๑ แรกเจอ (๒)
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าการคบซ้อน หรือคบเผื่อเลือกมันดีตรงไหน หล่อนเจอเด็กในสังกัดหลายคนที่คบผู้หญิงสองคนพร้อมกันจนต้องตักเตือนและปราม ไม่ใช่ว่าไม่อนุญาตให้มีแฟนแต่ต้องตัดสินใจเลือกใครสักคนแทนที่จะอยู่แบบสามคนผัวเมีย
คงต้องเริ่มสืบดูเสียแล้ว
นัดครั้งต่อไปที่ร้านอาหารทำให้เรนิตาพิถีพิถันในการแต่งตัวมากเป็นพิเศษ ไม่คิดว่าพิธานจะรุกเร็วขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งเจอกันเมื่อสามวันก่อนแต่กลับชวนดินเนอร์หรูบนดาดฟ้า เดรสสายเดี่ยวปักเลื่อมถูกสวมลงบนเรือนร่างสูงเพรียว ผมยาวสยายดัดลอนปลายให้ดูเป็นธรรมชาติ ใบหน้าสวยเฉี่ยวแต่งให้บางเบาทั้งที่ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงกับหน้าของตนเอง
หล่อนตื่นเต้นราวมันคือครั้งแรกที่ออกเดตทั้งที่ความจริงก็เคยมีแฟนมาหลายคน จอดรถที่ด้านล่างของโรงแรมก่อนเดินเข้าไปภายในพบชายหนุ่มนั่งรออยู่ลอบบี้ เธอแอบอมยิ้มค่อยเข้าหาผู้บริหารมาดสุขุม
“รอนานไหมคะ” พิธานลุกขึ้นยืนพลางมองคนตรงหน้าอย่างตกตะลึง เรนิตาสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่ยามแต่งตัวแบบนี้กลับเพิ่มความน่ามองมากขึ้นอีกจนแทบละสายตาไม่ได้
เขายิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่นานครับ เราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า”
เดินเคียงข้างหญิงสาวพลางใช้มือแตะที่แผ่นหลังบาง ระหว่างรอลิฟต์ก็พูดถึงเรื่องต่างๆ ไม่มีอาการเก้อเขินสักนิด
หล่อนเป็นคนเก่งในการชวนคุยทำให้อาหารค่ำมื้อนั้นเต็มไปด้วยความสุข ใบหน้าคมประดับรอยยิ้มตลอดเวลา ดวงตาก็พร่างพราวไปด้วยประกายสดใสจนร่างบางมั่นใจแน่แล้วว่าเหยื่อติดกับและอีกไม่นานต้องได้เลื่อนสถานะ
“คุณต้ามายังไงครับ” หลังอิ่มจากมื้ออาหารแสนพิเศษก็ถามขึ้นขณะนั่งฟังเพลงคลาสสิค ซึ่งบรรเลงอย่างไพเราะสร้างบรรยากาศให้ละมุนยิ่งกว่าเดิม
“คนรถที่บ้านมาส่งค่ะ แต่ต้องไปรับคุณย่าไม่รู้ป่านนี้มาถึงหรือยัง” แอบลิงโลดในใจว่าหากถามเช่นนี้คงไม่พ้นขอไปส่ง หญิงสาววางแผนมาเป็นอย่างดีจึงให้คนขับรถของบ้านมาส่งแล้วกลับก่อน หล่อนจะหาข้ออ้างให้พิธานไปส่งที่บ้านเอง
แล้วทุกอย่างก็เข้าล็อคพอดิบพอดี
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” อาสามาขนาดนี้ หากปฏิเสธก็เสียน้ำใจแย่
“รบกวนด้วยนะคะ” คว้าโอกาสเอาไว้ไม่รีรอค่อยเดินออกจากร้านอาหารเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย สองหนุ่มสาวพูดคุยกันอย่างออกรสจนไม่สังเกตเห็นกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
กิรนันท์หันไปมองทันทีเมื่อจำแผ่นหลังเล็กที่คุ้นตาได้ เพื่อนในกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน...
เรนิตา ทรัพย์มากอนันต์
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันยามมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนข้างกายเพื่อนเก่าของตน เสียดายเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เธอทำอาชีพแอร์โฮสเตสมาตั้งแต่เรียนจบและลาออกเพื่อต้องการหางานใหม่ ทำให้วันนี้เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างนัดกันมาเลี้ยงส่งอำลา
ไม่คิดเลยว่าจะเจอคนที่หายหน้าหายตาไปเสียนาน ไม่รู้ว่าเพื่อนจะติดตามข่าวของหล่อนบ้างหรือเปล่า แต่กิรนันท์เห็นอีกฝ่ายผ่านโทรทัศน์และโซเชียลมีเดียมาโดยตลอด นึกอิจฉาในวาสนาของหญิงสาวที่มีพร้อมทุกอย่าง
ประสบความสำเร็จในทุกด้าน อาชีพ การงาน ความรัก...
ในขณะที่ตนเองนั้นเพิ่งจับได้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจไปคบกับเพศเดียวกันจนต้องเลิกรา ช่างต่างจากชีวิตแสนสุขสบายของเรนิตาเสียเหลือเกิน ยิ้มขื่นให้ตนเองค่อยตามคนที่เหลือเข้าไปภายในร้านซึ่งแน่นขนัดไปด้วยชาวต่างชาติ
เมื่อไหร่ฟ้าจะมีตาส่งผู้ชายดีๆ มาให้หล่อนบ้าง ขอคนที่จะทำให้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ดีขึ้นหลังจากมันมืดมนมาแสนนาน
ผ่านไปหลายเดือนความรักของสองหนุ่มสาวเริ่มสุกงอมเต็มที่ หากเห็นผู้บริหารสาวสวยที่ใดก็มักจะมีพิธานอยู่ใกล้เสมอจนพูดกันไปทั่วถึงสถานะที่ยังไม่ถูกเปิดเผย หลายคนสงสัยจนอยากจะถามแต่กลับไม่กล้าพอกลัวโดนสายตาดุจากฝ่ายหญิง
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เอิ้นอย่าลืมไปถามช่างภาพด้วยนะว่าส่งมาให้วันไหน พี่ขอเร็วที่สุด” คนโดนสั่งพยักหน้าพลางลอบกลืนน้ำลาย คิดในใจว่าถ้าจะให้ถามได้วันไหนแล้วจะมีประโยคเร็วที่สุดต่อท้ายทำไม
หล่อนลุกขึ้นเดินออกห้องประชุมคนแรกด้วยท่าทีกระฉับกระเฉงทั้งที่นั่งทำงานมาทั้งวัน บริษัทดั๊กแยกตัวออกมาจากตึกสูงใจกลางเมือง พวกเธอสร้างบ้านขนาดสองชั้นเป็นที่ทำงาน มีลานกว้างหน้าบ้านและมุมในการพักผ่อน
เรนิตามักจะคลุกอยู่ที่นี่แทนการไปบริษัทใหญ่ ช่วงนี้เปิดละครเรื่องใหม่จึงต้องแคสติ้งนักแสดงเพราะที่มีอยู่ในสังกัดไม่ค่อยตรงกับคาแรคเตอร์สักเท่าไหร่ เนื้อเรื่องมีการปรับแก้จนต้องอยู่ดึกมาหลายวัน
“อ้าวคุณทีม มานานแล้วเหรอคะ” ลงมาชั้นล่างก็เห็นชายหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
ใบหน้าหวานยิ้มเล็กน้อยทว่าดวงตากลับเปล่งประกายสดใส ราวได้รับน้ำทิพย์มาช่วยชโลมกายผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยล้าสะสม
“สักพักแล้วครับ” พิธานลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปโอบไหล่เล็กแล้วพาออกไปยังรถยนต์ซึ่งจอดไว้ด้านนอก
แม้ไม่มีใครพูดถึงสถานะระหว่างเราแต่ก็รับรู้ว่ากำลังศึกษาดูใจซึ่งกันและกันอยู่ เขามักจะแวะมารับหล่อนหลังเลิกงานเสมอ หรือไม่ก็ต้องได้ยินเสียงก่อนนอน
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้มั่นใจในความสัมพันธ์ได้อย่างไรว่าตนเองสำคัญที่สุด แอบยิ้มมุมปากมีความสุขเข้าไปนั่งข้างคนขับ โดยเจ้าของรถอ้อมไปประจำที่แล้วเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้กลุ่มคนที่แอบมองมองตามด้วยความอิจฉา
“แฟนแน่ๆ มารับส่งกันบ่อยขนาดนี้” พนักงานฝ่ายการตลาดพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“ไม่ต้องสงสัยแล้วมั้ง ชัดเจนกันทั้งคู่ เฮ้อ อิจฉาคุณต้าจริงๆ ได้แฟนเพอร์เฟคจนฉันเอื้อมไม่ถึง” ปิดม่านลงก่อนเดินไปนั่งยังโซฟาสำหรับพักผ่อนอยู่ห้องทำงานชั้นสอง
“แกก็ไม่เคยเอื้อมถึงใครสักคนเลยไหม” ทุกคนต่างหัวเราะมีความสุขเมื่อพูดคุยกันเรื่องของหัวหน้าโดยตรง กลับมาทำงานอีกครั้งเพราะบทยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ จากนี้ก็ต้องลุยหนักมากกว่าเดิมเนื่องจากทุกคนคาดหวังในละครเรื่องใหม่ของบริษัท
ระหว่างทางกลับบ้านก็ติดไฟแดงจนดวงตาเรียวสวยจ้องออกไปข้างนอก หล่อนเห็นร้านอาหารข้างทางเปิดอยู่ก็ยกมือขึ้นลูบท้อง ยังไม่กินอะไรตั้งแต่เที่ยงเร่งทำงานจนแทบไม่มีเวลาจะเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ หันไปมองชายหนุ่มที่ฟังเพลงด้วยความรื่นรมย์ก็ไม่กล้าชวนกิน
“ร้านอาหารเปิดเต็มไปหมดเลยนะคะ” ชวนคุยจนคนที่มองทางข้างหน้าหันมาจ้องคนข้างกายแทน เขาเหลือบดูร้านอาหารก็ยิ้มแหยะทันที
“ผมไม่กล้านั่งกินร้านข้างทางหรอกครับ ดูไม่ค่อยสะอาด” หล่อนเผยอปากค้างก่อนจะเม้มแน่นพลางพยักหน้ารับกับคำพูดของพิธาน จากที่จะชวนกินก็รีบเปลี่ยนความคิดทันที กลัวว่าจะสร้างบรรยากาศอึดอัดให้เกิดระหว่างกัน
“เคยไปกินกับเพื่อนครั้งหนึ่ง กลับบ้านมาท้องเสียทั้งคืนจนต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล” เข้าใจถึงเหตุผลนั้นจึงไม่เอ่ยอะไรอีก เธออาจจะกินข้าวข้างทางได้ไม่ติดขัดเพราะมากับเพื่อนร่วมงานบ่อย ต่างจากพิธานซึ่งส่วนมากมักจะเลือกรับประทานร้านในห้างหรือถูกสุขลักษณะมากกว่าจะนั่งกินไปสูดดมควันจากรถไปด้วย
ค่อยเคลื่อนยานพาหนะไปข้างหน้าเมื่อไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว บนรถเปิดเพลงคลอไม่ให้เงียบจนเกินไปและร่างสูงก็เคาะพวงมาลัยบ่งบอกให้รู้ว่าอารมณ์ดีมากแค่ไหน
เขามารับและไปส่งเรนิตาที่บ้านบ่อยครั้งจนเกิดเป็นความเคยชิน ทั้งสองกำลังทำความรู้จักกันแต่ยังไม่ระบุสถานะที่ชัดเจนถึงแม้จะมองออกว่าไม่ใช่เพียงเพื่อนหรือคู่ค้าทางธุรกิจ มันมีอะไรมากกว่านั้นและตอนนี้พิธานก็คิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว
จอดรถยนต์หน้ารั้วอัลลอยด์บ้านหลังใหญ่ของหญิงสาว ร่างบางสะพายกระเป๋าเตรียมจะลงจากรถทว่าแขนเรียวถูกคว้าเอาไว้ก่อนจึงหันมามองใบหน้าคมที่จ้องตนเองอยู่แล้ว เธอกระพริบตาด้วยความสงสัยแล้วค่อยถามเสียงแผ่ว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงเพลงบนรถยนต์ดังพอที่จะกลบเสียงหัวใจเต้นรัวของฝ่ายหญิงได้ ภาวนาให้เห็นประโยคที่หล่อนอยากได้ยินมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา อยากให้ทุกอย่างมันชัดเจนสักทีหลังจากคลุมเครือมาเสียนาน
ขอเป็นแฟนเลยสิคะคุณทีม...
“เราก็รู้จักกันมานานแล้ว” เกริ่นมาแบบนี้ ฟันธงว่าต้องใช่แน่
พยายามไม่แสดงอาการมากจนเกินไปให้เขาจับได้ว่าหล่อนรอคอยวันนี้มานานแค่ไหน เพียงแค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าพิธานต้องการจะพูดเรื่องอะไร ไม่เสียแรงที่รอให้เขาเอ่ยก่อนทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะต้องศึกษาดูใจกับชายอื่นนานขนาดนี้
“ค่ะ”
“คุณต้าคิดยังไงกับผมครับ” ชักช้าจริงเชียว
แอบบ่นในใจอยากให้เขาบอกมาตรงๆ ว่าต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรเสียวันนี้ก็ต้องมีแฟนเป็นลูกเจ้าของบริษัทใหญ่
“แล้วคุณทีมล่ะคะ คิดยังไงกับต้า” เลือกจะไม่ตอบแต่รีบถามกลับอย่างรวดเร็ว
จำได้ขึ้นใจว่าพิธานไม่ชอบผู้หญิงที่รุกเร็วเหมือนกร้านโลก เขาชอบคนอ่อนหวาน ยิ้มสวย รักนวลสงวนตัวแบบหญิงไทยสมัยก่อน
แค่อ่านเธอก็กรอกตาหลายรอบแล้ว ปัจจุบันคงมีหรอกหญิงไทยใจงามขนาดนั้น หรือหากมีก็คงอยู่ในป่าเขาไม่เคยออกมาเจอผู้ชาย
และสเป็คของเขาก็ห่างไกลจากหล่อนเสียเหลือเกิน ทำให้เรนิตาตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ยามอยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม ไม่เปิดเผยนิสัยที่แท้จริงสักเท่าไหร่ รอให้อีกฝ่ายหลงตนเองมากกว่านี้ก่อนค่อยเปลี่ยนจะดีกว่า
หวังว่าเขาคงรับได้และไม่หนีหายไปก่อนนะ
“พี่ชอบต้า เป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ” นอกจากขอเป็นแฟนไม่พอยังเปลี่ยนสรรพนามอีก หล่อนเม้มปากแน่นพยายามไม่กรีดร้องโวยวายด้วยความดีใจ
แสดงกิริยาอ่อนหวานอย่างที่พิธานนึกชอบออกมาด้วยการก้มหน้าต่ำ แสร้งบีบมือที่วางไว้บนตักแน่น
“ต้าครับ” จนต้องย้ำอีกรอบและคราวนี้มือหนาก็คว้ามือเล็กมากุมเอาไว้พลางเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา
“เป็นแฟนกับพี่นะ” พยักหน้ารับทันทีไม่มีการสงวนท่าทีเหมือนสักครู่แต่อย่างใด ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างมีความสุขไม่ต่างจากชายหนุ่มที่โอบกอดหล่อนเข้ามาแนบอก หัวใจสองดวงเต้นในจังหวะเดียวกันก่อนผละออกมองใบหน้าหวานที่ดวงตาเป็นประกายสดใส
อาการเมื่อยล้าจากงานหายเป็นปลิดทิ้ง โสดมานานเพราะช่างเลือกคนที่จะมาเป็นคู่ครอง สุดท้ายวันนี้ฝันก็เป็นจริง หล่อนไม่โสดแถมยังได้ผู้ชายแสนดีมาเคียงข้างอีกต่างหาก ดีใจจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
“พยักหน้าถือว่าตกลงแล้วนะ” ถามย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ พี่ทีม” ในเมื่อเขาเปลี่ยนสรรพนามหล่อนก็ทำตามอย่างไม่อิดออด รอเรียกแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน
เขายิ้มในหน้าพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มพลางฝากรอยจูบเอาไว้ค่อยผละออกทั้งที่เรนิตาคาดหวังมากกว่านั้นแท้ๆ
อยากได้จุมพิตแสนหวานจากคนรักเป็นครั้งแรก...แต่ดูเหมือนจะพลาดเสียแล้ว
“เจอกันพรุ่งนี้นะครับ” พิธานทำเพียงเท่านั้นไม่อยากล่วงเกินหญิงสาวมากกว่านี้ ในเมื่อเพิ่งคบกันวันแรกก็ควรให้ปรับตัวเสียก่อน
แล้วพรุ่งนี้จะทำตัวอย่างไรเวลาเจอหน้ากัน คิดพลันแก้มก็แดงขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยลาคนตัวสูงที่ยังจ้องหล่อนไม่วางตา
ผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้ตกมาถึงมือของเธอได้อย่างไรกัน นี่คือความฝันหรือเปล่า ในวัยที่ใกล้เข้าสู่เลขสามที่เริ่มคิดว่าคงไม่เจอพ่อของลูกอย่างที่นึกหวัง แต่สุดท้ายสวรรค์ก็มีตาส่งคนแสนดีและเพียบพร้อมมาให้
“เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าถึงบ้านโทรบอกต้าด้วยนะ” คนขับรถสุดหล่อพยักหน้ารับคำขอนั้น มองหญิงสาวลงจากรถไม่ลืมโบกมือลากันอย่างอาวรณ์
เรนิตายืนอยู่ริมฟุตบาทหน้าบ้านแล้วมองรถยนต์คันหรูที่แล่นออกไปอย่างช้าๆ กระทั่งลับสายตาถึงได้ถอนหายใจด้วยความเสียดาย อยากยืดเวลาให้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้สักหน่อย
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่พลันใบหน้าก็แดงก่ำเกิดอาการเขินอายเหมือนสาวแรกรุ่นทั้งที่ความจริงผ่านช่วงเวลานั้นมานานแล้ว ใช่ว่าพิธานจะเป็นแฟนคนแรกเสียเมื่อไหร่ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเอาใจดวงนี้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
ก้าวไปเปิดประตูเล็กเพื่อเข้าในบ้านของตน ดวงตาเหลือบมองเรือนหลังอยู่ติดกันที่มีแสงไฟส่องสว่าง พลันรอยยิ้มก็หุบลงถูกแทนที่ด้วยอาการขุ่นมัวยามมองบ้านหลังนั้น
ปัง!
กระทืบเท้าเข้าบ้านแล้วปิดรั้วเสียงดัง ไม่อยากเสียสายตามองนานกว่านี้ในเมื่อคนที่สร้างความขุ่นมัวให้เกิดขึ้นคงไม่มีทางรู้ตัว
หึ...เสวยสุขอยู่ต่างประเทศจนตายไปเลยก็ดี!