บทที่ 1 กลับมา
พลอยขวัญพยายามยืนขึ้นอีกครั้งด้วยการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า ทำแบรนด์ขายทางออนไลน์ แต่น่าเสียดายที่มันล้มเหลว ประสบการณ์ของเธอยังน้อยนิด น้อยเกินไปที่จะออกมาเผชิญโลกความเป็นจริง สุดท้ายก็เหลือเพียงใบแจ้งหนี้รวมประมาณสามล้านบาท
ดีไซเนอร์ดาวรุ่งดับแสงลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ใครๆ ต่างก็คิดว่าเธอคงจะหายหน้าไปจากวงการ ไม่ก็กลับไปสานต่อธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของครอบครัว แต่ธุรกิจนั้นก็ต้องปิดตัวไปเพื่อปิดยอดหนี้ธนาคาร พลอยขวัญเคยคิดที่จะหันหลังให้อาชีพที่รักนี้อย่างถาวรอยู่เหมือนกัน แต่ขณะเก็บข้าวของไปทิ้งก็บังเอิญเจอเสื้อแจ๊กเกตที่เธอตัดเย็บให้เด็กคนนั้น
ความรู้สึกมากมายพรั่งพรู ทั้งความสุข ความหวัง เจ็บปวดไร้ค่าและสูญเปล่า มันประดังประเดเข้ามา เหลือเพียงน้ำตา
เธอจะปามันทิ้งลงถังขยะ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ลง
ไม่รู้เหตุผลใดที่เธอยังจดจำแววตาดีอกดีใจของเด็กคนนั้นได้ ตอนที่เธอบอกว่าจะเย็บเสื้อตัวนี้ให้ รอยยิ้มของเด็กคนนั้นทำให้พลอยขวัญมุ่งมั่นเรียนตัดเย็บแฟชั่นดีไซน์ แต่ทว่าทุกอย่างพังภินท์ไปหมดแล้ว ไม่เหลือใคร ไม่มีอะไรเหลือ ชีวิตของเธอเหลือเพียงเธอตัวคนเดียวแล้วจริงๆ พลอยขวัญจึงซบหน้าลงกับเสื้อแล้วร้องไห้เงียบๆ
เกิดเรื่องเกิดราวหนักขนาดนี้ คนในแวดวงแฟชั่นก็มีแต่ความสมเพชให้ พวกเขากลับนึกไม่ถึงว่าคุณหนูพลอยขวัญจะยังคงทำงานที่รักต่อไปด้วยการรับงานตัดเย็บผ้าโหลอยู่ที่บ้าน รับจ้างเขียนแพทเทิร์นให้ร้านทำชุดกีฬาสีตามโรงเรียน และที่ชวนอึ้งไปกว่านั้นก็คือเธอช่วยงานโรงเรียนการอาชีพแถวบ้าน สอนนักเรียนภาควิชาตัดเย็บเครื่องแต่งกาย แลกกับเงินค่าสอนเดือนละห้าพัน ทำงานหาเลี้ยงตัวเองและใช้หนี้ไปเรื่อยๆ พร้อมกับคอยนำภาพผลงานที่เธอออกแบบไปนำเสนอ แต่พอพวกเขาเห็นชื่อเธอก็บอกปัดปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
เพื่อดิ้นรนหาทางรอด พลอยขวัญตัดสินใจขายคอนโดและรถที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัว นำเงินไปใช้หนี้ที่เกิดจากการทำธุรกิจล้มเหลว จากนั้นก็ย้ายไปเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่
คุณหนูโปรไฟล์ดี หน้าตาสะสวย เป็นนักเรียนจบนอก มีผลงานรางวัลประกวดยาวเหยียด กลับจากนอกก็มีพี่ๆ ในวงการแย่งตัวกัน เคยทำงานสวยหรูในบริษัทชั้นนำเงินเดือนเหยียบแสน กลับไร้หนทางจนต้องยอมรับงานกิ๊กก๊อกเงินน้อยเช่นนี้ คนที่รู้ต่างก็นึกไม่ถึงว่าคุณหนูพลอยขวัญจะตกต่ำได้ถึงขนาดนี้
เวลาคนในแวดวงเอ่ยถึงพลอยขวัญจึงเรียกเธอว่า ‘แม่นางฟ้าคนนั้น’ แล้วหัวเราะคิกคักสมน้ำหน้า คนในวงการจดจำชื่อพลอยขวัญว่าเป็นแค่โจ๊กเรื่องหนึ่งที่เอาไว้เล่าสู่กันฟังเท่านั้นเอง
หลายปีผ่านไป อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านเลยไป
รถคันหรูน่ารักแล่นเข้ามาจอดใต้อาคารบริษัท ประตูรถเปิดออก รองเท้าส้นสูงคู่สวยก้าวลงมาอย่างสง่างาม เดินเฉิดฉายเข้าไปในบริษัทด้วยความมั่นใจ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผมหรือเครื่องประดับล้วนแล้วแต่ติดตามเทรนด์แฟชั่น ทำให้เธอดูดีจนใครต่อใครมองตามและชื่นชม
“สวัสดีค่ะคุณยี่หวา”
“สวัสดี” ยี่หวาเดินเชิดหน้าเข้าบริษัทออกแบบแฟชั่น ซึ่งเธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่เรียนจบ จนตอนนี้ได้เป็นระดับหัวหน้าโปรเจคแล้ว เธอแวะเช็คเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองที่ห้องน้ำของบริษัท ทุกอย่างไร้ที่ติ ตอนนี้บริษัทกำลังพบจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อมีผู้บริหารคนใหม่เข้ามาถือหุ้นมากกว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ และมีคำสั่งให้รีแบรนด์ใหม่ ยกระดับบุกตลาดต่างประเทศเต็มตัว ซึ่งขยายขอบเขตงานให้ครบวงจรนับตั้งแต่จัดตั้งโรงงานสิ่งทอ การออกแบบตัดเย็บ โมเดลลิ่งรวมไปถึงทำการตลาดและจัดจำหน่าย
ชื่อแบรนด์ใหม่ก็คือ POLY
ชื่อนี้ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะนึกถึง ‘แม่นางฟ้าคนนั้น’ ยี่หวาอมยิ้มที่มุมปาก ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่าถ้าไม่อยากจบแบบพลอยขวัญ ใครหน้าไหนก็อย่าทำตัวเด่นเหนือยี่หวาเป็นอันขาด ช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ จู่ๆ พี่บุ้งก็รีโนเวทห้องทำงานส่วนตัวใหม่เอี่ยมสวยปิ๊ง ยี่หวาเลียบๆ เคียงๆ ถามแล้ว พี่บุ้งบอกว่าทำห้องไว้ให้หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ยี่หวาจึงเริ่มฝันหวาน เพราะอายุงานของเธอถือว่าอาวุโสที่สุด ฉะนั้นหัวหน้าฝ่ายจะเป็นใครที่ไหนได้นอกจากยี่หวาคนนี้
ยี่หวาตระเตรียมข้าวของส่วนตัว สั่งเฟอร์นิเจอร์ เตรียมย้ายโต๊ะทำงานเข้าไปในห้องสวยหรูนั้น ขณะที่ยี่หวากำลังสั่งให้เด็กฝึกงานยกแจกันดอกไม้สุดอลังการเข้าไป เสียงฮือฮาอื้ออึงก็ดังขึ้น ยี่หวาหันหน้ากลับไปตามเสียง
“สวัสดีค่ะ”
พลอยขวัญเดินเข้ามาและยกมือไหว้สวัสดีพี่บุ้งอยู่ที่ด้านนอกแผนก ยี่หวาก็ตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า
“แม่นางฟ้ากลับมาได้ยังไง?!”