มีหวัง
ตอนที่ 3
มีหวัง
“สัปดาห์หน้าลูกก็จะได้กลับมาอยู่เมืองไทยสักทีพ่อกับแม่คิดถึงจะแย่อยู่แล้วรู้ไหม”
พิมพารอการกลับมาของลูกชายใจแทบขาดเพราะเมื่อครั้งที่ลูกชายคนโตเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทก็ใช้เวลาเรียนเพียงแค่สามปีแต่อัศวินกับใช้เวลาเกือบหกปีเต็ม
“ผมก็คิดถึงคุณแม่ครับ เอ่อ...บริษัทเรายังรับซื้อสินค้าจากไร่ของครอบครัวดาอยู่หรือเปล่าครับแม่”
อัศวินถามถึงเพื่อนสาวคนสนิทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเดินทางมาที่ประเทศอังกฤษเขาก็เลือกที่จะไม่รับรู้เรื่องราวที่ประเทศไทยอีกเลยแต่แค่รู้ว่าอีกไม่กี่วันจะได้กลับไปยังประเทศ บ้านเกิดความทรงจำที่เขาคิดว่าลืมมันไปหมดแล้วก็กลับเข้ามาอีกครั้งเหมือนว่าตลอดเวลาเขาไม่เคยลืมมันจากหัวใจ
“เหมือนเดิมเพียงแต่ว่าตอนนี้สินค้าที่ไร่นั้นมีปริมาณ ลดน้อยลงอาจเป็นเพราะพ่อแม่ของศรุดาเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่น่าจะได้ผลกำไรมากกว่า”
พิมพาเล่าเรื่องราวของครอบครัวเพื่อนสนิทให้ลูกชายฟังเพราะตอนนี้ครอบครัวของหญิงสาวหันไปทำเกษตรโดยเน้นการปลูกผลไม้มากกว่าการปลูกพืชพี่เป็นผักเมืองเหนือ
“คุณแม่มีโอกาสได้เจอครอบครัวนั้นบ้างไหมครับ”
“เจอทุกคนนะลูกยกเว้นศรุดาแล้วอย่าบอกนะว่าเราไม่ติดต่อเพื่อนเลยทำไมถึงทำตัวแบบนั้นแต่ก่อนก็เห็นสนิทกันจนตัวจะติดกันอยู่แล้วพอไปเรียนต่างประเทศเข้าหน่อยก็ทำเป็นลืมเพื่อนเลยหรือ”
อัศวินไม่กล้าพอที่จะบอกกับมารดาว่าเขาไม่ได้เป็นฝ่ายที่ไม่ต้องการติดต่อแต่ศรุดาเองต่างหากพี่หนีเขาไปโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเธอไปอยู่ที่ไหนเพราะถ้าบอกมารดาไปแบบนั้นคงต้องถูกคนเป็นแม่ซักไซ้อย่างละเอียดเพื่อหาเหตุผล
วันที่ครอบครัวรอคอยก็มาถึงอัศวินเดินทางถึงประเทศไทยพร้อมด้วยของฝากมากมายตลอดระยะเวลา 5 ปีกว่าที่เขาเดินทางไปอยู่ที่อังกฤษเขาไม่เคยกลับมาที่ประเทศไทยสักครั้ง ครอบครัวจึงต้องเป็นฝ่ายเดินทางไปหาเขา ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในตลอดห้าปีกว่าที่อัศวินได้กลับมาเหยียบประเทศไทยอีกครั้งและมันก็ทำให้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา
“จะออกไปข้างนอกหรือลูกให้คนขับรถขับไปให้ไหมเราไปอยู่ที่อังกฤษตั้งนานเดี๋ยวจะงงกับถนน”
อานนท์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ชั้นล่างเมื่อเห็นลูกชาย คนเล็กคว้ากุญแจรถก็เอ่ยปากทักท้วงเพราะการขับรถที่ประเทศอังกฤษกับที่ประเทศไทยไม่เหมือนกันจึงกลัวว่าอัศวินจะเกิด ความสับสนและจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมอยู่ที่อังกฤษแทบจะไม่ได้ขับรถกลับมาเมืองไทยทั้งทีก็อยากขับรถเองและคงไปไม่ไกลจากแถวนี้คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขับรถชมเมืองหลวงของประเทศไทยในเวลาดึกเพื่อดูแสงสีภายนอกแล้วเวลานี้รถบนถนนก็เริ่มน้อยลงแล้วแต่ทันทีที่เขาขับรถออกจากบ้านหัวใจก็สั่งให้มุ่งหน้าไปยังบ้านของศรุดาทันที
คนที่ยังคงคิดถึงได้แต่จอดรถฝั่งตรงข้ามกับบ้าน สองตามองผ่านกระจกไปยังแสงไฟที่ส่องสว่างมาจากบ้านที่เขาแสนจะคุ้นเคยไฟทุกดวงในบ้านยังคงเปิดเหมือนเดิมยกเว้นแค่เพียงไฟของห้องนอนหญิงสาวที่เขากำลังคิดถึงเธออย่างสุดหัวใจ
“ป่านนี้เธอจะเลิกหนีเราหรือยัง”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง อัศวินตั้งใจว่าจะจอดรถรอดูอยู่ตรงนี้เผื่อบางทีไฟห้องนอนของศรุดาอาจจะเปิดขึ้นเพราะมันจะแสดงว่าหญิงสาวได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เหมือนเดิมแต่จนแล้วจนเล่านาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบตีหนึ่งไฟในบ้านปิดลงและไฟในห้องนอนก็ไม่เคยเปิดขึ้นเลย
บ้านหลังนั้นที่ชายหนุ่มคิดว่าพ่อและแม่ของศรุดายังคงอาศัยอยู่ความจริงตอนนี้ทั้งคู่ปล่อยให้เช่ามาหลายเดือนเพราะต้องหาเงินมาส่งธนาคารที่บ้านหลังนี้ถูกเอาไปจำนองไว้