บทนำ
บทนำ
เสียงเพลงดังก้องบริเวณลานหน้าอาคารเรียนตึกคณะนิเทศศาสตร์ การรับน้องมาเยือนอีกครั้งทำให้รุ่นพี่ต่างกระชุ่มกระชวยมองความสดใสของเด็กนักเรียนที่เลื่อนมาสู่วัยอุดมศึกษา เหล่านักศึกษาไปรวมตัวกันล้อมเป็นวงกลมเพื่อร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก สาวตัวท็อปของภาควิชาเดินมารวมกลุ่มพร้อมหน้าจนรุ่นน้องหลายคนเหลียวมองด้วยความชื่นชม
ผู้หญิงทั้งสี่ต่างมีความสวยคนละแบบแต่เมื่ออยู่ด้วยกันกลับลงตัวอย่างน่าประหลาด เกมแสนสนุกถูกขุดขึ้นมาเล่นจนถึงเวลาพักจึงให้น้องไปรับประทานอาหารแล้วนัดเจอกันช่วงบ่าย รุ่นพี่แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว
ร่างสูงโปร่งราวนางแบบเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนกับเพื่อนในกลุ่มอีกสามคน ใบหน้าสวยเฉี่ยวฉาบด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ดวงตากลมโตเหลือบมองชายที่จ้องตนเองแล้วถลึงตาใส่ด้วยความไม่ชอบใจจนอีกฝ่ายต้องรีบหลบ
“ตาต้า” เสียงเรียกชื่อดังมาจากข้างหลังทำให้ต้องหันกลับไปมอง พบชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมเข้มเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพร้อมแทรกกลางระหว่างหล่อนกับเพื่อนอีกคน
“แหม่ นั่งกันตั้งสี่คนดันเรียกแค่คนเดียว” เย้าด้วยน้ำเสียงหยอกล้อจนคนอื่นยิ้มตาม
ยกเว้นหญิงอีกคนที่นั่งข้างชายหนุ่ม เธอทำเพียงก้มหน้ารับประทานอาหารไม่ปริปากพูดสักคำ ดวงหน้าหวานพยายามปกปิดความนึกคิดของตนเองเอาไว้ ไม่ต้องการให้ใครรับรู้แล้วสมเพชกับความฝันที่เกินเอื้อมของหล่อน
“ถ้าไม่ให้เรียกแฟนจะให้เรียกใครล่ะ ก็มีแฟนอยู่คนเดียว” ย้ำสถานะจนได้รับเสียงแซว หญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงก็ส่ายหน้าพลางยกมือขึ้นไปจับใบหน้าหล่อให้หันหาตนเอง
“เมื่อวานไปไหน” จ้องดวงตาคมนิ่งพยายามจับผิดแต่ชายหนุ่มก็คว้ามือหล่อนมาจับไว้พลางเขย่าเบาๆ
“ความลับ” บอกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พลางเหลือบมองเพื่อนของเธอราวกับรู้เห็นเป็นใจ ทำเอาคนเป็นแฟนเริ่มมองทุกคนก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่นั่งฝั่งเดียวกัน
“มีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า ว่ายังไงกี้” มองแต่ละคนอย่างจับผิดทำเอาต้องรีบเสหน้าหลบทันที
คนถูกถามไม่รู้จะพูดอย่างไรจึงยกยิ้ม พลางส่ายหน้าทันที หล่อนขยับห่างจากชายหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเขาก็หันมามองพลางส่งสายตาอ้อนวอน ไม่ให้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน เธอค่อยตอบเรนิตาเสียงแผ่วอย่างผิดปกติ
“เปล่า” คุณหนูคนสวยของกลุ่มยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“ไม่มีอะไรแน่นะ” กวาดสายตามองแต่ละคนจนร่างสูงต้องรีบเข้ามากอดไหล่เล็กเอาไว้ พลางเอนศีรษะไปซบบ่าของหล่อน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ว่าแต่เย็นนี้ว่างไหม” ถามด้วยน้ำเสียงหวานจนเพื่อนที่ฟังทำหน้าปุเลี่ยน พวกเขาคบกันมาได้เกือบห้าเดือนแล้ว ไปมาหาสู่ตลอดแต่ก็ไม่ได้พาเข้าบ้านเพราะยังไม่แน่ใจว่ารักครั้งนี้จะไปรอดหรือเปล่า
ฝ่ายชายค่อนข้างจะโลกส่วนตัวสูง อารมณ์ศิลปินพอสมควร บางครั้งก็ติดต่อไม่ได้เพราะเข้าป่าหาแรงบันดาลใจในการวาดภาพ ตอนแรกหล่อนก็พยายามเข้าใจแต่หลายครั้งเข้าก็นั่งนึกว่าต้องการความรักแบบนี้จริงหรือ
จนตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เธอกำลังสับสนทว่าพยายามกดมันเอาไว้ส่วนลึก อยากให้ความรักครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี
“ว่างนะ เพิ่งเปิดเรียนไม่น่าจะมีอะไร ทำไมเหรอ” ชายหนุ่มนั่งตัวตรงพลางยิ้มมีความสุขทันที
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เจอกันห้องเรานะ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน
“ทำไมต้องไปห้องนายด้วย”
“เอาน่า บอกให้มาก็มาเถอะ” หล่อนเริ่มจะเห็นเค้าลางแล้วว่าคงโดนเซอร์ไพรส์แต่ไม่รู้อีกฝ่ายทำอะไรเอาไว้ แต่ที่มั่นใจคือเพื่อนในกลุ่มต้องช่วยเขาแน่
“ไปเรียนแล้ว ไว้เจอกันเย็นนี้ครับ” โน้มหน้ามาหอมแก้มคนรักก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงค่อยผละจากกลุ่มสี่สาว ปล่อยคนรักส่ายหน้าด้วยความระอาแต่ก็แอบอมยิ้ม
“แฟนมาหายิ้มหน้าบานเลยนะจ๊ะ” แซวทันทีเมื่อเห็นใบหน้าหวานเริ่มแดงก่ำ
“เธอว่าฉันหน้าบานอีกแล้วนะอ้อม” หล่อนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทันที และก่อนจะได้พูดกันมากกว่านี้กิรนันท์ก็ลุกขึ้นยืนเสียก่อน
“อิ่มแล้วเหรอ กินหมดเร็วจัง” เรนิตาเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยถามแต่ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบเท่าไหร่เพราะก้มหน้าไปกดโทรศัพท์แทนการให้ความสนใจกิรนันท์
“พอดีต้องรีบไปเรียนวิชาเสรีน่ะ ไว้เจอกันนะ” โบกมือลาเพื่อนแล้วหยิบจานไปเก็บ
รวบกระเป๋ามาสะพายเอาไว้พร้อมซอยเท้าอย่างไวให้ทัน แผ่นหลังกว้างที่เดินไปคณะของตนเอง ร่างบางคว้าแขนเขาเอาไว้จนชายหนุ่มต้องหันมามองด้วยความสนใจ
“อ้าวกี้ มีอะไรหรือเปล่า” เม้มปากแน่นพลางจ้องดวงหน้าคมที่หล่อนแอบหลงรักมาตั้งแต่ปีหนึ่ง
ใช่...เธอแอบรักแฟนเพื่อน
มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บแต่ก็ไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้ ในโลกที่ตนเองเหมือนพลเมืองชั้นสองถึงจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทว่าสองคนที่เหลือก็มักจะเข้าข้างเรนิตาตลอด หล่อนไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่อาจเพราะหลังเรียนเสร็จก็มักกลับบ้านไปช่วยแม่ขายของ ไม่เหมือนสามคนนั้นที่ไปไหนด้วยกันตลอด
รู้สึกแปลกแยกทว่าไม่อาจออกจากกลุ่มได้ด้วย อยากถีบตนเองขึ้นไปให้สูงกว่าที่เป็นในตอนนี้ ถ้ามีเพื่อนดีก็เหมือนมีชัยไปกว่าครึ่ง เผื่อภายภาคหน้าอาจมีเรื่องให้ช่วยเหลือกันเกี่ยวกับการทำงาน
แต่สิ่งไม่คาดฝันมาก่อนนั่นคือการที่ผู้ชายซึ่งตนแอบชอบมานานจะเป็นแฟนกับเพื่อนในกลุ่มตนเอง เธอทำได้แค่มองแต่เรนิตากลับได้มาครอบครอง
ไม่ยุติธรรมเลย
“เย็นนี้เราคงไม่ได้ไปด้วยนะ” เขามีสีหน้าหม่นลงเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ อุตส่าห์ไปช่วยจัดห้องเมื่อวานน่าจะมาสนุกด้วยกัน”
ชายหนุ่มคงไม่รู้ว่าการที่เขาชวนไปห้องนั้นสร้างความตื่นเต้นกับหล่อนมากแค่ไหน จากที่ได้มองไกลๆ กลับเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนสามารถพูดคุยอย่างคนรู้จัก
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่แอบรักอยู่ข้างเดียวตลอดมา ริมฝีปากเล็กยกยิ้มมีความสุขแล้วค่อยตอบกลับเสียงแผ่ว
“เราติดธุระน่ะ” ถึงหล่อนไม่ไปงานก็คงไม่กร่อยหรอก
กลับจะมีความสุขมากกว่าเดิมเสียอีก ทำหน้าเศร้าเล็กน้อยพลางก้มหน้ามองเท้าตนเอง ทำให้ไม่ทันเห็นกลุ่มคนที่วิ่งมาด้วยความเร็วจนชายหนุ่มต้องโอบเอวหล่อนให้หลีกทางแก่รุ่นน้องซึ่งต้องรีบไปทำกิจกรรม
“ระวัง” สองร่างแนบชิดกันจนใบหน้าหวานซุกลงที่แผงอกกว้าง
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ มาจากกายของเขาทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนอีกฝ่ายจะผละออกจากหล่อนพลางถามด้วยใบหน้ากังวล
“เป็นอะไรหรือเปล่า เด็กพวกนั้นก็วิ่งไม่ดูทางเลย” ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วรีบขยับออกทันทีกลัวว่าเสียงหัวใจที่เต้นมันจะดังจนชายหนุ่มได้ยิน
ช่างน่าอายเหลือเกินที่สัมผัสเมื่อสักครู่แอบทำให้คิดว่าหากได้เป็นแฟนกันจะมีความสุขมากแค่ไหน อยากครอบครองผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ถ้าไปอธิษฐานให้เรนิตาเลิกกับเขาจะบาปไหม
“เปล่า”
“ดีแล้ว งั้นเราไปก่อนนะถ้าช้าอาจารย์เช็คสายจะซวยเอา” โบกมือลาพลางเดินแกมวิ่งออกไปทันทีปล่อยให้กิรนันท์มองแล้วอมยิ้มมีความสุข ยกมือขึ้นจับตำแหน่งการเต้นของหัวใจก็เม้มปากแน่นกว่าเดิม
อยากได้เสียแล้ว ถ้าทำให้สองคนนั้นเลิกกันเธอก็คงสมหวัง
คิดแล้วก็ถอนหายใจเพราะดูมันไกลเกินเอื้อม หล่อนเดินไปยังอาคารเรียนโดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ตกอยู่ในสายตาของเรนิตาตลอดเวลา
ที่เขาพูดกันว่าความรู้สึกของผู้หญิงมักจะเร็วเสมอหากมีใครเข้าใกล้คนของตนเองคงไม่ผิดนัก ถึงกิรนันท์จะพยายามปิดบังความรู้สึกมากแค่ไหนทว่ายามเผลอก็มักจะส่งสายตาหวานให้แฟนหล่อนตลอด ทำให้รู้ว่าเพื่อนคนนี้คิดไม่ซื่อเสียแล้ว
หากเป็นแค่การแอบชอบก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าทำมากกว่านั้น...คงได้เจอดีแน่