๒ ตกหลุมรัก (๑)
๒
ตกหลุมรัก
ความหวานของคู่รักคู่ใหม่ทำเอาคนทั้งบริษัทอิจฉาตาร้อน เรนิตาต้องอยู่ทำงานถึงดึกทุกวันเพราะกำลังมีแผนจะทำละครเรื่องใหม่ป้อนให้ช่องใหญ่ ตอนนี้ได้พระเอกแล้วเหลือก็แต่นางเอกที่ไม่ตรงตามคาแรคเตอร์ตัวละครสักที ไหนจะบทซึ่งเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกทำเอาคนเขียนกุมขมับไปตามกัน
บ้านสองชั้นถูกล้อมด้วยรั้วสูงที่มีไม้เลื้อยปกคลุม หน้าบ้านเป็นสวนหย่อมไว้ทำกิจกรรมหลากหลาย ส่วนหลังบ้านปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทำกิน บริษัทที่เปรียบเสมือนบ้านทำให้เหล่าพนักงานและนักแสดงสนิทสนมกัน
การย้ายออกจากตึกใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมาสร้างความเสียดายให้หลายคนเพราะไม่ได้อยู่ท่ามกลางห้างสรรพสินค้า ทว่าเมื่อได้สัมผัสความสงบและอบอุ่นเช่นนี้ก็เกิดความรู้สึกที่ต่างออกไป ทุกคนชอบที่จะอยู่บ้านมากกว่าบริษัทที่มีผู้คนขวักไขว่ ทำให้มีสมาธิในการทำงานจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้เป็นวัน
แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเป็นผลดีหรือเปล่า ในเมื่อยังจมกับงานจนขอบตาดำคล้ำไปหมด เวลานอนก็แทบไม่มีเพราะต้องเร่งทุกอย่างให้เสร็จทันกำหนดการ ไหนจะละครเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีนที่บริษัทใหญ่รับงานและโยนให้พวกเธออีก
“ไม่เห็นต้องซื้อมาเยอะเลย” ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกพร้อมกับสปอนเซอร์รายใหญ่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
...พิธานนั่นเอง
เรนิตาลุกจากเก้าอี้เดินไปหาแฟนหนุ่มที่ถือถุงอาหารเต็มสองมือ ทุกคนตามไปรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางหันมองนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง
“ก็อยู่กันเยอะ พี่กลัวไม่อิ่ม” เสียงทุ้มทอดหวานพลางมองใบหน้าสวยไม่ละสายตา
นักบริหารสาวอมยิ้มแล้วเสหลบแววตากรุ่มกริ่ม เปิดอาหารจีนที่มีทั้งเป็ดปักกิ่ง บะหมี่ฮ่องกง หมูหัน หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ติ่มซำ และข้าวสวยครบคน
พนักงานพากันเอ่ยขอบคุณเป็นทิวแถวแล้วผละไปจัดอาหารใส่จาน ปล่อยสองหนุ่มสาวเดินไปนั่งที่โซฟายาวตรงมุมห้อง
“ทำงานดึกมาหลายวันเหนื่อยไหม” เพียงมีคนถามหล่อนก็รีบพยักหน้าทันที พลางสอดกายโอบรอบเอวสอบเอาไว้หวังเติมพลังให้แก่ตนเอง และชายหนุ่มก็กอดตอบอย่างรวดเร็ว กดริมฝีปากจุมพิตกลางกระหม่อมสวย
“เหนื่อยมากเลยค่ะ แต่เห็นหน้าพี่ทีมก็หายเป็นปลิดทิ้ง” ปากหวานเอาใจคนหนุ่ม ใช้เวลาด้วยกันสักพักก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาในห้องถึงได้ผละห่าง เรนิตาแสนเสียดายอยากมีเวลากับอีกฝ่ายมากกว่านี้แต่ก็ต้องไปทำงานต่อ
ร่างสูงนั่งที่เดิมมองคนรักพูดเรื่องงานด้วยท่าทีมั่นใจก็นึกชื่นชม มุมปากยกยิ้มพลางวางสายตาไว้ที่ใบหน้าสวยด้วยความหลงใหล รสนิยมผู้หญิงของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพบหล่อน แต่ก่อนชอบคนสวยหวาน ท่าทีเรียบร้อย ทว่าคนนี้กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
เธอเป็นคนมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก กล้าพูดถึงความต้องการ ช่างออดอ้อนในบางครั้งทำเอาหลงได้ไม่ยาก พูดให้ถูกก็คือเขาหลงใหลในรูปกายภายนอกของหล่อนจนถอนตัวไม่ขึ้น
เสียงแจ้งเตือนดังจากโทรศัพท์จนต้องละสายตามาจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยม ช่วงนี้เขารับโปรเจคผลิตภัณฑ์น้ำหวานรสผลไม้ซึ่งกำลังจะตีตลาด ถือว่าเป็นครั้งแรกของบริษัทที่ผลิตน้ำหวานออกมาสู่ท้องตลาด ขั้นตอนการผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงการโปรโมท ซึ่งเพิ่งได้บริษัทมารับผิดชอบในเรื่องนี้
เขานัดคุยงานที่ห้องประชุมในคอนโดมิเนียมของตนเอง เมื่อก่อนอาศัยอยู่บ้านใหญ่กับครอบครัว ต่อมาพี่ชายแต่งงานจึงปลีกตัวออกมาอยู่เพียงลำพัง ซื้อเพนท์เฮาส์สุดหรูราคาร้อยล้าน โดยมีมารดาเป็นคนจัดการทุกอย่างให้แม้กระทั่งออกเงินครึ่งหนึ่ง ตามใจบุตรชายคนเล็กสุดๆ
มือหนาพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋ากางเกงเมื่อเห็นว่าคนรักเลิกงานแล้ว แต่พนักงานคนอื่นยังต้องอยู่ประชุมกันต่อพร้อมอาหารที่วางตรงหน้า สามารถหยิบกินได้ตลอดจนพากันเอ่ยว่าจะอยู่โต้รุ่ง
“กลับดีๆ นะคะ” โบกมือลาสองหนุ่มสาวพร้อมกับปิดประตูห้องทำงานแล้วเกิดเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ถึงความดีของฝ่ายชายที่ดูแลเอาใจใส่เจ้านายตนเองอย่างดี
เขาโอบเอวหล่อนเอาไว้แล้วเดินไปเปิดประตูให้ทำเอาคนไม่ค่อยโดนปฏิบัติเช่นนี้อมยิ้มมีความสุข ดูเหมือนเส้นทางรักจะปูไปด้วยกลีบกุหลาบ คงไม่มีหนามแหลมซ่อนเอาไว้หรอก
“ไม่เห็นต้องมาหาทุกวันเลย” เอ่ยขึ้นขณะอยู่บนรถเพียงสองคน กำลังเดินทางไปส่งร่างบางยังบ้านของอีกฝ่าย
“เดี๋ยวต่อไปพี่ก็ไม่ค่อยว่างแล้ว กลัวจะไม่เห็นหน้าต้า” ปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัยแล้วเอื้อมมาจับมือของหล่อนเอาไว้
“พี่ทีมจะมีโปรเจคใหม่เหรอคะ” เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องงานให้ฟังสักเท่าไหร่ เจอหน้ากันก็เพียงไปรับประทานอาหาร ไปรับส่งบ้านเท่านั้นเพราะช่วงนี้เรนิตาค่อนข้างยุ่ง
“ใช่ เป็นน้ำผลไม้” จบเท่านั้นไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
พิธานไม่ต่อความและหล่อนก็ไม่ละลาบละล้วงจะถามมากกว่านี้ บนรถตกอยู่ในความเงียบแต่ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เขายกมือบางขึ้นมาจุมพิตพลางฮัมเพลงมีความสุข
รถยนต์จอดหน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมกับหญิงสาวที่ยื่นหน้าไปจุมพิตแก้มสากค่อยผละออก มองใบหน้าคมที่ส่งยิ้มให้เช่นกันก็ไม่อยากห่างกันเลย
“ราตรีสวัสดิ์นะคะ” เขาพยักหน้าพร้อมลูบศีรษะมน
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันนะครับ” กว่าจะบอกลาและลงจากรถก็ใช้เวลาเกือบห้านาที หล่อนลงมายืนโบกมือให้คนรักเหมือนเดิมแล้วมองดูพาหนะเคลื่อนออกไปแล้วค่อยเดินเข้าบ้าน ยิ้มแย้มมีความสุขกับชีวิตรักที่สดใส
พิธานดูแลเธอเป็นอย่างดีถึงจะเพิ่งคบกันไม่นาน ทำให้จากที่เคยใช้ชีวิตเพียงลำพังกลับมามีคู่คิดคอยเป็นห่วงเป็นใย รู้สึกกระชุ่มกระชวยอีกครั้งจนใบหน้าอิ่มเอมถึงจะนอนไม่เพียงพอก็ตาม
ประตูหน้าบ้านยังเปิดกว้างพร้อมแสงไฟที่ส่องสว่างทั่วบ้าน บิดาของเธอเป็นท่านทูตที่ประเทศเดนมาร์ก สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงโคเปนเฮเกน มารดาจึงไปดูแลท่านปล่อยบุตรสาวเพียงคนเดียวอยู่กับคุณย่า
ทว่าคนสูงวัยกลับไม่ชอบบ้านหลังใหญ่จึงปลูกบ้านไม้สองชั้นไว้ที่หลังบ้านติดสระน้ำใหญ่ของหมู่บ้าน มีต้นไม้ล้อมรอบจนเหมือนกับอยู่ท่ามกลางป่าเขา ทุกเช้าหากไม่รีบไปทำงานเรนิตาก็มักจะเดินไปรับประทานอาหารเป็นเพื่อนท่านเสมอ
“ย่านึกว่าจะกลับพรุ่งนี้ซะอีก” เข้ามาถึงกลางห้องก็ถูกคนอายุมากกว่าทัก หล่อนหันไปตามเสียงเห็นคุณเฟื่องรัตน์ ทรัพย์มากอนันต์ ย่าผู้ตามใจหลานทุกอย่างนั่งอยู่โซฟาตัวใหญ่ รุดเข้าไปกอดทันทีด้วยความออดอ้อน
“งานหนักมากค่ะคุณย่า ต้าเลยต้องอยู่ดึกแต่รับรองว่ากลับมานอนบ้านทุกวันไม่เถลไถลแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” ยืดกายขึ้นตรงแล้วผละออกจากท่าน คนสูงวัยส่ายหน้าในความช่างเจรจาของหลานสาวสุดที่รัก
เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกอยากได้อะไรก็ประเคนให้ทุกอย่าง ยิ่งลูกชายเพียงคนเดียวอย่างคุณกรณ์ ทรัพย์มากอนันต์ ต้องไปทำงานไกลบ้านหน้าที่ดูแลหลานจึงเป็นของนาง ฟูมฟักมาอย่างดีจนเรนิตาได้ดังใจทุกอย่าง เสียแต่ไม่ได้รับราชการหรืองานที่มั่นคงมากกว่านี้
คุณเฟื่องรัตน์เคยรับราชการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ สามีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสียไปด้วยโรคชราเมื่อหลายปีก่อน ถึงนางจะเกษียณอายุราชการกลับมาอยู่บ้านแต่ก็มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่ขาดสายเพราะอำนาจในมือยังมีมากล้น ส่วนมากก็ใช้เส้นสายเอื้อผลประโยชน์ให้แก่พวกพ้องของตน
เรนิตาเห็นบ่อยจนตัดสินใจเบนเข็มชีวิตตนเองไปทำสายบันเทิงอย่างที่นึกชอบ ทุกคนในครอบครัวค้านหัวชนฝาด้วยรู้ดีว่าหากทำงานราชการจะสามารถไต่เต้าไปถึงจุดสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว อีกทั้งหล่อนเป็นคนฉลาดเกรดเฉลี่ยได้สี่จุดศูนย์ศูนย์ตลอดไม่เป็นห่วงเกี่ยวกับการสอบเข้ารับราชการสักนิด
แต่กลายเป็นว่าหลานสาวชอบงานวงการบันเทิง ถึงจะห้ามอย่างไรพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง คุณเฟื่องรัตน์จึงได้เปลี่ยนมาสนับสนุนแทนจนในที่สุดหล่อนก็กลายเป็นผู้บริหารอายุน้อยที่สุดได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ
“แล้วกินข้าวกินปลามาหรือยัง” ถามด้วยความเป็นห่วงทั้งที่ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว
คนมากด้วยวัยอดนอนเพื่อรอเจอหลานสาว ที่แม้จะอยู่รั้วบ้านเดียวกันกลับไม่เห็นหน้าค่าตาเพราะอีกฝ่ายไปทำงานแต่เช้ากลับก็ดึก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ไปกับใคร ไม่เห็นบอกย่าเลย” เริ่มจะเดาทางออกแล้วว่าท่านคงไปได้ยินอะไรมาเป็นแน่จึงนั่งรอจนถึงดึกดื่นขนาดนี้ทั้งที่ปกติคุณย่ามักจะนอนเร็ว
“มีใครมาฟ้องอะไรคุณย่าหรือเปล่าคะ” จ้องตาคนมากวัยพยายามค้นคว้าความจริงแต่ไม่นานคุณเฟื่องรัตน์ก็พูดเรื่องอื่น
“คุณมณีมาหาย่า ถามว่าช่วงนี้หลานสาวคบกับใครอยู่หรือเปล่า อยากติดต่อให้ลูกชายคนเล็ก” คุณมณีที่พูดถึงคือภรรยาของผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นางอยากให้ลูกได้เลื่อนขั้นในตำแหน่งการงานจึงขอให้คุณเฟื่องรัตน์ช่วยเหลือ
เรนิตาได้ยินก็ถอนหายใจ ไม่ค่อยชอบการจับคู่หรือดูตัวสักเท่าไหร่ คุณย่าก็รู้จึงไม่เคยพาหลานสาวไปโชว์ตัวที่ไหนและไม่ทาบทามหนุ่มคนใดให้เลย ถือคติปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ไม่ชอบที่จะไปบังคับหรือกะเกณฑ์ชีวิตใคร
“ไม่เอาหรอกค่ะ”
“แสดงว่ามีคนคุยแล้ว” คำถามต่อมาตรงเข้ากลางใจ หล่อนได้ฟังก็เผลอเม้มปากแน่น
ที่จริงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเพียงแต่การคบหาเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำจนกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเกิดเหตุผิดใจจนต้องเลิกราจะหน้าแตกเสียเปล่า
“ก็...”
“บอกย่าไม่ได้เหรอลูก” เห็นอาการคล้ายอึดอัดของหลานสาวจึงถามขึ้น ที่จริงตั้งแต่หลานมีแฟนก็ไม่เคยพามาทำความรู้จักสักครั้ง เห็นผ่านหน้าทางรูปภาพตลอด บางครั้งก็คุยทางโทรศัพท์บ้าง
“ต้ายังไม่แน่ใจเท่าไหร่ค่ะ ว่าเขาจะจริงจังเหมือนที่ต้าจริงจังกับเขาหรือเปล่า” ว่าแล้วก็ถอนหายใจจนคุณย่าสงสารหลานสาว โอบไหล่บางเข้าหาตนเอง
“หลานย่าดีขนาดนี้ ใครที่ไหนก็อยากได้ทั้งนั้น” ได้ยินคำชมก็อมยิ้มที่ท่านเข้าข้างเธอตลอด
หล่อนรักท่านมากกว่ารักบิดามารดาเสียอีก อาจเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ ต่างจากพ่อที่ไปประจำการอยู่ต่างประเทศตลอด
“แล้วคุณย่าทำไมยังไม่นอนคะ อย่าบอกว่ามารอถามเรื่องนี้กับต้านะ” คนฟังหัวเราะเสียงเบาแล้วปล่อยหลานสาวเป็นอิสระ
“คบกับลูกชายคุณพลกฤตเหรอ” เข้าเรื่องเสียทีหลังจากที่ชวนคุยมาเสียนาน
ใบหน้าหวานแดงก่ำพลางก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อย ถูกถามเข้าอย่างจังก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน เม้มปากเล็กน้อยแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน
“คุณย่ารู้ได้ยังไงคะ”
“ย่าก็มีสายของย่า ตอนแรกจะรอให้หลานมาบอกแต่ดูท่าคงไม่รู้เรื่อง เลยต้องถามเอง” ช่วงนี้เรนิตายุ่งกับงานแทบจะไม่เห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำ
“ค่ะ เพิ่งคบกันได้ไม่นาน” ตอบตามความจริงเพราะแม้แต่ตนเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะตกหลุมรักและคบกันได้เร็วขนาดนี้
“เขาเป็นคนดีหรือเปล่า ไม่ทำให้หลานย่าเสียใจใช่ไหม” เป็นห่วงเพียงเท่านี้ เห็นหลานสุดที่รักอกหักมาหลายครั้ง ร้องไห้ก็หลายหนจนนึกกังวลว่าจะสมหวังในความรักกับเขาบ้างไหม ซึ่งครั้งนี้แนวโน้มก็เหมือนจะเป็นไปด้วยดี
“ตอนนี้ยังค่ะ ต้องรอดูต่อไปก่อน แต่ว่าคนนี้ต้าจริงจังนะคะ” พูดเสียงอ้อนจนคนมากวัยอมยิ้ม
“ย่าก็เห็นเราจริงจังทุกคน” คนตัวเล็กหัวเราะร่วนแล้วพูดคุยเรื่องอื่น กระทั่งเห็นคุณเฟื่องรัตน์ง่วงจึงได้เดินไปส่งยังเรือนไม้หลังงามที่อยู่ห่างจากบ้านใหญ่เพียงสองร้อยเมตร