายามยันแผงอกหนาเอาไว้ ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะจู่โจมเร็วขนาดนี้ แผ่นหลังบางติดผนังขณะที่มือเขาก็ป้วนเปี้ยนแถวทรวงอกไม่ห่าง ก่อนจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระชั่วครู่
“อย่าเพิ่งค่ะ เรายังไม่ได้คุยเรื่องสำคัญกันเลย” ว่าเสียงกระเส้า
ทำเอาเขาถอนหายใจแล้วอุ้มร่างบางขึ้นด้วยท่าเจ้าสาว พาไปยังห้องนอน ค่อยปล่อยหล่อนลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ขึ้นทาบทับพลางจับผมสลวยเล่น
“เรื่องอะไรเหรอ” จ้องดวงตาหวานแล้วก้มลงไปคลอเคลียแก้มนุ่ม
“คุณทีมมีแฟนแล้วใช่ไหมคะ” คำถามนั้นทำเอามือหนาหยุดชะงัก เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงขณะที่หล่อนก็หยัดการลุกนั่งเช่นเดียวกัน
อยู่ดีๆ ม่านหมอกสีทึบก็ลอยเต็มห้อง ใบหน้าคมฉายแววกังวลชัดเจน เขายังตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้ มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟน และดูเหมือนหัวใจมันจะมอบให้คนมาทีหลังด้วยสิ..
“กี้ไปฟังมาจากไหน”
“ต้าเป็นเพื่อนของกี้ค่ะ” ตอบตามความจริง
ทำเอาคนไม่รู้เรื่องราวเบิกตากว้างเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะจุดไต้ตำตอขนาดนี้ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ แล้วค่อยตอบตามความจริงไม่อยากจะโกหก แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าเธอจะจากเขาไป
“ใช่ ผมเป็นแฟนกับตาต้า” ฟังคำตอบที่สร้างความร้าวรานในหัวใจ หล่อนก้มมองมือของตนเองที่เริ่มสั่น ร่างกายชาดิกไม่คิดว่าจะต้องมาอยู่ในสถานะเป็นรองเช่นนี้
แถมผู้หญิงคนนั้นคือเรนิตาด้วย...คนที่เหนือกว่าหล่อนทุกอย่าง
“แต่เรากำลังจะเลิกกัน ผมจะบอกเลิกต้ามาคบกี้” หันไปบอกเธอแล้วคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้ จ้องใบหน้าหวานที่หมองเศร้า ยกมือข้างซ้ายขึ้นประคองหน้าหล่อนเอาไว้อย่างรักใคร่
“กี้รอก่อนได้ไหม แล้วผมจะทำให้กี้เป็นผู้หญิงคนเดียวของผม” อ้อนวอนเสียงหวาน ขณะที่คนฟังก็นิ่งคิดสักพัก
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเป็นเหมือนคนเดินตามหลังเรนิตามาตลอด คอยแอบชอบแฟนเพื่อนและสุดท้ายก็ได้แค่มองสองคนนั้นมีความสุขด้วยกัน ถูกเหยียบย่ำและมองด้วยแววตาหยามเหยียดในชาติตระกูลมากี่คราจำไม่เคยลืม
มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะก้าวขึ้นไปยังจุดเดียวกับเพื่อนในกลุ่ม
ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดอย่างที่สุด...
“ค่ะ กี้จะรอคุณทีม” เพียงเท่านั้นเขาก็กอดเธอเอาไว้แน่นด้วยความดีใจ โดยไม่เห็นว่าคนรักแสยะยิ้มสมใจแค่ไหน
อยากเห็นหน้าเรนิตาเหลือเกินว่าจะเป็นอย่างไรหากรู้ว่าแฟนคบกับหล่อน
“ฉันเดินคนเดียวได้ แกไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ทำงานไปเถอะ” ผู้บริหารสาวมาเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าหลังว่างจากการทำงาน โทรหาแฟนก็ไม่รับสาย เพื่อนสนิทอย่างปณาลีก็ถ่ายละคร ส่วนนีรนาราอยู่โรงพยาบาลยังไม่ฟื้น ไปหาทีไรก็เจอแต่หน้าปารัช ซึ่งหล่อนไม่ค่อยชอบชายหนุ่มสักเท่าไหร่
‘ไว้เจอกันครั้งหน้านะ’ วางสายพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพื่อนก็มีเยอะแต่ไม่ค่อยมีใครว่าง ที่น่าเจ็บใจคือมีแฟนก็เหมือนไม่มี
โทรหาทีไรก็บอกว่ายุ่งกับงาน เจอกันสัปดาห์ล่ะครั้งด้วยซ้ำ นี่คิดถูกหรือเปล่าที่เลือกคบพิธานเพราะแทบจะไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนรักของชายหนุ่มเลยด้วยซ้ำ
หอมไม่มี จูบไม่เคย อย่างมากก็แค่จับมือ นี่มันรักวัยมัธยมใสๆ อย่างนั้นเหรอ เธอต้องการความเผ็ดร้อนให้ชีวิตกลับได้ความจืดชืดมาแทน
“พี่ต้าสวัสดีค่ะ” เห็นนางเอกในสังกัดของตนเองเดินมากับหนุ่มหล่อก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้เล็กน้อย ฝ่ายหญิงคือนางร้ายหน้าใหม่ ถึงในละครจะทำเอาคนเกลียดแต่ชีวิตจริงนั้นเฮฮาและนิสัยดี มีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกันและเพศตรงข้าม
ตอนนี้กำลังคบหนุ่มนอกวงการที่หล่อกว่าพระเอกในช่องเสียอีก เห็นแล้วก็อิจฉาเด็กๆ ชะมัด มีแฟนมาเดินกับแฟน ส่วนเธอน่ะเหรอ มีแฟนมาเดินเที่ยวคนเดียว
“มาคนเดียวเหรอคะ” ถามพลางยิ้มกรุ่มกริ่มรู้ว่าเรนิตาคบกับหนุ่มรูปหล่อ
“เห็นใครมาด้วยไหมล่ะ” ตอบเสียงเรียบพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างเดียว เล่นเอาดาวร้ายวัยรุ่นยิ้มแล้วส่ายหน้า
“สงสัยมาคนเดียว ถ้ายังไงเดินเล่นตามสบายนะคะ” แล้วคู่รักก็เดินจากไป หลงเหลือไว้เพียงหล่อนที่ถอนหายใจแล้วค่อยเดินไปร้านน้ำหอม กะว่าจะซื้อมาสักขวดสองขวดเพราะที่ใช้ประจำหมดแล้ว
เธอชอบฉีดน้ำหอมหลายกลิ่นผสมกัน แล้วกลายเป็นกลิ่นที่แตกต่างและเหมาะกับตนเอง หลายคนมักจะถามว่าใช้กลิ่นไหนทำไมถึงเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้
ก้าวไปยังร้านที่หมายตาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นแฟนของตัวเองเดินควงผู้หญิงเข้าไปในนั้น หัวใจหล่นไปกองแทบเท้า มือไม้เหมือนจะอ่อนแรงชั่วขณะ ดวงตาเรียวจับจ้องคนทั้งสองไม่วางตาราวต้องการดูให้แน่ใจ
ผู้หญิงคนนั้น...กิรนันท์!
เจ็บใจมากกว่าเดิมเสียอีกเมื่อเห็นว่าคนที่มากับเขาคือเพื่อนในกลุ่มของตนเอง และฝ่ายนั้นก็รู้ว่าหล่อนกำลังคบกับพิธาน
ทำไมถึงยังมายุ่งกับผู้ชายของคนอื่นอีก!
เรนิตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรหาเขา ผู้ชายคนนั้นหยิบมาดูชื่อที่โทรเข้า พลางทำหน้ายุ่งยากค่อยเลี่ยงมารับสายอย่างเสียไม่ได้
“อยู่ไหนคะ” ถามเสียงเข้ม จ้องมองใบหน้าคมโดยที่เขาไม่เห็นเธอเนื่องจากหญิงสาวหลบมาอยู่ด้านหลังเสาขนาดใหญ่
‘ทำงานอยู่ครับ เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ’ คำตอบนั้นสร้างความปวดร้าวในทรวงอกจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ความรักครั้งใหม่ที่เธอคิดว่ามันจะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบไม่ใช่เสียแล้ว กลายเป็นหนามแหลมที่ทิ่มตำทุกย่างก้าว
“งานคงยุ่งมากใช่ไหมคะ” ข่มความโกรธเอาไว้ ทั้งที่อยากตะโกนใส่ชายหนุ่มเหลือเกินที่โกหกอย่างหน้าด้านๆ ขนาดนี้
‘ครับ ต้าเข้าใจพี่นะ’ ไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจเขาสักนิด
“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” หากพูดมากกว่านี้เธอคงตัดสินใจเข้าไปอาละวาดให้อับอายผู้คนเป็นแน่ เรนิตาจึงวางสายแล้วจ้องมองหญิงร้ายชายเลวทั้งสองเดินคล้องแขนไปด้วยกัน ใบหน้ายิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุขทำให้คนแอบมองจุกจนพูดไม่ออก
ความรักและซื่อสัตย์จากชายคนรักอยู่ที่ไหน
ทำไมถึงกล้าทำร้ายกันลงคอ หล่อนทำผิดอะไรนักหนาเขาถึงได้มีคนอื่น หรือเพราะโดนยั่วยุจากกิรนันท์
ไม่หรอก...ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง เพราะฉะนั้นจะโทษแค่หญิงหรือชายฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษทั้งสองคน และเธอเองก็ไม่ยอมให้ใครมาเห็นตนเป็นของตายเช่นกัน
ในเมื่อกล้าที่จะทรยศ แล้วจะได้เห็นว่านรกของจริงเป็นอย่างไร!