บท
ตั้งค่า

บทที่ 2-2 พลอยขวัญ

วันต่อมา... ในห้องประชุมย่อย สมาชิกแผนกเข้าร่วมเกือบครบ แต่ละคนเริ่มแชร์งานที่กำลังทำให้พลอยขวัญรับทราบ ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็เปิดออก ยี่หวาในชุดสูทสีฉูดฉาดยืนอยู่หน้าประตู สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้ามานั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะซึ่งเป็นตำแหน่งของหัวหน้า ยี่หวากระแทกตัวนั่ง ส่งสายตาท้าทายพลอยขวัญที่กำลังคุยรายละเอียดงานกับน้องในแผนก ทำเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีคนอยู่ในห้องประชุม

“ไหน ใครมีงานอะไรจะปรึกษาฉันมั้ย”

“เอ่อ พี่พลอยดูแลให้เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ยี่หวา”

น้องน้ำตอบโดยไม่ได้ดูบรรยากาศ พวกแก่พรรษาหน่อยก็พอจะรู้ว่ายี่หวาจงใจเปิดศึก แสดงตัวเป็นหัวหน้าที่แท้จริงของแผนกออกแบบ ยี่หวายิ้มกระหยิ่ม ทุกคนในห้องนี้มีเธอนี่แหละที่ทำงานที่นี่นานที่สุด ทำคอลเล็กชันปังๆ ออกมาเยอะแยะ ดีไซเนอร์ฉาวโฉ่อย่างพลอยขวัญน่ะหรือจะกล้าแตะ

“เรากำลังคุยเรื่องโปรเจคที่ยังค้างอยู่ และงานที่ยังอยู่ติดขัดอยู่ที่เธอ” พลอยขวัญพูดอย่างใจเย็น “เร่งงานให้เสร็จแล้วส่งมอบให้คุณปุ๊กรวบรวมก่อนสิ้นเดือนนี้นะคะคุณยี่หวา ไม่อย่างนั้นเราจะทำไม่เสร็จตามกำหนด”

“แหม วางท่าเป็นหัวหน้าใส่ฉันซะแล้วหรือนี่ แล้วถ้าฉันไม่ทำล่ะ เธอจะทำไม”

“ถ้าไม่ทำงานแล้วมานั่งในห้องประชุมทำไมคะ ที่นี่มีแต่คนอยากทำงานค่ะ ถ้าไม่ทำก็ไปทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อย คงไม่ต้องให้ฉันเขียนใบรายงานส่ง HR ใช่มั้ยคะ”

“นี่เธอ คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

ยี่หวาหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ชักสีหน้าใส่และผุดลุกขึ้นจะโต้เถียง แต่พลอยขวัญก็ยังคงพูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้ยี่หวาทำเช่นนั้น

“ฉันทำให้เธอชอบฉันไม่ได้หรอก ในเมื่อฉันเองก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน แต่สิ่งที่เราจะมีเหมือนกันได้คือความเป็นมืออาชีพ ถ้าเธอแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ฉันจะขอบคุณมาก”

ยี่หวานิ่งค้างอยู่ราวห้าวินาทีก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง

“บอกตามตรง ที่ผ่านมาฉันอิจฉาเหมือนกันนะที่ไม่มีใครหาผลประโยชน์จากเธอเลย เธอเรียนจบแฟชั่นดีไซน์มานี่นะ แล้วความสามารถด้านอื่นล่ะ”

ยี่หวาแกล้งทำเป็นถามเพื่อจะลากเข้าเรื่องในอดีต ซึ่งเป็นแผลใหญ่ของพลอยขวัญ แต่พลอยขวัญพอจะรู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้วจึงรับมืออย่างใจเย็น

“ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นอยู่ในระดับดีเยี่ยม ส่วนภาษารัสเซียในระดับสื่อสารทั่วไปค่ะ และตอนสมัยเรียนมหาลัย ฉันเคยเป็นประธานชมรมการแสดง”

“แหม ฉันคงจะต้องระวังไวยากรณ์เวลาเขียนเมลถึงเธอสินะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณยี่หวา” เมื่อโดนเหน็บมา หลายปีมานี้พลอยขวัญเองก็ไม่ใช่เด็กๆ อีกแล้ว เธอจึงสวนกลับด้วยรอยยิ้ม “เรื่องภาษาที่สื่อสารกันในองค์กร หากสื่อสารกันเข้าใจก็อย่าไปเคร่งครัดเรื่องไวยากรณ์นักเลยค่ะ เธอควรจะระวังการแสดงของเธอจะดีกว่า”

เสียงหัวเราะครืนๆ ดังรอบวง บางคนไม่หัวเราะแต่เห็นได้ชัดว่ากลั้นไว้ ยี่หวาถลึงมองพลอยขวัญราวกับจะหักคอ แต่พลอยขวัญไม่สนใจ ยี่หวาเสียหน้าจึงลุกพรวดออกจากห้องประชุมย่อยไป เดินกระแทกส้นสูงไปฟ้องพี่บุ้งให้จัดการพลอยขวัญ แต่พี่บุ้งบอกเป็นนัยๆ ว่าทำไม่ได้

“ทำไมล่ะคะ พี่ก็รู้ดีว่าคนแบบพลอยขวัญรับผิดชอบงานใหญ่ไม่ได้หรอก ผลงานอะไรก็ไม่มี มีแต่งานออกแบบ เย็บชุดเสร่อๆ ให้เด็กใส่งานกีฬาสี แค่ศักดิ์ศรีก็ต่างกันแล้ว แถมเผลอเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ว่าจะโง่ซ้ำรอยเดิมอีกหรือเปล่า ยี่หวาเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของวงการ พี่บุ้งจะให้ยี่หวาเป็นลูกน้องนางได้ยังไงคะ”

“เฮ้อ แล้วยี่หวาจะให้พี่ทำอะไร”

“ให้นางออกไปค่ะ ถ้านางไม่ออก ยี่หวาจะออกเอง พี่บุ้งก็คิดดูดีๆ ก็แล้วกันค่ะว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าบริษัทขาดยี่หวา”

“โอเค”

ยี่หวายิ้มได้ใจทันที แต่พี่บุ้งก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก แค่สบตานิ่งๆ ประหนึ่งว่าหมดเรื่องพูดแล้ว สีหน้าของยี่หวาจึงแปรเปลี่ยนไปทีละน้อย และออกอาการไม่พอใจ “พี่บุ้ง! พี่บุ้งจะเลือกมัน ไม่เลือกยี่หวาเหรอคะ!!”

“เธอควรจะทบทวนสถานะของตัวเองใหม่นะยี่หวา ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้เหรอ”

“ป...เปล่าค่ะ”

“พี่ก็ไม่ใช่”

“แต่ว่า...”

“แล้วทำไมยี่หวาถึงคิดว่าจะตั้งตัวเป็นอริกับคนที่คุณพชรเลือกมากับมือล่ะ” พี่บุ้งช่วยดึงสติ พอได้ยินชื่อ ‘พชร’ ยี่หวาก็หุบปากเงียบในบัดดล

‘พชร’ คือชื่อของผู้บริหารคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งปี เขาเป็นคนเก่ง เก่งขนาดทำลายสถิติทั้งๆ ที่อายุยังน้อยและได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วย เพราะมีข่าวลือว่าเขาเป็นมาเฟียสายสีเทาค่อนไปทางดำ บ้างก็ว่าเป็นนอมินีให้กลุ่มทุนของเจ้านายพระองค์หนึ่ง ทำให้แทบจะไม่ค่อยมีใครได้เห็นตัวจริงของเขาเลย ทว่ามันก็เป็นแค่ข่าวลือที่เล่ากันปากต่อปาก ขยายความไปเรื่อย จะจริงเท็จอย่างไรก็สุดที่ยี่หวาจะรู้ได้ ซึ่งต่อให้ไม่เป็นความจริง คุณ ‘พชร’ ผู้นี้ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งก็ดีใจหาย ทุ่มทุนไม่อั้นให้บริษัทแสดงฝีมือเต็มที่ แต่หลายครั้งก็ไม่มีใครรับมือไหวและยากจะเดาใจ

“การทำคอลเล็กชันของเธอก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอกนะยี่หวา แต่ถ้าเธอต้องออกแบบและตัดเย็บชุดของเชียร์ลีดเดอร์สามทีมด้วยตัวคนเดียว และงบจำกัดจำเขี่ย เธอทำได้มั้ยล่ะ”

พี่บุ้งวางแฟ้ม ยี่หวาคว้าไปพลิกเปิดดู จากที่พลิกดูเร็วๆ ก็ค่อยๆ ช้าลง ริมฝีปากเม้มแน่น

“พี่พูดในฐานะดีไซเนอร์ด้วยกันนะ ทั้งแพทเทิร์น วัสดุ เทคนิคการเล่นกับผ้าและไอเดียการนำเสนอของพลอยขวัญ เทียบกับงบที่ใช้แล้วถือว่าน่ากลัวเชียวล่ะ ถ้าเธอยังมัวตั้งแง่ไร้สาระอยู่แบบนี้ ระวังนะพลอยขวัญจะทำให้เธอเป็นได้แค่ดีไซเนอร์ทั่วๆ ไป”

ยี่หวากำมือแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมให้พลอยขวัญกลับมาได้เป็นอันขาด

ชีวิตการทำงานของพลอยขวัญเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นทีละน้อย โปรเจคที่เธอต้องรับผิดชอบนั้นเปรียบดั่งบททดสอบว่าเธอพร้อมที่จะรับผิดชอบโปรเจคที่ใหญ่กว่านี้หรือไม่ ซึ่งเบื้องบนให้สิทธิ์เธอเลือกนายแบบเองแล้วจง ‘แต่งตัว’ เขาซะ นำทีมโชว์อัพทักษะทุกอย่างออกมา

ระหว่างที่กำลังถกเถียงเรื่องตารางงานในห้องประชุมย่อยของแผนก ชื่อของคนผู้หนึ่งที่ได้ยินบ่อยๆ ก็คือคุณ ‘พชร’

พวกรุ่นพี่ต่างก็ถกเถียงกันเรื่องจะใส่ชื่อใครเป็นผู้นำเสนองานต่อหน้าผู้บริหารระดับสูง บ้างก็บ่นเรื่องความเผด็จการจนน่ากลัวของเขา ซึ่งทุกคนเรียกเขาลับหลังว่าท่านนายพล พลอยขวัญฟังอยู่เงียบๆ มาหลายวัน สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว เอ่ยถามออกไป

“คุณพชรที่ว่า... เขาดุมากเลยเหรอจ๊ะ”

ภายในห้องประชุมที่มีเสียงคุยจอกแจก พลันเงียบไปทันใด แต่ละคนทำหน้าเหมือนเพิ่งเจอฝันร้าย แต่อีกนัยก็ดูเหมือนทุกคนจะชอบเม้าท์เรื่องผู้บริหารลึกลับคนนี้

“ลือกันว่าต้นตระกูลของเขามาจากฮ่องกง ตอนนี้เป็นมาเฟียอยู่ที่นั่น ท่านจอมพลก็เลยสั่งการผ่านโทรศัพท์”

“ไม่เคยมีใครเจอเขาเลยเหรอ”

“มีนะ แต่น้อย ตอนนี้น่าจะมีแค่ระดับผู้บริหารที่รู้ อ้อ... แล้วก็พี่โข่งกับพี่บุ้งก็เคยเจอคุณ ‘พชร’ ตอนเจรจาซื้อบริษัทครั้งหนึ่ง ได้ยินคนพูดกันว่าเขาอายุยังน้อย”

“ไม่รู้ทำไมเขาซื้อบริษัทนี้มาในราคาเหมือนได้เปล่า แล้วก็ไล่คนเก่าออกไปเรื่อยๆ อย่างยัยบุ๋มฝ่ายจัดซื้อไม่รู้ไปทำอะไรเข้า โดนไล่ออกฟ้าผ่าแถมโดนฟ้องร้องมีคดีติดตัวอีกต่างหาก”

“ใช่ๆ โดนไล่บี้ทุกแผนกเลย ที่โดนหนักที่สุดก็คือแผนกออกแบบนี่แหละ พี่บุ้งเกือบหนีบวช” เมื่อพูดคุยมาถึงตรงนี้ ทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบ พลอยขวัญอยากจะฟังต่อ แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเสียงพูดขึ้นมาสักเท่าไหร่

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

“ก็เรื่องของพี่พลอย... คุณ ‘พชร’ โกรธจัดมาก... ถึงกับเรียกเก็บคอมที่ทุกคนใช้ไปตรวจสอบ”

พูดแค่นี้พลอยขวัญก็พอจะปะติดปะต่อได้ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ คนที่ถูกสั่งให้ออกจากงานล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องในครั้งนั้น เอาเข้าจริงคนแรกที่เขาควรคิดบัญชีคือเธอมากกว่านะ งานอยู่ในความรับผิดชอบของเธอกลับหลุดออกไปถึงมือคู่แข่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังจับตัวคนทำไม่ได้และเธอก็ไม่สามารถเคลียร์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้...

มิน่าเล่าตอนที่ทุกคนรู้ว่าพลอยขวัญกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งถึงได้ทำหน้าสยดสยองกันไปหมด

เธอต้องป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาอีก...

“เขาไม่เคยไว้หน้าใครเลย ปรับนู่นเติมนี่ตามใจชอบจนเละเทะไปหมด”

“แต่หนูชอบนะคะ” น้องน้ำพูดโพล่งออกมา “บริษัทดูเฟรซซี่สมกับเป็นบริษัทดีไซน์เนอร์เสื้อผ้า ไม่ทึมทึบเหม็นกลิ่นพวกดัดจริตไฮโซแบบเมื่อก่อนแล้วด้วย”

ข้อนี้พลอยขวัญเห็นด้วยกับน้องน้ำ เมื่อก่อนบริษัทค่อนข้างรักษาความเป็นชนชั้นผู้ลากมากดี แต่ตอนนี้บริษัทเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด ดูคึกคักมีชีวิตชีวา กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด แถมยังปรับปรุงให้ทันยุคสมัย พวกเด็กรุ่นเจน Z ลงไปถูกใจกันมาก บริษัทกำลังสะสมขุมพลังเพื่อรอเปิดตัวแบรนด์ใหม่ POLY อย่างอลังการ ซึ่งทีมออกแบบผลิตภัณฑ์จะต้องตอบสนองความคาดหวังนั้น

ว่าแต่ถ้าเขาเป็นมาเฟียจริง แล้วจะว่างงานถึงขนาดมาเทคโอเวอร์บริษัทเสื้อผ้าเล่นๆ เชียวหรือ

“จริงสิ ไม่ทราบว่ามีใครพอจะทราบข้อมูลนายแบบที่เราต้องออกแบบชุดให้มั้ยคะ”

“เรายังไม่รู้จนกว่าจะคัดตัวนายแบบเสร็จค่ะ”

น้องน้ำเป็นผู้ตอบ คงเพราะเข้ามาทำงานหลังจากเกิดมหากาพย์หลายปีก็เลยยังพอเป็นมิตรอยู่บ้าง อีกทั้งมิได้ตัดสินใครจากคำนินทา แต่จะวัดกันที่ผลงาน ส่วนพวกคนเก่าๆ แก่ๆ ต่างเมินพลอยขวัญไปนานแล้ว พลอยขวัญได้แต่ปลอบตัวเองในใจว่า ‘ยังไหวๆ’

“แล้วกำหนดคัดตัวนายแบบวันไหนหรือคะ”

“วันนี้ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel