โง่
ชานนท์....
คืนนี้ผมมีนัดเพื่อนของผมไว้ ผมกับพวกมันไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ผมย้ายไปเรียนต่อเมืองนอก พอมันรู้ว่าผมกลับมามันก็เลยชวนผมมากินเหล้าที่ผับ
"ไอ้นนท์เพื่อนรักกูกลับมาแล้วโว๊ยยยแบบนี้ต้องฉลองทั้งคืน" ไอ้ทิวพอมันเจอหน้าผมมันก็รีบเดินมาหาแล้วพาผมไปนั่งที่โต๊ะทันทีก่อนจะจัดการเทเหล้าใส่แก้วให้ผม
"กูโคตรคิดถึงมึงเลยว่ะไอ้นนท์ไม่เจอมึงแม่งเป็นสิบปีเป็นไงบ้างวะ"
"ก็ดี" ผมตอบไอ้หมีเพื่อนผม พวกมันเป็นเพื่อนผมสมัยเด็กแล้วถึงจะไม่ได้เจอกันแต่พวกผมก็ติดต่อกันตลอด
"กูเสียใจเรื่องพ่อมึงด้วยนะเว้ย"
"อืม"
"ว่าแต่มึงจะกลับไปเรียนต่อที่อังกฤษอีกไหมวะ"
"ไม่อ่ะ กูว่าจะเรียนต่อที่นี่เลย"
"ดีว่ะว่าแต่มึงจะเรียนที่ไหนวะที่เดียวกับพวกกูไหม"
"ไม่อ่ะ กูไปสมัครที่มหาลัยKมาแล้ว"
"โหเขาว่ามหาลัยนั่นสอบยากชิบหายมึงสอบติดได้ไงวะพวกกูยังไม่ติดสักคน"
"มึงมันโง่ไงไอ้หมี มึงลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้นนท์อ่ะมันสอบได้ที่หนึ่งตั้งแต่อนุบาล"
"เออนั่นดิกูก็ลืมไป"
"ว่าแต่มึงกลับมาเรียนต่อที่นี่ยัยซอลลี่แฟนมึงไม่ตามมาด้วยเหรอวะ"
"มีสิทธิ์อะไรมาว่าแล้วอีกอย่างกูกับซอลลี่ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ"
"อ่าวยังไงวะ"
"กูกับซอลลี่ก็แค่คบกันหลอกๆเพราะกูไม่ชอบให้ใครมาสนใจกู ใครเข้าหากูกูก็จะตอบว่ามีแฟนแล้วแค่นั้น" อยากจะบอกว่าตอนที่ผมเรียนที่โน่นมีผู้หญิงเข้าหาผมเยอะมากทั้งคนไทยด้วยกันทั้งต่างชาติจนผมรำคาญผมไม่ชอบให้ใครมาตอแยวุ่นวายผมชอบอยู่คนเดียวผมก็เลยขอร้องให้ซอลลี่เพื่อนของผมช่วยเป็นไม้กันหมาให้หน่อยซึ่งซอลลี่เองก็ยอมเป็นแฟนหลอกๆให้ผมมาตลอด ซอลลี่เธอเป็นลูกครึ่งและด้วยความบังเอิญเธอเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ผมเอง แม่ของซอลลี่ท่านแต่งงานจากนั้นก็ย้ายตามสามีนักธุรกิจมาอยู่ที่นี่ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าซอลลี่เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่จนกระทั่งวันหนึ่งแม่ของซอลลี่มารับซอลลี่ที่โรงเรียนจู่ๆท่านเข้ามาทักผมเพราะท่านคุ้นหน้าผมท่านเคยเห็นแม่ผมโพสต์รูปผมตอนเด็กมันก็เลยทำให้ผมรู้ว่าท่านเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับแม่ของผม มันก็เลยทำให้ผมเปิดใจยอมรับซอลลี่เป็นเพื่อน อาจจะด้วยนิสัยของซอลลี่ด้วยซอลลี่เป็นผู้หญิงห้าวๆนิสัยผู้ชายไม่จู้จี้จุกจิกคุยด้วยแล้วสบายใจผมก็เลยคบกับเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว
"แล้วมึงคิดว่ามาเรียนที่นี่จะไม่มีใครสนใจมึงว่างั้น มึงแม่งทั้งหล่อแล้วก็รวยขนาดนี้มึงเตรียมตัวไว้ได้เลยสาวๆว้าวุ่นทั้งมหาลัยแน่"
"กูมีวิธีของกูพวกมึงไม่ต้องห่วง"
เวลาต่อมา.....
"กูจากลับแล้ว" ผมลุกขึ้นยืนโงนเงนอยู่ที่โต๊ะจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่มึนมึนหัวไปหมดไม่รู้พวกมันเอาอะไรให้ผมกิน
"มึงขับรถกลับไหวไหมวะไอ้นนท์"
"ไหวกูไหว" ผมตอบพวกมันทั้งที่สติก็ไม่ได้เต็มร้อย หรือเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ดื่มแอลกอฮอล์ก็เลยเมาง่ายเมาเร็ว
"สภาพนี้กูว่าไม่น่าไหวว่ะเห้ยไอ้หมี กูว่ากูกับมึงคงจะต้องไปส่งมันที่บ้านแล้วล่ะกูเป็นห่วงมัน"
ผมไม่รู้ว่าพวกมันพาผมกลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่จนกระทั่งมันสองคนเอาผมลงจากรถ
"ขอบใจพวกมึงมากที่มาส่งกู" ผมที่ยังพอมีสติหันไปขอบใจพวกมันไอ้หมีเอาผมนั่งมาด้วยส่วนไอ้ทิวมันขับรถผมตามหลังมา
"ถ้างั้นพวกกูกลับก่อนนะไว้เจอกันเพื่อน"
"อืมขับรถกลับกันดีๆล่ะ" พอพวกมันขับรถกลับออกไปผมก็เดินเข้าบ้านในสภาพที่ไม่ไหวคืนนี้คงได้นอนโซฟาเพราะผมคงไม่มีแรงเดินขึ้นไปชั้นบน
กุก กุก กัก กัก ผมที่กำลังจะงีบหลับจู่ๆก็สะดุ้งตื่น ผมพยายามเงี่ยหูฟังมาเสียงมาจากไหนผมฟังจนมั่นใจว่ามันดังออกมาจากข้างในครัวผมมองดูเวลาตอนนี้ก็ใกล้จะตีหนึ่งแล้วทำไมแม่บ้านยังไม่นอน ด้วยความสงสัยผมก็เลยพาร่างที่แทบจะไม่มีแรงเดินเดินเข้าไปที่ในครัวเพื่อดูว่าใครอยู่ในนั้น
ปิ่นปัก.....
"หิวจัง" ฉันบ่นกับตัวเอง ปกติฉันจะไม่ค่อยหิวกลางดึกเท่าไหร่แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆก็เกิดหิวขึ้นมา หรืออาจจะเป็นเพราะเมื่อตอนเย็นฉันไม่ได้กินข้าวเนื่องจากว่าวันนี้ฉันเลิกเรียนค่ำเพราะฉันต้องซ้อมดรัมเมเยอร์จนค่ำพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่เหลืออะไรให้ฉันกินแล้วพอถามป้าจิตแกก็บอกว่าแกทิ้งไปหมดแล้วเพราะคิดว่าฉันไม่กิน ฉันรู้ว่าป้าแกไม่ชอบหน้าฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่ไม่ใช่แค่ป้าจิตคนเดียวหรอกที่ไม่ชอบฉันทุกคนที่นี่ก็ไม่ชอบฉันเหมือนกันเพียงแต่ว่าเมื่อก่อนตอนที่แม่ฉันยังอยู่ทุกคนก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกมาแต่มาตอนนี้ทุกคนแสดงออกชัดเจนว่าเกลียดฉันมากแค่ไหน เหมือนตอนนี้ฉันไม่เหลือใครเลยเหมือนฉันอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังนี้พี่แจ่มก็ไม่อยู่แล้วแต่ก็ดีแล้วล่ะเพราะถ้าพี่แจ่มอยู่แกอาจจะไม่มีความสุขก็ได้
ตอนนี้ฉันรอน้ำร้อนเดือดเพื่อที่จะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานเพราะมันเป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่พอจะประทังความหิวได้ในตอนนี้ อันที่จริงอาหารที่ดีกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็มีแต่ฉันก็ไม่กล้าจะหยิบอะไรมากินเพราะฉันกลัวป้าจิตแกจะบ่น
วี๊ดดดด วี๊ดดดด เสียงกาน้ำร้อนดังแล้วฉันยิ้มอย่างดีใจเพราะตอนนี้ฉันหิวมาก ฉันรีบปิดแก๊สแล้วเทน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่ทันที
"มาทำอะไรดึกๆดื่นๆในครัวห๊ะ" ฉันตกใจเมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านหลังพอหันไปเจอหน้าพี่นนท์ฉันก็ตกใจซ้ำสองจนทำให้ฉันเทน้ำร้อนลวกมือตัวเองอย่างไม่ทันระวัง
"โอ๊ยยยย" ฉันรีบปล่อยกาน้ำร้อนจนมันล่วงลงพื้นด้วยความตกใจ แล้วน้ำร้อนในกามันก็ไหลนองที่พื้นมันไหลมาจนถึงตรงที่ฉันยืนทำให้เท้าของฉันถูกน้ำร้อนลวกไปด้วย ฉันรีบเดินถอยหลังออกมาด้วยความปวดแสบปวดร้อน ฉันไม่กล้าร้องออกมาเพราะกลัวเขาจะไม่พอใจ
"โง่!!!" แทนที่เขาจะถามฉันว่าเป็นยังไงบ้างเพราะเขาก็เห็นว่าฉันโดนน้ำร้อนลวกแต่เขากลับด่าว่าฉันโง่ ฉันพยายามไม่สนใจรีบเดินไปหาผ้ามาเช็ดพื้นแม้ว่าฉันจะแสบเท้าแสบมือมากแค่ไหนก็ตาม ตอนนี้ความหิวไม่หลงเหลืออยู่แล้วฉันก้มลงเช็ดพื้นทั้งน้ำตาด้วยความเจ็บปวดมันปวดทั้งมือทั้งเท้าเลยถ้าพี่แจ่มยังอยู่แกคงรีบไปเอายามาทาให้ฉันแต่ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลย ฉันจะเจ็บหรือจะเป็นอะไรก็คงไม่มีใครสนใจโดยเฉพาะคนตรงหน้าที่ตอนนี้เขากำลังยืนจ้องหน้าฉันอยู่ด้วยสายตาเกลียดชังไม่เคยเปลี่ยน
หลังจากจัดการทำความสะอาดพื้นเสร็จแล้วฉันก็รีบพาตัวเองกลับห้องนอนเพราะนี่มันก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้ฉันต้องออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้ามืด คือตอนนี้ฉันไม่ได้มีรถรับส่งเหมือนเมื่อก่อนฉันต้องเดินออกไปขึ้นรถเมล์ตรงหน้าปากซอยทุกวันเป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโล อันที่จริงฉันจะเรียกแท็กซี่ให้มารับที่หน้าบ้านก็ได้แต่ค่าโดยสารมันแพงเกินไปฉันคงจ่ายไม่ไหว คือตอนนี้ฉันไม่กล้าใช้เงินเท่าไหร่แม้ว่าพี่นนท์จะให้เงินฉันไปโรงเรียนเหมือนที่แม่เคยให้ก็ตามแต่ฉันก็กลัวเขาจะว่าให้ฉันอีกว่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายฉันก็เลยต้องขึ้นรถเมล์ทั้งไปทั้งกลับเพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย
แต่ในขณะที่ฉันกำลังเดินกลับห้อง ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามฉันมาฉันหันไปมองแวบหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาเดินตามฉันมาทำไมแต่ฉันก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวว่าเขาจะหาว่าฉันคิดไปเอง ฉันเดินมาจนถึงหน้าห้องนอนของตัวเองพอฉันจะปิดประตูเขาก็เอามือมาขวางไว้
"พี่นนท์!!!!พี่จะทำอะไรคะ" ฉันถามเขาด้วยความตกใจเพราะเขาไม่ยอมเอามือออกจากประตูห้องนอน
"กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่ใช่พี่ชายมึงมึงไม่ต้องมาเรียกกูว่าพี่!!!" เขาตะคอกใส่ฉันขึ้นมึงขึ้นกูใส่ซึ่งฉันเพิ่งสังเกตว่าท่าทางและคำพูดของเขามันเหมือนคนเมา ตอนแรกฉันไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่จนกระทั่งได้กลิ่นเหล้าออกจากจากตัวเขาซึ่งมันมีทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ตลบอบอวนไปหมดจนฉันต้องเอามือปิดจมูกเพราะฉันไม่ชอบกลิ่นพวกนี้มันเวียนหัว
"ทำไมต้องปิดจมูก รังเกียจอ่อ??" เขาขยับเข้ามาใกล้เหมือนแกล้งฉันรีบถอยหลังทันที
"ปะเปล่าค่ะ" ฉันรีบปฏิเสธแต่เขากลับยิ้มเหมือนมีอะไร สักพักเขาก็ผลักตัวฉันเข้ามาในห้องแล้วเขาก็ก้าวขาตามเข้ามา
"คะ คุณนนท์จะทำอะไร ออกไปจากห้องปิ่นเดี๋ยวนี้นะ"
"กูเป็นเจ้าของบ้านกูจะเข้าออกห้องไหนก็ได้ทั้งนั้น"
"แต่นี่มันห้องนอนปิ่น"
"แล้วไง"
"ปิ่นว่าคุณนนท์ออกไปก่อนดีกว่านะคะใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี อีกอย่างคุณก็เมามากด้วย"
"ทำไม กูเมาแล้วทำไมหรือว่ามึงกลัวว่ากูจะทำอะไรมึงงั้นดิ"
"........" ฉันไม่ตอบเพราะฉันรู้ว่าเขาคงจะทำอะไรฉันหรอกเขาเกลียดฉันมากขนาดนี้
"ถึงกูจะเมากูก็ไม่เอามึงหรอกปิ่นเพราะกูขยะแขยงมึงยิ่งกว่าอะไร"
"ปิ่นทราบค่ะว่าคุณเกลียดปิ่นไม่ต้องบอกก็รู้"
"ก็ดีที่รู้ หึ"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วปิ่นว่าคุณนนท์ออกไปจากห้องปิ่นดีกว่ามั้ยคะ"
"กูจะไปหรือไม่ไปมันก็เรื่องของกู" ฉันถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับคนตรงหน้า เขาเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆห้องนอนของฉัน
"จนถึงป่านนี้มึงยังกล้าเก็บรูปถ่ายนั่นไว้อยู่อีกเหรอกูนึกว่าเผาทิ้งไปหมดแล้วซะอีก" ฉันหันไปมองทางที่เขามอง เขามองไปที่กรอบรูปครอบครัวมีฉันมีแม่แล้วก็มีคุณพ่อมันเป็นรูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่ฉันมีอยู่ แล้วจู่ๆเขาก็ทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าเขาจะทำ เขาเดินไปหยิบกรอบรูปนั้นแล้วโยนมันลงพื้นแล้วเหยียบจนกรอบรูปแตกละเอียด
"คุณนนท์ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับของๆปิ่น" ฉันผลักเขาต่อว่าเขาอย่างไม่กลัวเพราะรูปนั้นมันมีค่าสำหรับฉันมากเพราะมันเป็นรูปถ่ายเพียงใบเดียวที่ฉันมีอยู่เพราะรูปอื่นๆเขาสั่งในคนเผาทิ้งไปหมดแล้วรวมถึงของใช้ทุกอย่างของแม่ด้วย
"กูมีสิทธิ์ทำมากกว่านี้อีกถ้ากูพอใจที่จะทำ"
"ว๊ายยย" แล้วร่างกายของฉันก็ถูกกระชากโยนลงไปบนเตียง