บทที่ 9
"เปิดโลเคชั่นให้ผมดูหน่อย" เขาพูดขึ้น หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามานั่งภายในรถพร้อมทั้งคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว
"แปปนึงนะ ฉันเคยไปร้านอาหารของปุยฝ้ายอยู่ จำได้ว่าเคนน่าจะส่งโลเคชั่นมาให้ในไลน์" คนตัวเล็กกว่าว่าพลางปัดนิ้วมือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เพื่อค้นหาข้อความจากพระเอกหนุ่ม ก่อนจะหันมาสะกิดต้นแขนเขาเมื่อเธอเจอเป้าหมายแล้ว
"อันนี้ๆ ฉันวางโทรศัพท์ไว้ตรงนี้นะคุณ ถ้าจากนี่ไปจะไกลไหมอะ" มาริสาถามด้วยความสงสัย เนื่องจากปกติเธอไม่เคยขับรถในระยะไกลๆ ด้วยตัวเอง และที่ได้ไปครั้งก่อนก็เพราะผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนพาไป
"ไม่เท่าไหร่ ขึ้นทางด่วน แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึง"
"ใช้เวลานานแค่ไหนคะ" นางเอกสาวถามอย่างสุภาพเพื่อเอาใจ เผื่อว่าจะทำให้เขาพาเธอไปถึงที่หมายเร็วขึ้น
"เกือบๆ สองชั่วโมงได้"
"หะ !?"
"นี่ก็ไวสุดแล้ว นั่นราชบุรีนะคุณมัด ไม่ใช่หน้าปากซอยบ้าน" ธารวิชญ์บอกเสียงเข้มเพื่อปรามให้คนเอาแต่ใจเลิกทำหน้าตาหงุดหงิดใส่เขา
ทว่า...
"ที่มันถึงช้าเพราะคุณขับรถช้าหรือเปล่าเถอะ รอบก่อนที่ฉันมากับพี่จีจี้ยังไวเลย แปปเดี๋ยวก็ถึงแล้ว หลับยังไม่ทันหายง่วงเลยด้วยซ้ำ"
"ที่มันไม่นานเป็นเพราะคุณยังไม่หายง่วงเนี่ยนะ" ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าเอือมระอา ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาดันศีรษะเล็กของคู่สนทนาให้แนบลงไปกับเบาะดันหลัง แล้วถือวิสาสะเอี่ยวตัวไปปรับเบาะลงให้เธอ
"จะทำอะไรน่ะ"
"ก็รอบที่แล้วคุณนอนหลับไปตลอดทางไม่ใช่หรือไง รอบนี้ก็นอนบ้างสิ จะได้ไปถึงแล้วเร็วๆ" ธารวิชญ์ที่ใช้ความกวนเข้าสู้บอกกลั้วหัวเราะ
"อะไร หัวเราะอะไร เดี๋ยวนี้มนุษย์ขั้วโลกอย่างคุณจะหัวเราะบ่อยเกินไปแล้วนะ"
"แล้วมันไม่ดีหรือไง นอนไปได้แล้วครับ หลับตา" เขาใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มบอกเธอ ก่อนจะใช้ฝ่ามือหนาปิดเปลือกตาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเบาๆ
"ไม่เอา ถ้าฉันอยากหลับ เดี๋ยวก็หลับเองนั่นแหละน่า"
ชายหนุ่มคิ้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้ายังคงเอาแต่ใจกับเขาแบบเสมอต้นเสมอปลาย แถมยังทำท่าจะลุกขึ้นมานั่งแบบคนที่พร้อมจะขัดคำสั่งเต็มที่อีก
ยอมรับเลยว่าเขากำลังหงุดหงิด
เพราะดูท่าทางเธอจะร้อนรนกับเรื่องของพระเอกคู่จิ้นเสียเหลือเกิน ร้อนรนจนน่าหมั่นไส้ ร้อนรนจนเขาอยากจะพายายตัวร้ายที่ชอบขัดคำสั่งกลับไปขังไว้ที่บ้านซะเดี๋ยวนี้
ดื้อ!
"นี่ผมถามจริงๆ เถอะนะคุณมัด พระเอกของคุณกับแฟนเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงได้อยากรีบไปนัก"
เจ้าของร่างบางปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวและผุดลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าอธิบายอยาก ในขณะที่คนตัวโตจ้องหน้าเธอนิ่งอย่างรอคอยคำตอบ
"ก็เรื่องข่าวที่ฉันเข้าโรงแรมกับเคนนั่นแหละ"
ธารวิชญ์ได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาคิดไว้แล้วไม่มีผิด เป็นแฟนใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น มีแต่คนตรงหน้าเขาเนี่ยแหละ ที่คิดอะไรแตกต่างจากชาวบ้านเขาไปหมด
"ความจริงยายปุยฝ้ายนั่นก็น่ารักดีนะ นิสัยก็ออกจะเรียบร้อยอ่อนหวานน้ำตาลเรียกพี่ แต่ทำไมถึงได้ขี้งอน ขี้น้อยใจนักก็ไม่รู้ ฉันเห็นเคนตามง้อแม่นั่นเช้า สาย บ่าย เย็น จนเหนื่อยแทนเลยอะ เป็นฉันนะ...ไม่มีทางง้อหรอก งอนเองก็หายเองเถอะ"
เป๊าะ!
ทันทีที่เธอพูดจบ หน้าผากมนที่รับกับใบหน้าเป็นอย่างดีก็ถูกเขาดีดเข้าให้ ทำเอาคนถูกทำร้ายร่างกายหันมามองเขาตาเขียวปั๊ด
"ดีดทำเนี่ย มันเจ็บนะ"
ธารวิชญ์ขึงตาตอบกลับ ก่อนจะเริ่มสวมบทเป็นคุณครูสั่งสอนคู่หมั้นจอมดื้อของตัวเองบ้าง
"หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะคุณมัด ไม่มีใครเขาคิดเหมือนคุณไปซะหมดหรอก ถึงคุณปุยฝ้ายเขาจะขี้งอน ขี้น้อยใจมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ถ้าคุณเคนพอใจที่จะตามง้อซะอย่าง คุณก็ไม่ต้องเหนื่อยแทน"
"แหม... ฉันก็แค่รู้สึกแทนเพื่อน" เธอเถียง
"คุณใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินต่างหาก"
"ชิ! ก็เคนเป็นเพื่อนฉัน ฉันจะรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนไม่ได้หรือไง" คนเอาแต่ใจโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้
"แล้วถ้าแฟนของคุณมีข่าวว่าเข้าโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่นบ้างล่ะ คุณยังจะยิ้มอยู่ไหม" เขาถาม
"บ้าสิ ใครจะไปยิ้ม"
"เห็นไหม"
"ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้าแฟนฉันเข้าโรงแรมกับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่ปล่อยไว้หรอกย่ะ แต่...บางทีมันก็มีเหตุผลนะ ทำไมไม่ฟังกันก่อน" มาริสาบอกเสียงอ่อยในตอนท้าย เมื่อนึกถึงกรณีของเธอกับคณิณ
"ก็คนเราคิดไม่เหมือนกันไงครับ"
"แต่ว่า..."