๒ ตกหลุมรัก (๒)
อาณาเขตบ้านของหล่อนกว้างกว่าบ้านหลังอื่นเนื่องจากซื้อพื้นที่เท่ากับบ้านสองหลังแล้วทุบรั้วรวมเป็นหลังเดียว ก่อนที่คุณย่าจะสร้างเรือนไม้ปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียวโดยมีแม่บ้านสองถึงสามคนคอยปรนนิบัติ เสียงจิ้งหรีดดังขึ้นยามค่ำคืนซึ่งเรนิตาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ต้นไม้ปกคลุมไปทั่วบริเวณทั้งหอมกลิ่นดอกแก้วเป็นดอกไม้ที่เจ้าของบ้านชอบยิ่งนัก
พาคุณย่าขึ้นไปนอนบนห้องก่อนกลับมาบ้านหลังใหญ่ จัดการปิดประตูไม่ได้รบกวนแม่บ้านที่พักผ่อนแล้ว เดินขึ้นบนชั้นสองฝั่งด้านซ้ายที่ตนเองอาศัย บ้านหลังใหญ่ค่อยข้างเงียบเหงาเมื่ออยู่คนเดียว แต่มันก็เป็นอย่างนี้มานานจนเริ่มชินเสียแล้ว
ห้องนอนขนาดใหญ่มีเตียงกว้างสี่เสาตั้งไว้ตรงกลาง ตรงข้ามกันเป็นห้องแต่งตัวบิวท์อินด์ขนาดใหญ่สำหรับใส่เสื้อผ้า กระเป๋าและเครื่องประดับต่างๆ พร้อมทั้งเชื่อมกับห้องน้ำส่วนตัวที่ติดจอโทรทัศน์สำหรับติดตามข่าวสารหรือไว้เปิดฟังเพลง
ร่างบางเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมอาบน้ำชำระร่างกาย แต่งกายเสร็จเรียบร้อยถึงได้ทาครีมบำรุงใบหน้า เดินออกมากลางห้องตรงไปปิดม่านที่ระเบียงซึ่งสามารถมองเห็นบ้านหลังข้างๆ ได้ชัดเจน มือเล็กชะงักไปชั่วครู่ก่อนรูดม่านเพื่อปิดการมองเห็นทันที
ทำไมต้องอยู่ห้องตรงข้ามกันด้วยก็ไม่รู้ เห็นทีไรก็พาลนึกถึงอดีตจนหงุดหงิดตัวเองทุกที
ร่างบางรีบวิ่งลงจากรถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วพร้อมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา พยายามเร่งเท้าสุดชีวิตให้ทันเตรียมตัวเพื่อพรีเซ้นงานกับลูกค้า หลังลาออกจากอาชีพแอร์โฮสเตสก็ได้งานทำที่บริษัทครีเอทีฟอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ฝีมือที่ทำให้ถูกรับเข้าทำงาน แต่ยังมีเส้นสายเป็นเพื่อนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันช่วงมหาวิทยาลัยคอยช่วยเหลือ
ขอบคุณตัวเองที่ทนคบเพื่อนกลุ่มนี้มาได้นานจนเรียนจบ ทั้งที่เห็นถึงความต่างทางด้านฐานะ ช่วงนั้นหล่อนค่อนข้างลำบากเนื่องทางบ้านขัดสนการเงิน ต้องช่วยแม่ทำงานทั้งรับงานพิเศษมาทำเพื่อจ่ายค่าเทอมจนเรียนจบ
และเรื่องที่ทำให้เจ็บมากที่สุดคือการต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักคบกับเพื่อนในกลุ่มอย่างเรนิตา จำมาถึงทุกวันนี้ทำให้ไม่ค่อยสนิทใจกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ ดีที่ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะทำงานคนละสาย ทว่าเหมือนตอนนี้จะไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว กรอบการทำงานของหล่อนเริ่มคาบเกี่ยวกับเพื่อนมากขึ้นจนกลัวว่าจะได้เผชิญหน้ากันสักวัน
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” รีบเดินจนไปชนกับร่างสูงที่ออกมาพอดี หล่อนขอโทษทันทีแล้วรีบเก็บเอกสารให้อีกฝ่าย ในขณะที่ชายหนุ่มก็มีสีหน้าไม่ใคร่พอใจสักเท่าไหร่
ก่อนจะมองคนตัวเล็กกำลังลุกลี้ลุกลน พร้อมค้อมศีรษะหลายครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่ารู้สึกผิดมากแค่ไหน เธอไม่ได้มองใบหน้าของชายหนุ่มกลับรุดเข้าไปข้างในทันที กลัวว่าจะไม่ทันเสนองาน ปล่อยให้ร่างสูงมองตามหลังพลางอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความขบขัน
ห้องประชุมของคอนโดมิเนียมหรูถูกจับจองไว้ครึ่งวันโดยมีอาหารทยอยมาเสิร์ฟตามคำสั่งเจ้าของห้อง กิรนันท์ถอนหายใจเมื่อเห็นว่ามีเพื่อนร่วมงานกำลังเตรียมตัวสำหรับการนำเสนอ
“ลูกค้าล่ะ” เดินเข้าไปวางเอกสารบนโต๊ะกว้าง พลางถามคนที่อายุน้อยกว่าตนเองแต่ประสบการณ์ด้านนี้มีมากกว่า
“ออกไปทำธุระน่ะพี่ อีกสักพักคงเข้ามา” ได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยผ่อนลมหายใจโล่งอก เหลือบมองห้องขนาดใหญ่ด้วยความทึ่งกับการออกแบบ
โต๊ะยาวสำหรับประชุมวางไว้กลางห้อง มีจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับการนำเสนอ รอบข้างเป็นโซฟานุ่มสำหรับนั่งพักผ่อน ที่พิเศษสุดๆ คืออาหารที่เรียงรายจนละลานตายิ่งนัก ลอบกลืนน้ำลายด้วยความหิวเพราะยังไม่ได้รับประทานอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว
ลูกค้ารายนี้คงรวยน่าดู...
แอบอิจฉาคนฐานะร่ำรวยที่มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ หล่อนพยายามจะดันตัวเองให้เทียบเท่าคนเหล่านั้น แต่มันช่างยากเหลือเกิน อุปสรรคมีมากจนเริ่มจะถอดใจแล้วดำเนินชีวิตไปตามทางของตนเอง
พวกเขาเตรียมงานเสร็จพอดีกับที่ลูกค้าเดินเข้ามาในห้องขนาดใหญ่ ทุกคนลุกขึ้นกล่าวทักทายชายหนุ่มอีกครั้งเนื่องจากเคยเจอมาแล้ว ยกเว้นแต่กิรนันท์ที่พบเขาเป็นหนแรก ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าคมสัน
หล่อจนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนกับว่ามันจะหลุดออกมานอกอกให้ได้
ยิ่งยามดวงตาคมหันมามองพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้ก็เหมือนว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว พบเจอคนหน้าตาดีมาก็มากแต่กับผู้ชายคนนี้ต่างออกไป ใจมันร่ำร้องว่าอยากได้เสียเหลือเกิน ทั้งยังคุ้นหน้าจนนั่งนึกว่าเคยเห็นที่ไหน
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ ตามสบายเลย” ชายหนุ่มนั่งประจำที่หัวโต๊ะพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มแสนอ่อนโยน ทำเอาหัวใจสาวหลายคนละลายไปตามกัน
พิธานเป็นหนุ่มธุรกิจหน้าตาดีที่ถูกทาบทามให้ไปเล่นละครหลายครั้ง แต่งานด้านบริหารก็หนักจนไม่สามารถปลีกตัวไปได้ อีกทั้งไม่ชอบอยู่ท่ามกลางสปอร์ตไลท์เท่าไหร่ ถึงมารดาจะสนับสนุนมากแค่ไหนก็ต้องขอปฏิเสธทุกครา
การนำเสนองานเกี่ยวกับโฆษณาน้ำผลไม้เริ่มต้นขึ้น ทุกคนเริ่มเครียดเมื่อใบหน้าคมเคร่งขรึมต่างจากตอนเข้ามาลิบลับ เขาใช้มือลูบคางพลางจ้องไปยังโปรเจคเตอร์ตาไม่กระพริบ กิรนันท์แอบมองชายหนุ่มแล้วหันไปสนใจงาน พยายามไม่คิดว่าเคยเห็นหน้าชายผู้นี้ที่ไหน
“ผมชอบที่พวกคุณเสนอมานะ” หลังเสร็จสิ้นการนำเสนอกว่าสามสิบนาที ชายหนุ่มก็ได้พูดขึ้นบ้างและประโยคนั้นก็สร้างรอยยิ้มให้คนที่รอฟัง
กระทั่งมีประโยคต่อมา...
“แต่ว่ามันมีบางจุดที่ยังไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่” หลังจากนั้นก็พูดถึงส่วนที่ต้องกลับไปแก้ไข บรรยากาศตกอยู่ในความเครียดอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มกลายเป็นเคร่งขรึม ร่างบางจดถึงข้อผิดพลาดด้วยความเร็วกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น
หลายคนแอบถอนหายใจโล่งอกแล้วมองใบหน้าคมที่เริ่มแย้มยิ้มด้วยดวงตาพร่ามัว กว่าจะฝ่าฝันกับหลายบริษัทจนได้โปรเจคนี้มาครอบครองไม่ง่ายเลย นอกจากเม็ดเงินที่ได้จากงานแล้วยังหวังจะเห็นพิธานผู้เป็นที่กล่าวขานถึงความหล่อเหลาอีกด้วย
เท่านี้ก็ชื่นใจแล้ว
“อยู่กินข้าวเที่ยงก่อนนะครับ” ทุกคนขานรับด้วยความดีใจ ไม่ได้รีบกลับอยู่แล้วทั้งยังได้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับชายหนุ่มสุดหล่อต่างหาก
กิรนันท์เหลือบมองร่างสูงแล้วค่อยเก็บข้าวของตนเอง ปกติไม่เคยเป็นคนเริ่มความสัมพันธ์ก่อนแต่ดูเหมือนครั้งนี้อยากจะไปทำความรู้จักหนุ่มนักบริหารเสียเหลือเกิน ใบหน้าคมหล่อเหลาจนแทบละสายตาไม่ได้ กระทั่งถูกดวงตาเรียวหันมาจ้อง
หล่อนรีบแสร้งเป็นหยิบกระเป๋าตนเองแต่ความตื่นเต้นจึงทำมันตก เรียกรอยยิ้มเอ็นดูแก่ร่างสูงจนต้องเดินมาช่วยเก็บ
“คุณชอบทำของตกนะครับ” ว่าเสียงทุ้มช่วยหยิบข้าวของใส่กระเป๋าในขณะที่มือเล็กสั่นอย่างไม่อาจห้ามได้ อยู่ใกล้แล้วใจเต้นคร่อมจังหวะจนเกือบหยุดหายใจเสียแล้ว
และเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่เหตุการณ์หน้าคอนโดก็ผุดขึ้นในความทรงจำทันที หล่อนจำได้แล้วว่าเหตุใดจึงคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ คงเพราะเดินชนกันเป็นแน่
“ฉันชนคุณตรงหน้าคอนโดใช่ไหมคะ” เก็บของเสร็จเรียบร้อยจึงยืนขึ้น
จังหวะเดียวกับที่พิธานลุกเต็มความสูงและความต่างของช่วงตัวทำให้หล่อนต้องเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตส่งแววอ้อนยามถามจบ กลัวว่าชายหนุ่มจะโกรธแต่ดูจากรอยยิ้มแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
พิธานกลับเอ็นดูในความน่ารัก ทั้งยังหน้าตาสวยหวานจนเผลอมองบ่อยครั้ง และทำให้รู้ว่าหญิงสาวเองก็แอบมองเขาเช่นเดียวกัน หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่รอช้าที่จะสานสัมพันธ์ทว่าตอนนี้มีหญิงสาวอีกคนข้างกายแล้ว
“ครับ” ตอบรับพลางยกยิ้มมุมปาก
“ขอโทษนะคะ ฉันรีบจนไม่ได้ดูทาง” โค้งศีรษะให้พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจนคนฟังต้องส่ายหน้า
“ผมไม่ได้โกรธเลยครับ ไม่ต้องขอโทษหรอก” กิรนันท์พยักหน้าพลางเม้มปากแน่น ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้เมื่ออยู่ใกล้ชายมากด้วยเสน่ห์ผู้นี้ เขาเล่นมนต์กลใดใส่เธอ ทั้งที่เจอกันไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ
การรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันเป็นไปด้วยดี มีเสียงหัวเราะบ้างยามฟังเรื่องสนุกสนานจากพิธานที่ขยันเล่าเกี่ยวกับการอยู่ต่างประเทศ
เขาเรียนไฮสคูลที่อังกฤษก่อนจะบินไปต่อบริหารธุรกิจอยู่มหาวิทยาลัย อ๊อกซ์ฟอร์ดจนจบโท ทำงานที่นั่นอีกสองถึงสามปีค่อยกลับมาช่วยธุรกิจของบ้าน ทุกคนต่างทึ่งในความสมบูรณ์แบบของชายหนุ่ม พลางคิดในใจว่าอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นคนรักเหลือเกิน
กิรนันท์เองก็เช่นกัน ไม่รู้ว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างนี้จะมีแฟนแล้วหรือยัง สงสัยเสร็จจากงานต้องสืบเสียหน่อย
“กลับก่อนนะคะ” ทุกคนขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงพลางเอ่ยลาลูกค้ากิตติมศักดิ์ ร่างสูงยืนส่งครีเอทีฟแต่ละคนก่อนที่ดวงตาคมจะหยุดยังร่างบางซึ่งเดินรั้งท้าย เขาแอบอมยิ้มค่อยก้าวเข้าไปคว้าแขนเรียวไว้ก่อนจนคนไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งพลางหันมามองด้วยความตกใจ
“ขะ..คะ” ถามเสียงสั่นทั้งที่ชายหนุ่มยังไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ
“ลืมรูดซิปกระเป๋าครับ” บอกไม่พอยังเดินมารูดซิปให้อีกจนใบหน้าห่างกันไม่มาก
หล่อนขยับออกเล็กน้อยทั้งเม้มปากแน่นแทบจะหยุดหายใจด้วยซ้ำ ภาวนาให้เวลายาวนานกว่านี้อีกหน่อยกระทั่งร่างสูงผละห่างแล้วมอบยิ้มแสนหวานแก่คนตัวเล็ก
วินาทีนั้นกิรนันท์ประกาศกร้าวในใจตนเองทันที ไม่ว่าอย่างไรก็จะเอาพิธานมาเป็นแฟนให้ได้!
“เรียบร้อยแล้วครับ” ค้อมศีรษะเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณค่ะ” รีบเดินแกมวิ่งออกไปทันทีกลัวเขาจะเห็นใบหน้าแดงก่ำของตนเอง ขนาดไม่ส่องกระจกยังรู้ว่ามันจะต้องเป็นสีแดงเหมือนลูกมะเขือเทศแน่ ในเมื่อร้อนที่ใบหน้าราวเอาไฟมาสุมเช่นนี้
คนตัวสูงมองตามหญิงสาวพลางหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมจึงเอ็นดูหล่อนยิ่งนักจนลืมแม้กระทั่งเสียงเรียกเข้าที่สั่นอยู่ในตอนนี้...
เขาเมินโทรศัพท์จากแฟนสาวแล้วจ้องแผ่นหลังบางอย่างครุ่นคิด
หลายคนบอกว่าพิธานเจ้าชู้แต่เจ้าตัวไม่คิดอย่างนั้น เวลาคบใครก็คบทีละคนไม่ได้คบซ้อน แต่หากโสดก็มีคนคุยเยอะเพื่อเป็นตัวเลือกจะสานสัมพันธ์
ตอนนี้เลือกเรนิตาแล้วเพราะเห็นว่าหญิงสาวสวยถูกใจ ทั้งฐานะทางบ้านก็ทัดเทียมคงไม่มีปัญหากับมารดาของเขาที่ช่างเลือกลูกสะใภ้เสียเหลือเกิน หากไม่ได้หญิงถูกใจก็มีแผนจัดการจนสาวเหล่านั้นแตกกระเจิงไปตามกัน
แต่กิรนันท์ช่างถูกใจเขาเหลือเกิน หน้าตาอ่อนหวาน นิสัยดูจะเขินอายแม้เพียงสบสายตายังไม่กล้า เห็นแก้มนวลแดงปลั่งก็อยากรู้เหลือเกินว่ายามสูดดมกลิ่นจะหอมหรือไม่ คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพยายามย้ำเตือนตนเองไม่ให้คิดไกล
อย่างไรก็ไม่ใช่หนุ่มโสดแล้ว..
เขาต้องซื่อสัตย์กับเรนิตาเพียงคนเดียว