บทที่ 10
"ต่อให้คุณสองคนมีหลักฐานว่าบริสุทธิ์ใจแค่ไหน แต่ถ้าคนมันจะคิดน่ะ ยังไงก็ไม่สบายใจอยู่ดีนั่นแหละ" ร่างสูงอธิบายอย่างเข้าอกเข้าใจแฟนสาวของคณิณสุดๆ
"เฮ้อ... นี่ขนาดแค่เข้าโรงแรมนะ ยังหึงยังหวงขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าเมื่อก่อนฉันกับเคนเมาหนักมาก แล้วเกือบได้เสียเป็นผัวเป็นเมียกัน ยายนั่นจะไม่อกแตกตายเลยหรอ" นางเอกสาวบ่นกระปอดกระแปด ทว่าคนฟังกลับเบิกตากว้างเมื่อได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน
"ว่าไงนะ !?"
"เอ๊ะ! จะตะโกนทำไม นั่งใกล้กันแค่นี้เอง" เธอบ่น
"เมื่อกี้คุณบอกว่าไงนะ"
"เมื่อสี่ปีก่อนตอนงานปิดกองละคร ฉันกับเคนเมาหนักมาก จนเกือบได้เสียเป็นผัวเป็นเมียกันแล้ว แค่นี้แหละ ได้ยินชัดไหม" มาริสาพูดย้ำพร้อมทั้งอธิบายเหตุการณ์คร่าวๆ ไปด้วย
"ทำไมถึงทำแบบนี้" เขาถามเสียงเข้ม
"นี่ๆ ไม่ต้องมาทำหน้าเหวี่ยงใส่ฉันเลยนะ นั่นมาก่อนที่ฉันกับคุณจะหมั้นกันอีก ฉันไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียให้คุณเสียชื่อไปด้วยหรอกน่า เราแค่ถอดเสื้อผ้าออกจนเกือบหมดเอง โชคดีที่พี่จีจี้เข้ามาห้ามทัน ไม่งั้นนะ โอ้โห... ไม่อยากจะคิด" คนเล่าบอกติดตลก เพราะหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกือบจะเสียตัวให้เพื่อนสนิท ขณะที่เมาไม่ได้สติกันทั้งคู่
"คุณมัด"
เจ้าของร่างบางหันไปตามเสียงเรียก แล้วขมวดคิ้วใส่เขาอย่างรอฟัง
"คุณนี่มันน่านัก" ธารวิชญ์พูดเสียงลอดไรฟัน
"น่ารักน่ะหรอ อ้อ...อ อันนี้รู้แล้ว" หญิงสาวบอกพลางยักคิ้วใส่เขาด้วยสีหน้าทะเล้น
"ทีหลังอย่าเมาอีก"
"รู้น่า ฉันก็ไม่ได้เมาบ่อยๆ สักหน่อย"
"ยกเว้นตอนอยู่กับผม"
คนที่กำลังนั่งยิ้มกว้างถึงกับหน้าแข็งค้างไปทันทีที่ได้ยินประโยคต่อมาของอีกฝ่าย
ให้เมาตอนอยู่กับเขางั้นหรอ...
บ้าไปแล้ว!
"ละ แล้วทำไมฉันต้องยกเว้นตอนอยู่กับคุณด้วย"
คนตัวโตที่นั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ คู่สนทนา แล้วพาดแขนล็อกตัวเธอให้ติดกับเบาะหนังเนื้อดีด้วยสีหน้าเข้มขึงราวกับคนที่พร้อมจะระเบิดความโกรธออกมาเต็มที
"เพราะผม..."
ธารวิชญ์พูดค้างเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะใช้มือปัดผมยาวสลวยของเธอออกไปจากต้นคอระหง
"...ผมอะไร" คนที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเอ่ยถามเสียงเบา
ทว่าคนปากแข็งหรือจะยอมตอบเธอง่ายๆ และนอกจากเขาจะไม่ยอมตอบคำถามของเธอแล้ว ผู้ชายขี้หวงยังประกบริมฝีปากหยักเข้ากับต้นคอขาว แล้วเริ่มขบเม้มมันเบาๆ จนกระทั่งรุกไล่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังแกล้งขบฟันคมลงไปเล็กน้อยเพื่อทำโทษเธอเป็นการทิ้งท้าย ก่อนที่เขาจะผละออกไปอย่างอ่อยอิ่ง
"เอ่อ...ทำแบบนี้ทำไม" มาริสาถามเสียงเบาราวกับโดนเขาขโมยเสียงไปด้วย
"ทำสัญลักษณ์"
"คิสมาร์กเนี่ยนะ ทำสัญลักษณ์อะไรของคุณ" คนที่ยังมึนงงในคำตอบของเขาถามกลับด้วยสายตาวูบไหวอย่างควบคุมไม่อยู่
"แล้วคนแบบไหนที่เขาทำสัญลักษณ์กันด้วยคิสมาร์กล่ะครับ" ธารวิชญ์ย้อนถามก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาขึ้นมามองที่ริมฝีปากของเธอ
"มันแดงมากไหม"
"อีกสามสี่วันน่าจะหาย" เขาบอก
"ขะ ขับรถไปได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกันพอดี" มาริสารีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้สึกได้ว่าแก้มตัวเองชักจะร้อนผ่าวอย่างไม่น่าให้อภัย
"รู้ไหมว่าคิสมาร์กมันมีข้อดีนะ"
จู่ๆ คนขับรถจำเป็นที่ควรจะขับไปได้ตั้งนานแล้ว ก็หันมาบอก ทำเอานางเอกสาวที่นั่งปั้นหน้าไม่ถูกถึงกับชะงักค้างกลางอากาศ
"ข้อดีอะไรไม่ทราบ แบบนี้เวลาต้องถ่ายละครฉันก็ลำบากน่ะสิ"
คนทำหัวเราะในลำคอราวกับว่าเขาพอใจนักหนา ก่อนที่จะปล่อยให้คำตอบจู่โจมหัวใจเธออย่างจัง
"ข้อดีของมันก็คือ... คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณมีเจ้าของ"