๑ แรกเจอ (๑)
๑
แรกเจอ
เสียงปรบมือดังกึกก้องหลังเสียงประกาศเปิดงาน วิดีโอตัวอย่างละครฉายขึ้นเรียกเสียงเชียร์ทั่วบริเวณ ป้ายไฟชื่อนักแสดงที่ชื่นชอบส่องประกายสร้างความดีใจให้แก่คนบนเวทีจนต้องโบกมือทักทายกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าแฟนคลับ
งานดำเนินไปอย่างราบรื่นถึงแม้จะมีสะดุดบางครั้งแต่ก็แก้ไขปัญหาผ่านไปด้วยดี โดยฝีมือคนที่กำลังวิ่งวุ่นอยู่หลังเวที
ใบหน้าสวยเฉี่ยวสะกดทุกสายตาจนหลงนึกว่าเป็นนักแสดงทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนคือผู้บริหารมากฝีมือ รูปร่างสูงโปร่งใส่ชุดอะไรก็สวยไปหมดจนถูกทาบทามให้ไปเดินแบบหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ต้องปฏิเสธ เนื่องจากงานประจำที่ทำตอนนี้ก็รัดตัวแทบไม่ได้ทำอย่างอื่น
อันที่จริงตำแหน่งของเธอคือผู้บริหารบริษัท Duck.co.th ซึ่งแยกตัวออกมาจาก RED Company สามารถออกไปนั่งดูอยู่โซฟาเฉยๆ ก็ได้แต่เลือกที่จะคอยอยู่เคียงข้างช่วยเหลือทีมงานยามมีเหตุฉุกเฉินอย่างเช่นตอนนี้ที่นักแสดงยังมาไม่ถึงงาน
“ตกลงมิวถึงไหนแล้ว” เดินมาถามเสียงขรึมจนคนที่พยายามโทรหาดาราสาวด้วยมือที่สั่นเทาเพราะความกลัว
“กะ ใกล้แล้วค่ะ” เอาหูแนบโทรศัพท์ก็มีเพียงเสียงรอสายจนร้อนใจไปหมด
“ใกล้แค่ไหน ช่วยบอกพิกัดด้วย” หล่อนพยายามอย่างยิ่งจะไม่ตะโกนคือตะคอกให้เป็นจุดสนใจของคนบริเวณนั้น เมื่อได้รับข้อมูลมาก็เดินไปประสานงานกับทีมกำกับภาพให้เปลี่ยนลำดับวิดีโอก่อนกลับมายังหลังเวที
เดินไปแจ้งผู้จัดการและนักแสดงที่กำลังเตรียมพร้อมว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทุกคนเข้าใจแต่ก็มีบ่นบ้างไม่ได้จริงจังมากนัก
งานดำเนินไปเรื่อยๆ กระทั่งคนที่ทำให้เกิดปัญหาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้องแต่งตัว ใบหน้ามีเหงื่อผุดเต็มทั้งยังแดงก่ำจากการวิ่ง หอบหายใจถี่จนช่างแต่งหน้าและสไตลิสต้องเข้ามาช่วยเหลือ
“ขอโทษที่มาสายค่ะ ขอโทษค่ะ” เธอค้อมศีรษะให้คนอื่นด้วยความรู้สึกผิด เพราะมารดาเจ็บป่วยกะทันหันทำให้ต้องไปดูแลจนมางานสาย
“รีบไปแต่งตัวเตรียมขึ้นเวที” ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้นแล้วก้าวไปหานักแสดงคนอื่น ทุกอย่างชุลมุนเพราะคนเดินขวักไขว่เต็มไปหมด
สถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่นจนถึงเวลาที่ผู้บริหารขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกับนักแสดง หล่อนคว้าเสื้อสูทมาสวมคลุมเสื้อยืดของตนเอง พร้อมเปลี่ยนผ้าใบสีขาวเป็นส้นสูงสีแดง เดินอย่างนางพญาขึ้นไปบนเวทีพร้อมเคียงข้างผู้บริหารท่านอื่น
เสียงชัตเตอร์จากกล้องรัวพร้อมกับแสงแฟลช พิธีกรทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมสามารถปรับเปลี่ยนกำหนดการณ์หน้างานด้วยความมืออาชีพ คิดไม่ผิดที่เลือกคนนี้จนต้องเข้าไปขอบคุณเมื่องานเสร็จสิ้นแล้ว
เรนิตา ทรัพย์มากอนันต์ หญิงสาวผู้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารบริษัททั้งที่อายุยังน้อย ได้รับรางวัลด้านบริหารบันเทิงมากมายจนถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการมายาก็ไม่ผิดนัก ปั้นดาราขึ้นไปสู่ตำแหน่งซุปเปอร์สตาร์มาแล้วนับไม่ถ้วน ดวงตาเฉียบคมมองใครไม่เคยพลาดและค่อนข้างน่าเกรงขามในสายตาของนักแสดงในสังกัด
เรียวขายาวก้าวเข้าไปหานักแสดงที่มาสายด้วยใบหน้าราบเรียบ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน เห็นมือเล็กสั่นก็เอื้อมไปจับทำให้อีกฝ่ายหันมามองก่อนดวงตากลมจะคลอด้วยน้ำสีใส
“พี่ต้า หนูขอโทษที่มาสายจนเกือบทำงานพัง” หญิงวัยยี่สิบสามปีเอ่ยขึ้นพร้อมยกมือไหว้
เธอเข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อยจากการชักนำของหญิงสาวตรงหน้านั่นคือเรนิตา เห็นหนูน้อยหน้าใสแววตาแป๋วคนนี้จากการไปรับประทานอาหารกับเพื่อน แค่พบครั้งแรกก็คิดว่าต้องรีบพาเข้าสังกัดทันทีไม่อย่างนั้นคงจะเสียใจหากมีคนมาแย่งไปก่อน
และก็ไม่ผิดหวังเมื่อเรื่องแรกก็แจ้งเกิดทันที ยิ่งละครเรื่องต่อไปก็สร้างชื่อเสียงให้แก่ดาราสาวจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ต้องขอบคุณดวงตาอันเฉียบแหลมของเรนิตาที่พาเด็กน้อยมาไกลได้ขนาดนี้
“เอารถอะไรมา” ไม่ได้ตำหนิในการมาสายแต่กลับถามด้วยน้ำเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์จนนักแสดงกระพริบตาถี่ด้วยความงง
“ขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างค่ะ”
ด้วยช่วงเวลาค่ำรถค่อนข้างติดหากขับรถยนต์มาเองอาจถึงตอนงานเลิกเพราะฉะนั้นจักรยานยนต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“แล้วผู้จัดการล่ะ” มองหาผู้จัดการที่มักจะมาด้วยเสมออีกฝ่ายก็ก้มหน้ารู้สึกผิด
“มิวให้พี่กิ๊ฟอยู่ดูแลแม่ที่โรงพยาบาล” เรนิตาถอนหายใจทันที
หล่อนจูงมือนุ่มให้เดินตามออกมาข้างนอก พร้อมกำชับคนขับรถของตัวเองไปส่งหญิงสาวถึงที่หมาย
“ไปรถพี่ ถึงโรงพยาบาลก็โทรมาบอกด้วย” ใบหน้าสวยเรียบเฉยเหมือนคนไม่ยินดียินร้าย แต่รุ่นน้องก็รับรู้ถึงความหวังดีจนต้องไหว้หลายรอบกับน้ำใจที่เรนิตาหยิบยื่นให้เสมอ
เห็นครั้งแรกก็นึกกลัวผู้หญิงคนนี้เหมือนกันที่ชอบทำหน้าดุ น้ำเสียงก็เข้มยิ่งยามงานไม่ได้ดั่งใจอุณหภูมิรอบห้องก็จะลดลงฮวบฮาบทันที เหล่าคนในบริษัทต่างกริ่งเกรงทั้งนั้น แต่อีกด้านรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ใส่ใจคนอื่นมากแค่ไหน หากครอบครัวมีปัญหาหรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็ให้ลาทันที ไม่เคยถามไถ่ถึงใบรับรองแพทย์เพราะเชื่อใจคนของตัวเอง
ทว่าหากใครโกหกหรือทำงานพลาดก็เตรียมรับกรรมเอาไว้ได้เลย หล่อนสับเละแทบไม่เหลือชิ้นดี
สองสาวแยกจากกันก่อนที่หล่อนจะเดินกลับเข้างาน เพื่อไปทักทายผู้บริหารท่านอื่นพร้อมพูดคุยถึงงานที่ดำเนินไปอย่างดี ได้รับคำชมมากมายพร้อมทั้งพูดคุยเกี่ยวกับการขายละครให้ประเทศจีนซึ่งบางเรื่องทำเพียงตัวอย่างให้ได้เห็นแผนในปีนี้ ทว่ายังไม่ถ่ายทำจริงด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวผมจะพาคุณไปรู้จักสปอนเซอร์รายใหญ่” การพูดคุยกับสปอนเซอร์เป็นเรื่องที่หล่อนค่อนข้างเบื่อ ต้องฟังความต้องการของผู้มีเงินทั้งหลายว่าอยากให้ผลิตภัณฑ์ไปตั้งตรงไหน หรือฉากใดบ้างโดยหล่อนทำได้แค่ยิ้มรับพร้อมพยักหน้า
จะกล้าหักหน้าพ่อบุญทุ่มแม่บุญทุ่มได้อย่างไรในเมื่อการทำละครสักเรื่องใช้เงินทุนไม่ใช่น้อย ก็ได้เหล่านักธุรกิจกระเป๋าหนักมาช่วยให้การถ่ายทำไม่ฝืดเคือง จึงต้องยิ้มรับพร้อมโต้ตอบในการสนทนาครั้งนี้ให้ลื่นไหล
กระทั่งร่างสูงใหญ่ของชายผู้หนึ่งเข้ามาร่วมวง สายตาเรียวสวยก็ถูกตรึงเอาไว้ที่เขาจนไม่สามารถหันเหไปทางอื่นได้ ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี ใบหน้าคมเข้มผิวสีแทนอย่างคนออกกำลังกายกลางแจ้งสม่ำเสมอ ดวงตาที่เพียงได้สบครั้งเดียวก็ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะราวกลับไปสู่วัยรุ่นอีกครั้ง
ดั่งได้เจอรักแรก...
“นี่คุณพิธาน รองกรรมการผู้จัดการบริษัท PNP Corporation” จำได้ว่าบริษัทนี้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มชูกำลัง ส่งทั่วประเทศไทยรวมถึงต่างประเทศด้วย มีชื่อเสียงโด่งดังและกำไรต่อปีอยู่ในระดับท็อปสิบของธุรกิจทำเงินแห่งปี
ทรัพย์สินในธนาคารคงไม่ต้องพูดถึงว่ามีมากแค่ไหน เห็นชื่อบริษัทนี้เป็นสปอนเซอร์หลายเรื่องแต่เพิ่งได้เจอระดับผู้บริหารครั้งแรก ใบหน้าหวานยิ้มเล็กน้อยพร้อมยกมือไหว้บุคคลซึ่งมีอายุมากกว่าตนเองแล้วเอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณพิธาน ดิฉันเรนิตาค่ะ” พูดเป็นการเป็นงานถึงหัวใจจะเต้นดังมากแค่ไหนก็สยบมันไว้ด้วยใบหน้าเป็นมิตร หล่อนต้องสวมหน้ากากยามอยู่ในงานสังคมเช่นนี้ หากทำหน้าบึ้งราวโกรธแค้นใครตลอดเวลาคงไม่เป็นการดีแน่
“เรียกว่าทีมก็ได้ครับ” ผู้ใหญ่หลายคนเดินออกจากวงสนทนาเมื่อมีคนเรียกให้ไปถ่ายรูปร่วมกันเหลือไว้เพียงสองหนุ่มสาว
บรรยากาศในงานอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยผู้คนทว่าความรู้สึกของเรนิตากลับมีเพียงชายตรงหน้าคนเดียว ราวอีกฝ่ายส่องประกายจนดวงตาพร่ามัว ไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดถึงรู้สึกเช่นนี้ทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก
อาการตกหลุมรักมันเป็นแบบนี้เองหลังจากไม่ได้พานพบมาหลายปี เธอเลิกกับแฟนคนล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คบใครจริงจัง มีเพียงคนคุยที่ไม่อาจเลื่อนสถานะได้สักทีเพราะฝ่ายหญิงเอาแต่ทำงานล่ารางวัลจนวางเรื่องความรักไว้ไกลตัว
“ค่ะคุณทีม” ตอบรับพร้อมฉีกยิ้มหวาน
แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายสูงกว่าตนเองทั้งที่มั่นใจว่าส่วนสูงของหล่อนก็ไม่ใช่น้อย หายากที่ชายไทยจะสูงขนาดนี้ถ้าไม่ใช่พวกนายแบบ
“แล้วคุณเรนิตาจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีครับ ถ้าชื่อเต็มมันออกจะยาวไปหรือเปล่า” ถามกลับแล้วยังยิ้มให้จนเห็นรอยบุ๋มที่แก้มยิ่งสร้างความหวั่นไหวในหัวใจดวงนี้ มือบางกำกางเกงตัวเองเอาไว้แน่นไม่ให้กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่เขาแสดงออกว่าสนใจหล่อนเช่นนี้
แค่มองด้วยตาก็รู้ว่าพิธานคงพึงพอใจในตัวเธอไม่น้อย ไม่อยากหลงตัวเองแต่เพราะความจริงมันเป็นเช่นนั้นมาตลอดต่างหาก ผู้ชายหลายคนเข้าหาด้วยความหลงใหลในใบหน้าสวยงามก่อนจะตีจากเมื่อได้สนิทสนมกันจริงๆ
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น พยายามหาเหตุผลตอบตนเองก็คิดไม่ออกจนล้มเลิกจะนึกถึงมัน คนพวกนั้นก็แค่ไม่ใช่สำหรับเธอ
“ตาต้าค่ะ เรียกว่าต้าเฉยๆ ก็ได้” สองดวงตาสบกันก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับ
“ครับ คุณต้า” พลันโลกทั้งใบของหญิงสาวก็กลายเป็นสีชมพูทันที เขาชวนคุยถึงเรื่องละครทั้งเอ่ยถึงโปรเจคอันใกล้ที่จะเกิดขึ้น เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ไม่อาจทราบเหมือนกันในเมื่อจุดสนใจมีเพียงคนตรงหน้า
พวกเขาขุดเรื่องมาคุยอย่างไม่รู้เบื่อก่อนผู้ช่วยพิธานจะเข้ามาบอกเจ้านายว่ามีสายจากทางบ้านโทรเข้ามาจึงได้ขอตัวออกไปรับ
เรนิตามองแผ่นหลังกว้างด้วยแววตาชื่นชม มองโดยรอบก็เห็นผู้หญิงหลายคนสนใจในตัวชายหนุ่มผู้นี้เช่นเดียวกัน อยากรู้ข้อมูลชายหนุ่มมากกว่านี้เหลือเกิน เห็นทีกลับบ้านไปต้องสืบค้นในอินเตอร์เน็ตเสียแล้ว คงต้องมีข่าวบ้างแหละ
“ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” เก็บโทรศัพท์พร้อมเดินเข้ามาหาหญิงสาว เอ่ยขอตัวจนหล่อนอยากยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันออกไปอีก
“ค่ะ” ตอบรับไปแบบนั้นพร้อมทั้งจิกมือตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอขอเบอร์โทรศัพท์อีกฝ่าย
หล่อนต้องการรู้ว่าพิธานอยากจะพูดคุยหรือรู้จักเธอมากกว่านี้ไหม ทำได้เพียงรอและภาวนาให้เขาเอ่ยขึ้นก่อน
‘หันกลับมาขอเบอร์เดี๋ยวนี้ หันกลับมา กลับมา’ จ้องพิธานที่เดินออกไปข้างนอกนิ่งพร้อมสั่งในใจให้ชายหนุ่มเดินกลับมาหาตนเอง
แล้วคำขอก็สำเร็จเมื่อร่างสูงหยุดยืนก่อนจะเดินกลับมาหาเรนิตาอีกครั้ง พร้อมกับโทรศัพท์ซึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว ใบหน้าคมยิ้มเล็กน้อยราวเขินอายที่จะเป็นคนเริ่มต้น ไม่ต่างจากร่างบางเท่าไหร่นัก หล่อนตัวแทบลอยจนต้องจิกเท้าตัวเองแน่น ผ่อนลมหายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ เก็บอาการเอาไว้ไม่ให้เขาดูออกว่าดีใจมากแค่ไหน
“ผมขอเบอร์คุณต้าได้ไหมครับ” เธอฉีกยิ้มกว้างทันทีก่อนรับเครื่องมือสื่อสารมากดเลขสิบหลักค่อยยื่นกลับให้คนตัวสูง
“แล้วผมจะโทรหานะครับ” พยักหน้าเล็กน้อยไม่ลืมโบกมือลาผู้บริหารหนุ่มหล่อ พยายามเก็บอาการไม่ให้ออกนอกหน้าทว่าเมื่อร่างสูงเดินพ้นประตูออกไปก็เกือบกระโดดโลดเต้นดีใจ จะเจอผู้ชายที่สมบูรณ์ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
หน้าตาที่หล่อเหลาราวพระเอกละคร รูปร่างดีจนสามารถจับไปเป็นนายแบบได้ ฐานะทางบ้านที่ทัดเทียมกันทำให้ง่ายในการคบหา หล่อนเคยดูใจกับหนุ่มที่ไม่ได้ร่ำรวยก่อนจะพบว่าการใช้ชีวิตที่แตกต่างทำให้ช่องว่างระหว่างกันมากขึ้น อีกฝ่ายใช้เงินอย่างประหยัดต้องเจียดไว้ให้ทางครอบครัว
ในขณะที่หล่อนสามารถจับจ่ายโดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ทุกอย่างมันจึงยากไปหมดแล้วจบลงที่การเลิกรา
ยิ่งมองก็ยิ่งชอบในตัวของพิธาน อยากครอบครองใจจะขาด รู้สึกถูกใจไปหมดจนไม่อยากให้ใครได้ใกล้ชิด
และสิ่งที่หล่อนเริ่มกังวลคือตอนนี้พิธานโสดหรือไม่...