4
จันทร์จิราส่งรูปลูกสาวไปให้เพื่อนดู พร้อมเล่าถึงปัญหาที่กำลังเกิดกับครอบครัวของเธอตอนนี้ เพราะทิพย์นารีเป็นเพื่อนที่จันทร์จิรามักจะเล่าปัญหาชีวิตให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ถึงแม่จะไม่ค่อยได้เจอกันก็ตาม
“แบบนี้เขาไม่เรียกดื้อ เขาเรียกมั่นใจในตัวเอง ฟังแล้วคิดถึงตอนฉันสาว ๆ เลย ถ้าฉันไม่ดื้อพ่อกับแม่ป่านนี้ก็คงเป็นครูอยู่ตามโรงเรียนไม่ได้มาเป็นเมียพ่อเลี้ยง นั่งกินนอนกินแบบนี้หรอก”
จันทร์จิรารู้สึกได้ว่าเพื่อนของเธอรู้สึกเอ็นดูลุลา เพราะลูกสาวของเธอดันไปมีอะไรหลายอย่างที่ตรงกับทิพย์นารีตอนสมัยที่เธอยังเป็นสาว ๆ
“เราต้องกลับบ้านแล้ว เอาเป็นว่าเราฝากทิพย์ด้วยนะได้ข่าวอย่างไรก็ส่งข่าว เราจะได้สบายใจถ้าลุลาได้ไปทำงานกับครอบครัวของเธอ”
ทิพย์นารีเอาเรื่องของจันทร์จิราไปเล่าให้กับสามีฟัง เพราะตัวเธอเองไม่ค่อยรู้ว่าครอบครัวมีธุรกิจอะไรบ้าง แต่งงานกันมาหน้าที่หลักของเธอคือผลิตลูกและก็เลี้ยงลูก เพราะมีลูกถึงห้าคนแต่งงานไปแล้วสี่คนเหลือแต่คนเล็กที่ยังไม่ยอมแต่งงานทั้งที่อายุเกือบสามสิบแล้ว
“จบคหกรรม ทำขนมเก่ง ก็คงต้องเป็นร้านกาแฟร้านขนม แต่เราไม่มีธุรกิจเกี่ยวกับพวกนั้นเลยนะ”
พนาศักดิ์นั่งคิดดูแล้ว ธุรกิจของเขาก็ไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวกับทำขนม
ทิพย์นารีเปิดรูปของลุลาให้สามีดู พร้อมกับทำหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนกำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจ
“น่ารักดี ว่าแต่ทำหน้าแบบนี้มีแผนอะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าจะหาเมียให้เหมันต์ ผมว่าไม่ง่ายหรอกนะ ลูกชายเราหวงความโสดจะตาย ขนาดมีแม่ดาราไปหาอยู่บ่อย ๆ ยังไม่คิดจะเล่นกับเขาเลย”
ทิพย์นารียังคงยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว เธอพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ลุลาไปอยู่ที่ไร่ชาของเหมันต์ให้ได้
“พ่อเลี้ยง ตอนนี้ลูกชายเรากำลังจะทำอะไรที่ไร่ชานะ ที่โทรศัพท์มาปรึกษาคุณวันนั้น”
พนาศักดิ์ปรบมือเหมือนว่าเขากำลังคิดหาทางออกให้กับภรรยาได้แล้ว
“ผมคิดออกแล้ว ลูกเราจะเปิดไร่ชาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ลูกโทรมาปรึกษาว่าจะเริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยพัฒนาให้มีที่พักด้วย ผมเลยเสนอลูกไปว่าให้ทำร้านกาแฟที่มีชาของเราขายและจะได้เอากาแฟจากไร่ของคิมหันต์ไปขายด้วย”
สองคนผัวเมียมีความเห็นตรงกัน ว่าที่ร้านกาแฟควรจะมีขนมขายด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่มาเที่ยว ทิพย์นารีรับหน้าที่นี้ในการที่จะบอกกับลูกชายเอง
วันรุ่งขึ้นคนเป็นแม่ก็โทรหาลูกชายทันที เพื่อบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับลุลาให้ลูกชายฟัง พยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังพยายามจับคู่ให้ เพราะถ้าเหมันต์รู้สึกแบบนั้นเขาคงไม่รับลุลาไปทำงานด้วยเด็ดขาด
“ดูแล้วดื้อไม่เบา มาทำงานกับผมแล้วผมจะเอาอยู่ไหมครับคุณแม่”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ลุลาแค่เป็นตัวของตัวเอง เขาอยากทำในสิ่งที่เขารักแต่ครอบครัวเขาอยากให้ลูกรับราชการ แต่เด็กมันไม่ชอบ มันก็อยากจะใช้ชีวิตตามที่เลือก แม่คิดว่าลุลาน่าจะเป็นคนที่มีวินัยเวลาได้ทำงานที่รักเอามาก ๆ เลยแหละ และแม่ก็เชื่อว่าลูกชายของแม่โตพอที่จะทำให้เด็กเพิ่งเรียนจบอย่างลุลาเข้าใจชีวิตมากขึ้น แต่ไม่ต้องทำจนร้องไห้กลับบ้านนะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอพอ”
ทิพย์นารีโล่งใจที่แผนการจับคู่ของเธอสำเร็จ เหมันต์ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เขารู้สึกเหมือนมารดาส่งเด็กสาวที่แสนดื้อมาให้เขาดัดนิสัยก็แค่นั้น
เมื่อแม่ทั้งสองฝ่ายคุยกันจนเข้าใจ จันทร์จิราก็บอกเรื่องนี้กับ ลูกสาวของเธอ ลุลาทำท่าดีใจเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอชอบอยู่แล้ว